ผมได้พูดว่า อีกประโยคที่กลต.คงไม่ได้พูด คืออะไร ขอตอบตอนท้ายกระทู้
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาจารย์ไพบูลย์เป็นอย่างสูง
ที่กรุณาเชิญผมไปร่วมสนทนาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมอาจารย์สังเวียน ชั้น ๗ อาคารตลาดหลักทรัพย์ครับ
เป็นการสนทนาที่สนุกมากๆ
อาจารย์ไพบูลย์เชิญทุกคนที่เล่นจริง เจ็บจริงมาพูด
ภาพประกอบส่วนหนึ่ง ได้มาจากกล้องคุณ restart
จำนวนผู้เข้าชม เป็นไปตามที่ผมคาดไว้แต่แรกคือ คนฟังสดจะมีไม่มาก มาฟังประมาณครึ่งห้องประชุม
เพราะเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน
ส่วนใหญ่เลือกดูผ่านช่องทางออนไลน์
ลิงค์ข้างใต้มาจากเฟซบุคไลฟ์ในวันนั้น
ผมดูยอดวิวแล้ว ภายในสิบชั่วโมงแรก มียอดวิวถึง หนึ่งหมื่นสามพันวิว
คนดูผ่านเฟซบุค มาจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/videos/1665911313479680/?fref=mentions
มีหลายประโยคที่ผมพูดในวันนั้นแล้ว ไม่ได้ขยายความเพิ่ม เพราะไม่ใช่นักพูดมืออาชีพ
ที่จะสามารถพูดได้ตามที่คิดไว้ในทันที
ผมได้เริ่มพูด ประมาณนาทีที่ ๓๖ ตามคลิ๊บข้างบน
โดยการอ่านกลอนที่แต่งมาจากบ้าน แบบแด็กส์ด่วน ในตอนเช้าวันนั้น
เรื่องรอบแรกตอนราชาเงินทุนเจ๊ง ๓๐ เปอร์เซนต์แต่หมดตัว เพราะเป็นเงินกู้ ๗๐ เปอร์เซนต์
ส่วนรอบที่สองเจ๊งตอนฟองสบู่แตก ๖๐ เปอร์เซนต์ แต่ไม่หมดตัว เพราะเป็นเงินสดของเราเอง
เรื่องเอาเงินของพ่อมาเล่นหุ้น ได้ชี้แจงเพิ่มเติมไว้ที่เวบ ทีวีไอตามลิงค์นี้
อยากจะบอกว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นก็คือ
วินัยในการใช้และแยกประเภทของเงิน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=61365&p=1781625#p1781625
ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่เกิดกับน้องธันย์ ที่ประสบอุบัติเสียขาสองข้างจากรถไฟฟ้าสิงค์โปร์
ที่จริง ผมต้องการจะบอกตามภาพประกอบข้างใต้
อาจารย์เสน่ห์แซวว่า
นอกจากดูหุ้น ยังดูท้ายรถสิบล้อ ชีวิตแกมันมาก
ความจริงผมอ่านเจอจากท้ายรถตู้ของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ท้ายรถสิบล้อ
+++++++++++++
หลังลงจากเวที ผมได้ยืนสนทนากับคุณชิน (ซึ่งพูดบนเวทีได้ดีมากๆ)
คำตอบทำเอาผมรู้ซึ้งเลยว่า
ตลาดหุ้นมันโหดร้ายมากๆ
ผมถามไปว่า ตกลงหุ้นตัวไหน
ทำให้พอร์ตคุณชินลงจากสองพันล้าน (รวมกู้เงินเยน พันสองร้อยล้านบาท)
ลงมาเหลือสองร้อยล้าน
คำตอบคือหุ้นสามตัว (ขออนุญาตไม่บอกชื่อหุ้น)
มีอยู่ตัวหนึ่ง พื่นฐานไม่ได้เปลี่ยน แต่เหมือนมีคนรู้ว่า
คุณชินมีแรงกดดันจากการกู้เงินมาซื้อ เลยเทขายจนหุ้นถูกพอร์ซเซล
ทั้งๆที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย
หลังจบรายการ ได้ชวนเพื่อนๆในห้องสินธร ไปถ่ายภาพกันหน้าห้องสมุดมารวย ตรงชั้นใด้ดินอาคารตลาดหลักทรัพย์
ใครเลือกยืนข้างไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปตามนั้น
เพราะคนที่เอามือลูบหัวหมี คือคนที่ชอบซื้อหุ้นตอนราคาหมี แล้วเอาไปขายตอนราคากระทิง
กำไรเป็นเด้งๆ จากกราฟแท่งเทียนแบบกรอบเวลาระยะยาวคุมระยะสั้น
ดูคลิ๊บจบแล้ว จะชอบเนื้อหาที่คนไหนพูด
น่าจะขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน
สำหรับคำตอบของหัวกระทู้คือ
ผมบอกว่า มีอีกประโยคที่กลต. คงไม่ได้พูดคือ
"การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษา
เจ้ามือ ก่อนการแทง"
ประโยคนี้ทำเอาคนหัวเราะกันลั่นห้องประชุม
ความจริงที่ผมลืมอธิบายต่อก็คือ
เจ้ามือที่ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันเป็นทูอินวัน
ดูแต่เจ้ามือตัวจริง หรือผลประกอบการ ก็อาจจะไม่รอด
ดูแต่เจ้ามือแด็กส์ด่วนในตลาดหุ้น ก็อาจจะไม่รอด เพราะเราคุมความโลภของเราไม่ได้
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ อีกประโยคที่ กลต. ไม่ได้พูดคือ...
