ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ (๔) ๑๔ พ.ย.๖๐

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ

ตอนที่ ๔ ผู้ทำลายน้ำใจลูกน้อง

เล่าเซี่ยงชุน

อ้วนเสี้ยว ผู้เป็นใหญ่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือนั้น เมื่อเสียทหารเอกคู่ใจไปสองนาย และ เล่าปี่ ก็หลบหนีไปตั้งตัวเป็นใหญ่กับพวกพ้องบริวารอยู่ที่เมืองยีหลำแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อไป พอรู้ว่า โจโฉ มีไมตรีกับ ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งผู้เป็นใหญ่ฝ่ายใต้ ก็โกรธเรียกเกณฑ์ทหารจากเมืองกิจิ๋ว อิวจิ๋ว เซียงจิ๋ว และเป๊งจิ๋วได้ถึงเจ็ดสิบหมื่น กะจะยกทัพไปตีเมืองฮูโต๋ของโจโฉ

ฝ่าย แฮหัวตุ้น ซึ่งขัดตาทัพอยู่ที่ตำบลกัวต๋อ ก็แจ้งข่าวไปให้โจโฉทราบ จึงยกทหารเจ็ดหมื่นห้าพันไปสมทบ เพื่อคอยรับมือกับอ้วนเสี้ยวที่แม่น้ำฮองโห

ข้าง เตียนห้อง ที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว ซึ่งถูกจำคุกอยู่ตั้งแต่ ขัดคอไม่ให้ร่วมมือกับเล่าปี่ครั้งก่อน พอรู้ว่าอ้วนเสี้ยวจะรนหาเรื่องเดือดร้อนอีก ตัวออกจากคุกไม่ได้ก็อุตส่าห์เขียนหนังสือฝากคนเอาไปให้อ้วนเสี้ยว มีใจความว่า

"....ธรรมดายังหาภัยไม่ได้ก็อย่าคิดเอาภัยมาใส่ตัว ซึ่งท่านจะยกไปนั้นไม่ควร ขอให้งดตั้งมั่นอยู่กับเมืองก่อน โจโฉคงไม่อาจยกล่วงมาทำอันตรายท่านได้ ประการหนึ่งคอยฟังดูท่วงที ถ้ารู้ว่าโจโฉทำศึกเพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด จึงค่อยยกทัพไปตีเอาเมืองฮูโต๋ ก็จะได้โดยง่าย ถ้าท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้า จะขืนยกกองทัพไป เห็นจะปราชัยแก่โจโฉเป็นมั่นคง....."

อ้วนเสี้ยวอ่านหนังสือนั้นจบลงแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี ฮองกี๋ ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งก็ยุว่า ท่านจะเอาฤกษ์ยกกองทัพไป แต่เตียนห้องมากล่าวว่าจะปราชัย เป็นการเสียฤกษ์ อ้วนเสี้ยวก็จะให้เอาตัวเตียนห้องมาฆ่าเสีย ที่ปรึกษาและนายทหารอื่น ๆ ก็ช่วยกันห้ามปรามไว้ อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้จองจำเตียนห้องให้มั่นคงขึ้น ถ้าไปรบได้ตัวโจโฉมา ก็จะได้ประหารเสียให้พร้อมกัน แล้วก็ยกกองทัพใหญ่มหึมา ไปตั้งค่ายที่ตำบลบู๊เอี๋ยง

จอสิว เพื่อนคู่หูของเตียนห้องก็เตือนสติว่า ทหารของเราถึงมีมากกว่า โจโฉตั้งสิบเท่าก็จริง แต่ไม่กล้าหาญชำนาญสงครามเหมือนทหารของโจโฉ ส่วนเสบียงกองทัพโจโฉนั้นน้อยกว่าของเรา อย่าเพิ่งด่วนเข้ารบโดยเร็ว ควรจะหน่วงเวลาไว้ให้ยืดเยื้อ พอเสบียงในกองทัพโจโฉหมดสิ้นลง ทหารระส่ำระสายเมื่อใด ค่อยยกเข้าตีให้แตกหักก็จะสำเร็จโดยง่าย

อ้วนเสี้ยวก็โกรธอีก บอกว่าเมื่อจะยกทัพมา เตียนห้องบังอาจว่ากล่าว
ขัดขวางก็ให้เฝ้าคุกไว้แล้ว บัดนี้มาคิดหน่วงเหนี่ยวไว้ให้ช้า ไม่ต้องด้วยขบวนศึก จึงสมควรให้เอาไปขังคุกไว้เสียอีกคน เสร็จศึกเมื่อใดก็จะได้ประหารเสียพร้อม ๆ กัน ว่าแล้วก็ให้ทหารทั้งเจ็ดสิบหมื่น ตั้งค่ายเรียงรายออกไปยาวเหยียดถึงเก้าร้อยเส้น

