เนื่องจากผมได้รับเชิญให้ร่วมคณะของการบินไทยให้ไปร่วมพิธีรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ลำที่ 2 ของการบินไทย นามพระราชทาน "พรหมบุรี" (ลำแรกนามพระราชทานว่า "พัฒนานิคม") ที่เมือง Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงอยากนำบรรยากาศมาฝากกันครับ
ข้อมูลเบื้องต้นนะครับ
เครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ลำที่ 2 นี้ เป็นเครื่องบินลำสุดท้ายในฝูงบิน 787 ที่การบินไทยได้สั่งซื้อนะครับ โดยการบินไทยได้สั่ง 787-8 ทั้งหมด 6 ลำ และ 787-9 ทั้งหมด 2 ลำ รวม 8 ลำ โดย 787-8 ได้รับมอบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความแตกต่างของ 787-8 และ -9 ที่เห็นได้ชัดคือความยาวที่เพิ่มขึ้นอีก 6 เมตร ทำให้สามารถใส่ที่นั่งได้มากขึ้นไปอีก โดย 787-8 มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 24 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 240 ที่นั่ง ส่วน 787-9 นั้นมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 268 ที่นั่ง
เทคโนโลยีที่โบอิ้งใส่เข้ามาบนเครื่องบินตระกูล 787 คือการดูดความชื้นจากอากาศเข้ามาปล่อยในห้องโดยสาร ทำให้ระหว่างการเดินทาง อาการผิวแห้ง ปากแห้ง จมูกแห้ง จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการปรับความกดอากาศภายในห้องโดยสารเมื่อเครื่องบินทำการบิน ให้เหมือนว่าเราอยู่ในระดับความสูงเพียง 6,000 ฟุต เทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่นที่ความกดอากาศเฉลี่ยในห้องโดยสาร ทำให้เราเหมือนอยู่ในระดับความสูง 8,000 ฟุต
ซึ่งทั้งความชื้นและความกดอากาศที่เป็นเทคโนโลยีใหม่นี้เอง จะมีผลทำให้เรารู้สึกไม่อ่อนเพลียมากนักเมื่อเดินทางไกลๆ เนื่องจากความชื้นในร่างกายไม่ได้ถูกปล่อยออกไปมาก รวมถึงสภาพความกดอากาศที่อยู่ในระดับเพียง 6,000 ฟุตเท่านั้น
เท่าที่สอบถามเพื่อนๆที่อยู่บนเที่ยวบินเดียวกัน ก็เห็นตรงกันว่า ถึงแม้ว่าจะบินมาเป็นระยะเวลา 15 ชั่วโมง 30 นาทีแบบต่อเนื่อง เมื่อเครื่องถึงสุวรรณภูมิก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอ่อนเพลียเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าบินแบบไฟลท์แน่นๆ คนเต็มๆจะเป็นอย่างไร ลองไปชมรีวิวกันเลยครับ
เราได้เดินทางมาถึง Boeing Delivery Center วันที่ 31 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 12.00 น.ครับ
ตามกำหนดการเครื่องออกคือเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ Seattle แต่ด้วยความที่เป็นเครื่องใหม่ จึงใช้เวลาตรวจสอบรายละเอียดพอสมควร โดยเครื่องออกจริงเวลา 17.00 น.ครับ
คุณพรหมบุรีจอดรอเราอยู่แล้วครับ
วันนี้จะมีพิธีตัดริบบิ้นเพื่อรับมอบเครื่องบินลำใหม่ด้วยครับ
เมื่อได้เวลาอันสมควร คณะผู้บริหารการบินไทย,โบอิ้ง และ Aercap ได้ร่วมกันตัดริบบิ้นและถ่ายภาพร่วมกันครับ