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาจารย์ไพบูลย์เป็นอย่างสูง
ที่กรุณาเชิญผมไปร่วมสนทนาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมอาจารย์สังเวียน ชั้น ๗ อาคารตลาดหลักทรัพย์ครับ
เป็นการสนทนาที่สนุกมากๆ
อาจารย์ไพบูลย์เชิญทุกคนที่เล่นจริง เจ็บจริงมาพูด
ภาพประกอบส่วนหนึ่ง ได้มาจากกล้องคุณ restart
จำนวนผู้เข้าชม เป็นไปตามที่ผมคาดไว้แต่แรกคือ คนฟังสดจะมีไม่มาก มาฟังประมาณครึ่งห้องประชุม
เพราะเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน
ส่วนใหญ่เลือกดูผ่านช่องทางออนไลน์
ลิงค์ข้างใต้มาจากเฟซบุคไลฟ์ในวันนั้น
ผมดูยอดวิวแล้ว ภายในสิบชั่วโมงแรก มียอดวิวถึง หนึ่งหมื่นสามพันวิว
คนดูผ่านเฟซบุค มาจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/videos/1665911313479680/?fref=mentions
มีหลายประโยคที่ผมพูดในวันนั้นแล้ว ไม่ได้ขยายความเพิ่ม เพราะไม่ใช่นักพูดมืออาชีพ
ที่จะสามารถพูดได้ตามที่คิดไว้ในทันที
ผมได้เริ่มพูด ประมาณนาทีที่ ๓๖ ตามคลิ๊บข้างบน
โดยการอ่านกลอนที่แต่งมาจากบ้าน แบบแด็กส์ด่วน ในตอนเช้าวันนั้น
เรื่องรอบแรกตอนราชาเงินทุนเจ๊ง ๓๐ เปอร์เซนต์แต่หมดตัว เพราะเป็นเงินกู้ ๗๐ เปอร์เซนต์
ส่วนรอบที่สองเจ๊งตอนฟองสบู่แตก ๖๐ เปอร์เซนต์ แต่ไม่หมดตัว เพราะเป็นเงินสดของเราเอง
เรื่องเอาเงินของพ่อมาเล่นหุ้น ได้ชี้แจงเพิ่มเติมไว้ที่เวบ ทีวีไอตามลิงค์นี้
อยากจะบอกว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นก็คือ
วินัยในการใช้และแยกประเภทของเงิน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=61365&p=1781625#p1781625
ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่เกิดกับน้องธันย์ ที่ประสบอุบัติเสียขาสองข้างจากรถไฟฟ้าสิงค์โปร์
ที่จริง ผมต้องการจะบอกตามภาพประกอบข้างใต้
อาจารย์เสน่ห์แซวว่า
นอกจากดูหุ้น ยังดูท้ายรถสิบล้อ ชีวิตแกมันมาก
ความจริงผมอ่านเจอจากท้ายรถตู้ของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ท้ายรถสิบล้อ
+++++++++++++
หลังลงจากเวที ผมได้ยืนสนทนากับคุณชิน (ซึ่งพูดบนเวทีได้ดีมากๆ)
คำตอบทำเอาผมรู้ซึ้งเลยว่า
ตลาดหุ้นมันโหดร้ายมากๆ
ผมถามไปว่า ตกลงหุ้นตัวไหน
ทำให้พอร์ตคุณชินลงจากสองพันล้าน (รวมกู้เงินเยน พันสองร้อยล้านบาท)
ลงมาเหลือสองร้อยล้าน
คำตอบคือหุ้นสามตัว (ขออนุญาตไม่บอกชื่อหุ้น)
มีอยู่ตัวหนึ่ง พื่นฐานไม่ได้เปลี่ยน แต่เหมือนมีคนรู้ว่า
คุณชินมีแรงกดดันจากการกู้เงินมาซื้อ เลยเทขายจนหุ้นถูกพอร์ซเซล
ทั้งๆที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย
หลังจบรายการ ได้ชวนเพื่อนๆในห้องสินธร ไปถ่ายภาพกันหน้าห้องสมุดมารวย ตรงชั้นใด้ดินอาคารตลาดหลักทรัพย์
ใครเลือกยืนข้างไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปตามนั้น
เพราะคนที่เอามือลูบหัวหมี คือคนที่ชอบซื้อหุ้นตอนราคาหมี แล้วเอาไปขายตอนราคากระทิง
กำไรเป็นเด้งๆ จากกราฟแท่งเทียนแบบกรอบเวลาระยะยาวคุมระยะสั้น
ดูคลิ๊บจบแล้ว จะชอบเนื้อหาที่คนไหนพูด
น่าจะขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน
สำหรับคำตอบของหัวกระทู้คือ
ผมบอกว่า มีอีกประโยคที่กลต. คงไม่ได้พูดคือ
"การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษา เจ้ามือ ก่อนการแทง"
ประโยคนี้ทำเอาคนหัวเราะกันลั่นห้องประชุม
ความจริงที่ผมลืมอธิบายต่อก็คือ
เจ้ามือที่ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันเป็นทูอินวัน
ดูแต่เจ้ามือตัวจริง หรือผลประกอบการ ก็อาจจะไม่รอด
ดูแต่เจ้ามือแด็กส์ด่วนในตลาดหุ้น ก็อาจจะไม่รอด เพราะเราคุมความโลภของเราไม่ได้