ข้างโจโฉปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่า อ้วนเสี้ยวมีทหารมากกว่าฝ่าย เราถึงสิบเท่าจะรบด้วยวิธีไหน ซุนฮิว บอกว่าถ้าขืนช้าเสบียงหมดก็เห็นทีจะขัดสน ต้องเข้า ตีดยเร็วจึงจะเอาชนะได้ โจโฉก็เห็นด้วย รีบยกทหารออกจากค่ายเข้าตีอ้วนเสี้ยวก่อน

สิมโพย ลูกน้องของอ้วนเสี้ยว ก็เกณฑ์ทหารเกาทัณฑ์หมื่นหนึ่ง ไปซุ่มอยู่นอกค่ายสองข้าง แล้วตัวอ้วนเสี้ยวใส่เกราะทอง กั้นสัปทนทอง พร้อมด้วยนายทหารเอกสี่นายก็นำทหารออกไปประจันหน้ากับโจโฉ ซึ่งมีทหารเอกเคียงข้างสี่คนเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายร้องด่าท้าทายกันตามธรรมเนียมแล้วโจโฉก็ส่ง เตียวเลี้ยวออกรบกับ เตียวคับ ทหารเอกของอ้วนเสี้ยว คู่แรกรบกันได้ห้าสิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน

โจโฉให้ เคาทู ออกมาช่วย อ้วนเสี้ยวจึงให้ โกลำ ออกมารับมือ ทั้งสี่ทหารเอกก็รบกันรวดเร็วดังโคมเวียน พอดูทหารเอกรบกันเพลิน โจโฉก็ให้แฮหัวตุ้นกับโจหอง คุมทหารคนละสามพัน แยกออกไปตีกระหนาบด้านข้าง โดยไม่ให้อ้วนเสี้ยวรู้ตัว สิมโพยคอยอยู่แล้วจึงให้ทหารทั้งหมื่นที่เตรียมเกาทัณฑ์พร้อมอยู่แล้ว โอบล้อมเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง กองทัพของโจโฉก็เลยต้องแตกร่นไปตั้งอยู่บนเขากัวต๋อ

อ้วนเสี้ยวยกทหารตามไปประชิดค่ายโจโฉ แล้วให้ทหารเฝ้าค่ายเดิมไว้เพียงสิบหมื่น ที่เหลือให้ขนมูลดินมากองเป็นเนินสูงกว่าค่ายของโจโฉ ใช้เวลาสิบวันก็ ได้เนินดินห้าสิบเนิน เสร็จแล้วให้ทหารขึ้นไปบนเนินดินช่วยกันระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าไปในค่ายโจโฉเป็นห่าฝน โจโฉกับทหารทั้งปวงหลบลูกเกาทัณฑ์ไม่ไหว ต้องเอาอานม้าบ้างโล่ห์บ้างปิดป้องไปตามเรื่อง บ้างก็หลบลงคูลงหลุม ระส่ำระสายกันไปตลอดวัน

พอตกถึงกลางคืน โจโฉก็ให้ทำจักรยนต์ใส่ลงไปในเกวียน แล้วเอาก้อนหินบรรทุกกลบไว้ให้เต็มเกวียนรวมสองร้อยเล่ม พอรุ่งเช้าทหารของอ้วนเสี้ยว ขึ้นไปยิงเกาทัณฑ์บนเนินดินอีก ทหารของโจโฉก็ช่วยกันเข็นเกวียนบรรทุกก้อนหิน ออกจากค่ายด้านละห้าสิบเล่ม พอเข้าใกล้เนินดินประมาณสามวาเศษ ก็ชักสายยนต์พร้อมกัน จักรยนต์ก็พัดก้อนหินกระเด็นขึ้นไปบนเนินดิน ถูกทหารอ้วนเสี้ยวบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็รีบถอยกลับไปหมด

สิมโพยปลัดทัพของอ้วนเสี้ยวก็คิดแก้ไข โดยให้ทหารขุดอุโมงค์ด้านหลังมูลดินนั้นให้ทะลุเข้าไปในค่ายโจโฉ ฝ่ายโจโฉก็แก้กลนี้ด้วยการให้ทหารออกไปขุดหลุมลึกสกัดไว้ริมค่ายด้านนอก ให้ตรงกับเส้นทางที่ทหารอ้วนเสี้ยวขุดเข้ามา พอขุดมาเจอเอาหลุมกว้างและลึก ก็ข้ามเข้าค่ายไม่ได้ อ้วนเสี้ยวก็เลยหมดปัญญาต้องถอยออกมาห่างจากค่ายกัวต๋อถึงสามร้อยเส้น