ถึงเวลาที่เราจะต้องขึ้นเครื่องแล้วครับ เที่ยวบินนี้ก็มี Boarding Pass ให้นะครับ พร้อมกับรหัส Wifi จำนวน 100 mb ครับ
เที่ยวบินนี้ไม่มีการระบุหมายเลขที่นั่งนะครับ อยากนั่งตรงไหนก็เลือกได้ตามชอบใจเลยครับ ผมก็เลยย้ายไปย้ายมา ถ่ายรูปเพลินเลยครับ
ถึงแม้จะเป็นเที่ยวบินพิเศษก็ต้องผ่าน Security Check ตามปกตินะครับ
ซึ่งปกติการเดินทางออกจากสหรัฐนั้นจะไม่มีการผ่าน ตม. อยู่แล้วครับ โดยสายการบินจะเป็นคนส่งรายละเอียดผู้โดยสารไปยังตม.เอง เที่ยวบินนี้ก็ไม่ต้องผ่าน ตม.เหมือนกันครับ
เดินเข้าไปที่งวงเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็ครายชื่อผู้โดยสารจาก Boarding Pass และ Badge ที่มีชื่อเราระบุอยู่ ซึ่งทุกคนจะได้รับมาตั้งแต่ตอนมาถึงโบอิ้งแล้วครับ ซึ่งเราก็ต้องคืน Badge นั้นให้เจ้าหน้าที่ด้วยครับ
เดินเข้ามาก็ผ่านส่วนของชั้นธุรกิจก่อนครับ โดยการบินไทยได้ติดตั้งที่นั่งชั้นธุรกิจแบบ Reverse Herringbone หรือที่เรียกกันว่าที่นั่งแบบก้างปลา จำนวน 30 ที่นั่ง จัดวางแบบ 1-2-1 โดยทุกที่นั่งติดกับทางเดิน โดยมีความกว้างของเก้าอี้ 20 นิ้ว และสามารถปรับนอนได้ 180 องศา โดยระบบความบันเทิงบนเครื่องเป็น Panasonic eX3 บนหน้าจอ 16 นิ้ว
ซึ่งเที่ยวบินพิเศษนี้ทางการบินไทยและโบอิ้งได้เตรียมอุปกรณ์การเดินทางไว้พร้อมให้ทุกท่านเลยครับ
มาดูในส่วนของชั้นประหยัดดูบ้างครับ โดยที่นั่งชั้นประหยัดบน 787-8 และ 787-9 จะเป็นรูปแบบเดียวกันครับ โดยจัดวางแบบ 3-3-3 ระยะความกว้างของที่นั่ง 18 นิ้ว และ Seat Pitch หรือระยะห่างจากเบาะหน้า 32 นิ้วครับ หน้าจอ Panasonic eX3 ขนาด 11 นิ้ว
ระหว่างรอเครื่องขึ้น ก็ได้รับอนุญาตจากกัปตันให้เข้าไปเก็บภาพบรรยากาศใน Cockpit เล็กน้อยครับ
เครื่องการบินไทยรุ่น 787-9 นี้ได้รับการติดตั้งที่พักสำหรับลูกเรือ (Crew Rest) มาเรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่งก่อนหน้านี้รุ่น 787-8 ของการบินไทยไม่ได้ติดตั้ง Crew Rest มาด้วย ทำให้ไม่สามารถบินในเส้นทางระยะไกลได้ แต่ขณะนี้การบินไทยได้นำเครื่อง 787-8 ทั้ง 6 ลำไปติดตั้ง Crew Rest แล้วครับ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปีหน้านี้ ซึ่งจะทำให้ฝูงบิน 787 ของการบินไทย สามารถทำการบินระยะไกลได้ทั้งหมดครับ
ท่าน (อดีต) ประธานบอร์ดการบินไทย คุณอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ให้ความสนใจชมอุปกรณ์ต่างๆในครัวครับ
กลับมายังที่นั่งของเราครับ เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารทั้งหมดประมาณ 60 ท่านครับ เป็นผู้บริหารระดับสูง ทีมนักบิน เจ้าหน้าที่ทีมรับมอบเครื่องบิน ฝ่ายช่าง ฝ่ายลูกเรือซึ่งต้องมาตรวจอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่การบินไทยอีกบางส่วนครับ ทำให้ที่นั่งด้านหลังว่างมาก ผมจึงย้ายที่นั่งไปมาเพื่อเก็บภาพบรรยากาศหลายๆมุม ทำให้บางครั้งเลขที่นั่งหน้าจอก็สลับๆกันไปบ้างครับ