ทั้งสองทัพตั้งยันกันอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เดือนสิบถึงเดือนสิบเอ็ดโดยไม่ได้ ยกทหารออกมารบกัน ต่อมาอ้วนเสี้ยวให้ทหารไปคุมเสบียงจากตำบลอัวเจ๋ามาส่งกองทัพก็โดนทหารของโจโฉ ดักเผาเกวียนขนเสบียงเอาไปเสียสิ้น สิมโพยก็แนะอ้วนเสี้ยวว่าควรจะจัดนายทหารที่มีฝีมือ ไปรักษากองเสบียงที่อัวเจ๋าไว้ให้ดี อย่าให้โจโฉเข้าตีได้อีก

อ้วนเสี้ยวก็บอกว่าที่อัวเจ๋าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะได้ส่ง อิเขง และนายทหารรองอีกห้าคน กับทหารสองหมื่นไปรักษาอยู่แล้ว ขอให้สิมโพยไปที่เมืองเงียบกุ๋นซึ่งเป็นเมืองขึ้น ให้เร่งส่งเสบียงมาเพิ่มเติมอย่าให้ขาดได้

ฝ่าย เขาฮิว ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่ง เคยเป็นเพื่อนรักกับโจโฉเมื่อยังหนุ่ม แต่แยกกันทำราชการ ได้หนังสือจากเชลยที่กองตระเวนจับได้รู้ว่าโจโฉขาดแคลนเสบียงจะขอให้ทางเมืองฮูโต๋รีบเร่งส่งเสบียงมาช่วย จึงแนะอ้วนเสี้ยวว่าควรจะแบ่งทหารไปตี เมืองฮูโต๋ซึ่งไม่มีคนรักษา ก็น่าจะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวก็กลัวว่าจะเป็นอุบายของโจโฉที่ ส่งทหารมาให้ถูกจับ ก็เลยยังลังเลอยู่ พอดีสิมโพยที่ไปเร่งเสบียงทางเมืองเงียบกุ๋น มี หนังสือมาฟ้องว่า หลานของเขาฮิวไปเที่ยวฉ้อโกง เรียกเก็บส่วยสาอากรจากชาวเมือง เจียงกุ๋น มาเป็นประโยชน์ของตนเอง ตอนนี้จับได้ก็ยอมรับจึงให้ขังคุกไว้เรียบร้อยแล้ว

อ้วนเสี้ยวก็เลยพาลโกรธเขาฮิวว่า

"......ตัวกูแจ้งว่าเป็นเพื่อนกับโจโฉมาก่อน บัดนี้โจโฉให้สินบนมา จึงคิดอ่านให้ลูกหลานทำการฉะนี้ หวังจะให้ไพร่บ้านพลเมืองแตกตื่นไป อันศีรษะนั้นกูขอฝากไว้กับกายก่อน แต่นี้ไปอย่าเข้ามาให้กูเห็นหน้าเลย....."

เขาฮิวก็ทอดถอนใจใหญ่กลับไปที่พัก รำพึงว่าตนเองมีความสัตย์ซื่อ แต่ พูดอะไรอ้วนเสี้ยวก็ไม่เชื่อถือ กลับไปเชื่อสิมโพยซึ่งแกล้งเอาความชั่วมาใส่ร้าย พลอย ให้ลูกหลานเป็นอันตราย จะกลับไปเมืองอิจิ๋วก็อายคน คิดแล้วก็ชักกระบี่จะเชือดคอ ตาย นายทหารคนสนิทก็เข้ายึดกระบี่ไว้แล้วปลอบว่า คนมีสติปัญญาอย่างท่านอย่าด่วนฆ่าตัวตาย เมื่ออ้วนเสี้ยวไม่เห็นความดี ก็หนีไปอยู่กับเพื่อนเก่าดีกว่า เขาฮิวก็คงจะเสียดายชีวิตอยู่เหมือนกัน ก็เลยเห็นชอบด้วย

พอตกค่ำจึงพาพรรคพวกและคนสนิท ลอบไปหาโจโฉที่ค่าย โจโฉก็ยินดี ที่เพื่อนเก่าทิ้งศัตรูมาอยู่ด้วย เขาฮิวบอกว่า

“......ตัวข้าพเจ้าพลัดไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวนั้น เพราะคิดว่าจะฝากตัวให้มีความสุข จึงทำการโดยสุจริต อ้วนเสี้ยวมิได้เชื่อฟัง แล้วว่าหยาบช้าต่อข้าพเจ้าให้ได้ความระกำใจ บัดนี้ข้าพเจ้าหาที่พึ่งมิได้จึงบ่ายหน้ามาหาท่าน หวังจะทำราชการให้ท่านใช้สอยสืบไปกว่าจะสิ้นชีวิต....."