ที่นั่งชั้นประหยัดก็มีอุปกรณ์ต่างๆแจกให้เหมือนกันครับ ทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หูฟัง หมอน ผ้าห่มมีครบครับ
หน้าจอแสดงให้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องบินอยู่ที่ Everett ครับ
รับชมวิดิโอสาธิตการใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยบนเครื่องบินแบบใหม่ล่าสุดครับ การบินไทยคงทยอยเปลี่ยนในทุกแบบเครื่องบินเร็วๆนี้ครับ
มีการเปิดไฟในห้องโดยสารเป็นสีต่างๆก่อนเครื่องจะขึ้นครับ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็ได้เวลา Take Off ออกจากสนามบิน Paine Field ที่ Everett มุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่หยุดพัก
โดยใช้เวลาบินประมาณ 15 ชั่วโมง 30 นาทีครับ
[SR] SR: รีวิวเที่ยวบินพิเศษ TG 8913 บน โบอิ้ง 787-9 ลำใหม่ล่าสุดของการบินไทย บินตรงจาก Seattle (Everett) ถึงกรุงเทพ
ข้อมูลเบื้องต้นนะครับ
เครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ลำที่ 2 นี้ เป็นเครื่องบินลำสุดท้ายในฝูงบิน 787 ที่การบินไทยได้สั่งซื้อนะครับ โดยการบินไทยได้สั่ง 787-8 ทั้งหมด 6 ลำ และ 787-9 ทั้งหมด 2 ลำ รวม 8 ลำ โดย 787-8 ได้รับมอบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความแตกต่างของ 787-8 และ -9 ที่เห็นได้ชัดคือความยาวที่เพิ่มขึ้นอีก 6 เมตร ทำให้สามารถใส่ที่นั่งได้มากขึ้นไปอีก โดย 787-8 มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 24 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 240 ที่นั่ง ส่วน 787-9 นั้นมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 268 ที่นั่ง
เทคโนโลยีที่โบอิ้งใส่เข้ามาบนเครื่องบินตระกูล 787 คือการดูดความชื้นจากอากาศเข้ามาปล่อยในห้องโดยสาร ทำให้ระหว่างการเดินทาง อาการผิวแห้ง ปากแห้ง จมูกแห้ง จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการปรับความกดอากาศภายในห้องโดยสารเมื่อเครื่องบินทำการบิน ให้เหมือนว่าเราอยู่ในระดับความสูงเพียง 6,000 ฟุต เทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่นที่ความกดอากาศเฉลี่ยในห้องโดยสาร ทำให้เราเหมือนอยู่ในระดับความสูง 8,000 ฟุต
ซึ่งทั้งความชื้นและความกดอากาศที่เป็นเทคโนโลยีใหม่นี้เอง จะมีผลทำให้เรารู้สึกไม่อ่อนเพลียมากนักเมื่อเดินทางไกลๆ เนื่องจากความชื้นในร่างกายไม่ได้ถูกปล่อยออกไปมาก รวมถึงสภาพความกดอากาศที่อยู่ในระดับเพียง 6,000 ฟุตเท่านั้น
เท่าที่สอบถามเพื่อนๆที่อยู่บนเที่ยวบินเดียวกัน ก็เห็นตรงกันว่า ถึงแม้ว่าจะบินมาเป็นระยะเวลา 15 ชั่วโมง 30 นาทีแบบต่อเนื่อง เมื่อเครื่องถึงสุวรรณภูมิก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอ่อนเพลียเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าบินแบบไฟลท์แน่นๆ คนเต็มๆจะเป็นอย่างไร ลองไปชมรีวิวกันเลยครับ
โดยใช้เวลาบินประมาณ 15 ชั่วโมง 30 นาทีครับ