โจโฉจึงขอให้เขาฮิวช่วยออกความคิดที่จะเอาชนะอ้วนเสี้ยว เขาฮิวก็ลองใจว่า เสบียงในกองทัพของโจโฉมีอยู่สักเท่าใด โจโฉก็ว่าพอเลี้ยงทหารได้สักปีหนึ่ง เขาฮิวหัวเราะบอกว่าเกินไป โจโฉจึงว่าความจริงเสบียงนั้นพอจะมีให้กินกันได้สักครึ่งปี
เขาฮิวก็โกรธบอกว่า ถ้าไม่เชื่อใจก็จะขอลาไปก่อนดีกว่า

โจโฉก็ยึดชายเสื้อไว้แล้วบอกอ้อมแอ้มว่า เสบียงของเราพอเลี้ยงกันไปได้แค่สามเดือนเท่านั้น เขาฮิวก็เยาะว่าได้ยินกิตติศัพท์เขาเลื่องลือกันนักหนาว่า มหาอุปราชจะพูดจาอะไรก็มักมีเล่ห์กล เชื่อถือไม่ได้

โจโฉก็ไม่โกรธกลับหัวเราะยืนยันว่า อันการสงครามต้องอาศัยเล่ห์กล จึงจะเอาชนะแก่ข้าศึกได้ ตอนนี้เสบียงของเราเหลืออยู่เพียงเดือนเดียวเท่านั้น เขาฮิว อ่อนใจว่าจะลวงกันไปถึงไหน ในเมื่อเสบียงของท่านนั้นหมดลงแล้ว ว่าแล้วเขาฮิวก็เอา หนังสือที่ยึดได้จากเชลยส่งให้โจโฉดู โจโฉจึงยอมจำนนและขอร้องให้ปิดไว้เป็นความลับ พร้อมกับให้ช่วยกันคิดแก้ไขต่อไปด้วย

เขาฮิวแนะให้โจโฉยกทหารไปตีกองเสบียงที่อัวเจ๋า โดยปลอมตัวเป็น ทหารของอ้วนเสี้ยว โจโฉก็จัดการให้ทหารเอกเฝ้ารักษาค่าย แล้วตนเองก็คุมทหารไปตีอัวเจ๋าตามคำแนะนำทันที

ฝ่ายจอสิว ที่ปรึกษาซึ่งถูกจำคุกอยู่ในค่ายของอ้วนเสี้ยว เกิดสังหรณ์ใจจึงให้ผู้คุมคลายเครื่องจองจำเสีย แล้วลุกออกไปดูดาวนอกคุก เห็นทีว่าจะมีอันตรายต่ออ้วนเสี้ยว จึงให้ผู้คุมพาตัวไปหาอ้วนเสี้ยว ซึ่งขณะนั้นเสพสุราเมาแล้วนอนหลับอยู่ ทหารจึงปลุกขึ้นมาบอกว่า จอสิวมาขอแจ้งข้อราชการ อ้วนเสี้ยวก็ถามว่ามีธุระสิ่งใด จอสิวรีบบอกว่าค่ำวันนี้ดาววิปริต พิเคราะห์ดูแล้วเห็นว่าท่านจะเดือดร้อน จะมีผู้ลอบไปตีชิงเอาเสบียงที่อัวเจ๋า ขอให้แต่งทหารไปสกัดเส้นทางไว้ อย่าให้ข้าศึกยกผ่านไปได้

อ้วนเสี้ยวก็โกรธว่า

"......เป็นคนโทษ เหตุใดบังอาจมาเจรจาอวดรู้ดังนี้....."

แล้วก็สั่งให้เอาตัวผู้คุมไปประหาร ฐานปล่อยนักโทษออกมารบกวนในเวลานอน แล้วให้เอาจอสิวไปจองจำไว้ตามเดิม จอสิวก็ร้องไห้แล้วว่า ท่านทั้งปวงจะ
ต้องตายในวันพรุ่งนี้กันหมด โดยไม่รู้ว่าศพจะได้อยู่ที่ตำบลใด

โจโฉนั้นคุมทหารผ่านค่ายของอ้วนเสี้ยวที่เรียงรายอยู่ ก็เล็ดรอดไปทุกด่าน เพราะปลอมเป็นทหารอ้วนเสี้ยว จนสองยามเศษก็ถึงกองเสบียงที่อัวเจ๋า จึงให้ ทหารเอาฟืนและฟางที่บรรทุกไปด้วย ระดมเผาฉางข้าวไหม้พินาศ แล้วก็เข้าโจมตีทหารของอิเขงที่เฝ้าอยู่ แตกตื่นกันอลหม่าน นายทหารก็ถูกฆ่าตายไปหลายคน

อ้วนเสี้ยวนอนหลับอยู่ก็ตกใจตื่น เมื่อทหารมารายงานว่าเห็นแสงเพลิง ไหม้อยู่ทางทิศเหนือ จึงเรียกที่ปรึกษามาหารือด่วน เตียวคับกับโกลำจะขอยกทหารไป
ช่วยกองเสบียงที่อัวเจ๋า กัวเต๋า ที่ปรึกษาก็ค้านว่า ควรจะยกไปตีค่ายโจโฉดีกว่าเพราะ คงไม่มีใครเฝ้า อ้วนเสี้ยวเชื่อกัวเต๋า ก็ให้เตียวคับโกลำนำทหารห้าพัน ไปตีค่ายโจโฉให้ เจียวกี๋ คุมทหารหมื่นหนึ่งไปช่วยอิเขง

โจโฉจับอิเขงซึ่งนอนเมาสุราอยู่ได้ ก็ให้ตัดนิ้วมือปากจมูก แล้วปล่อยตัวไป จากนั้นก็ให้ทหารแต่งตัวเป็นทหารของอิเขง ยกกลับมาดักทหารที่จะตามมาช่วย ก็
เจอเจียวกี๋ยกทหารสวนมา นึกว่าพวกเดียวกันจึงขับม้าผ่าเข้าไปหว่างกลางเลยถูกทหารเอกของโจโฉฆ่าตาย แล้วก็ให้ทหารปลอมไปกระพือข่าวแก่อ้วนเสี้ยวว่า เจียวกี๋ตีทหารโจโฉที่อัวเจ๋าแตก อ้วนเสี้ยวก็ดีใจจัดทหารไปหนุนเตียวคับกับโกลำ เข้าตีค่าย โจโฉ แต่กลับโดน โจหอง ญาติสนิทของโจโฉคุมทหารเข้าสู้รบเป็นสามารถ แล้วยังโดนทหารเอกของโจโฉอีกสี่นาย ซุ่มโจมตีกระหนาบ จนต้องถอยเตลิดไป

อิเขงที่แตกมาจากอัวเจ๋า ก็ซมซานมาหาอ้วนเสี้ยว เล่าเรื่องที่เสียทีแก่ โจโฉให้ฟัง แต่ทหารที่หนีมาด้วยกันฟ้องว่า อิเขงไม่ได้เข้มงวดต่อราชการเอาแต่เสพสุราทุกเวลามิได้ขาด จึงเสียเชิงแก่โจโฉ อ้วนเสี้ยวได้ฟังก็โกรธ ชักกระบี่ออกฟันอิเขงตัวขาดสองท่อนตายไปต่อ

ฝ่ายกัวเต๋ารู้ว่าเตียวคับกับโกลำ แตกทัพจากการเข้าตีค่ายโจโฉ ก็ชักร้อนตัวเพราะว่าเป็นความคิดของตน จึงยุอ้วนเสี้ยวว่าสองคนนั้นคงเอาใจออกห่างจึงทำการรบแพ้ อ้วนเสี้ยวก็เชื่อให้ทหารไปตามตัวมาจะทำโทษ กัวเต๋าก็แอบให้คนสนิทไปบอกทหารเอกสองนายให้รู้ตัวว่า ขืนเข้ามาเป็นโดนอ้วนเสี้ยวฆ่าแน่ ทั้งสองนายเลยแอบไปเข้าพวกโจโฉเสียอีก แถมยังขออาสาเป็นทัพหน้า เวลาเข้ารบกับอ้วนเสี้ยวด้วย พวกพลทหารของอ้วนเสี้ยวที่รู้ว่า ทหารเอกของพวกตนไปเข้ากับโจโฉถึงสามคน รวมทั้งเขาฮิว ก็พากันย่อท้อหมดเรี่ยวแรงที่จะรบไปตาม ๆ กัน

โจโฉจึงทำทีว่าจะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่