สวัสดีครับ
เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางจขกท ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เลยอยากนำประสบการณ์ในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นในวิถี New Normal มาเล่าสู่กันฟังครับ
ตอนช่วงที่จขกทไป (กันยายน 2565) การเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นของชาวต่างประเทศนั้น จะต้องมีการขอวีซ่าทุกคน
ไม่มีข้อยกเว้นครับ
แต่ในวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป คนไทยสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าอีกต่อไป ซึ่งตอนที่เข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นเราจะต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม (Sinovac/Sinopharm ไม่นับนะครับ)
หรือ ผลการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72ชม ก่อนบินครับ
สำหรับตอนที่จขกทบินนั้น ต้องมีการใช้ผลตรวจและเอกสารฉีดวัคซีนด้วย สำหรับที่ตรวจ RT-PCR ผมได้ใช้บริการที่
PCT Laboratory ย่านบางพลัดครับ สามารถ Walk-in ได้และผลออกภายใน 18 ชั่วโมงครับ ราคาตรวจอยู่ที่ 1,500 บาท
เกริ่นไปเรียบร้อยแลัว เรามาเริ่มเดินทางกันเลยครับ
ข้อมูลการบิน
เที่ยวบิน: TG682 กรุงเทพ - โตเกียว (ฮาเนดะ)
เครื่องบิน: Boeing 787-8 Dreamliner (HS-TQC คุณปราณบุรี)
ที่นั่ง: 54A (ชั้นประหยัด)
ระยะเวลาการบิน: 6 ชั่วโมง 12 นาที
ระยะทาง: 3,013 ไมล์ (4,849 กิโลเมตร)
เวลาที่เครื่องออก: 23:00น. ตามเวลาประเทศไทย
เวลาที่เครื่องถึงจุดหมาย: 07:12น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น
เช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
มาถึงสนามบินตอน 18:00 ก็สามารถเข้าไปเช็คอินได้เลยครับ ส่วนบรรยากาศในสนามบินก็เริ่มคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิดเลยครับ
หลังจากที่เช็คอินและสำรวจพื้นที่ชั้น 4 ของสนามบินเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการผ่านตมครับ โดยทางจขกทถือหนังสือเดินทางฑูต เลยสามารถใช้บริการ Fast Track ผ่านขั้นตอนตมได้อย่างรวดเร็วครับ
หลังจากผ่าน ตม เรียบร้อย สำหรับผดสชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งก็สามารถลงบันไดเลื่อนเพื่อที่จะเข้าห้องรับรองของการบินไทยได้เลยครับ ถือว่าสะดวกจริงๆ
ป้ายบอกทางไปยังเกทต่างๆ และห้องรับรอง
ห้องรับรอง
ก่อนขึ้นเครื่อง ทางจขกทได้อาศัยสิทธิของบัตรเครดิตกสิกรไทยในการเข้าห้องรับรอง Miracle Lounge ครับ สำหรับห้องรับรองที่สามารถใช้สิทธิบัตรเครดิตเข้าได้ อยู่ในสปอยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา: https://www.kasikornbank.com/th/personal/the-wisdom/articles/Pages/Miracle-Lounge_Suvarnabhumi.aspx
ที่เลือกเข้าวันนี้เป็นห้องที่อยู่ชั้น 3 ฝั่ง Concourse D (D6) First Class ครับ สามารถกดลิฟท์ลงไปได้เลยครับ
ลงมาแล้วเดินตามป้ายได้เลยครับ
สำหรับบรรยากาศในห้องรับรอง ถือว่าสะดวกสะบายมากครับ ในห้องรับรองจะมีอยู่หลายโซน สามารถเลือกได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
โซนเครื่องดื่ม มีให้เลือกหลากหลายอยู่ครับ
สำหรับอาหารที่อยู่ในห้องรับรองก็มีให้เลือกแบบบุฟเฟ่ต์ครับ
นอกจากบุฟเฟ่ต์อาหารแล้วก็ยังสามารถสั่งข้าวมันไก่ เกี้ยวหมู หรือเส้นหมี่ไก่เพิ่มได้เติมได้ครับ
ส่วนเมนูอาหารเบาเช่น ซาลาเปา ไอศกรีม ผลไม้ ก็มีให้บริการเช่นกันครับ
ก่อนออกจากห้องรับรองก็ใช้บริการห้องอาบน้ำครับ โดยรวมถือว่าสะอาดดีครับ
การขึ้นเครื่อง (บอร์ดดิ้ง)
สำหรับวันนี้ ประตูขึ้นเครื่องของเราเป็นเกต C9 ซึ่งเป็นเกตที่ไกลที่สุด (!!!) เดินแทบขาจะหลุดเลยครับ (ฮา)
สำหรับเครื่องบินที่จะพาเราลัดฟ้าไปญี่ปุ่นเป็นเครื่องบินแบบ Boeing 787-8 Dreamliner นามพระราชทาน ปราณบุรี (HS-TQC)
ที่นั่งสำหรับคืนนี้ 54A ริมหน้าต่างครับ สำหรับที่นั่งชั้นประหยัดบนเครื่อง Boeing 787 จะจัดอยู่ในรูปแบบ 3-3-3 ถือว่าไม่อัดแน่นเกินไปครับ
จขกทสูง 171ซม ครับ มีที่ให้ยืดขาอยู่พอประมาณครับ ข้างหน้าที่นั่งเราก็จะมีช่องเก็บของ รวมถึงหูฟังสำหรับ IFE บนเครื่องด้วยครับ (ถ้าใครนำหูฟังส่วนตัวมาก็สามารถใช้ของเราเองได้เลยครับ) และก่อนเครื่องออก ลูกเรือก็จะทำการแจกผ้าหุ่มด้วยครับ
และระหว่างที่นั่งของเราก็จะมีเต้าไฟฟ้าที่เราสามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์ได้เช่นกันครับ
ตอนเครื่องออกก็เจอดีเลย์ครับ ส่วนนึงมาจากระบบ IFE บนเครื่องมีปัญหา และอีกส่วนมาจากฝนที่เทกระหน่ำครับ
ก่อนเครื่องขึ้นก็มีเปิดวีดีโอสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องบิน และมีการปรับไฟในห้องโดยสารครับ
หลังจากที่เครื่องไต่ระดับความสูงมาสักพักแล้ว ทางลูกเรือก็มีการเสริฟแซนวิชไก่เป็นอาหารรองท้องก่อนนอนครับ หากเราต้องการเครื่องดื่มเพิ่มเติมเช่น ชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ ก็สามารถขอได้ลูกเรือได้เพิ่มเติมครับ
หลังจากอาหารรองท้องก่อนนอน ไฟในห้องโดยสารก็จะมีการเล่น effect ของแสงไฟในห้อง จนดับไปในที่สุด เพื่อที่จะให้ผดสพักผ่อนได้เต็มที่ครับ ซึ่งลูกเล่นนี่จะมีอยู่แค่ในตระกูล Boeing 787 เท่านั้นนะครับ
หลังจากที่หลับไปสักพัก ตื่นมาอีกทีตอนที่เครื่องบินอยู่แถบหมู่เกาะโอกินาว่าครับ
หลังจากที่ตื่นมาก็ทำการสำรวจห้องน้ำบนเครื่องครับ
มองออกไปหน้าต่างก็เริ่มรับแสงอรุณบนเครื่องครับ
หลังจากนั้นไม่นานทางลูกเรือได้มีการเสริฟอาหารเช้าบนเครื่องครับ มีให้เลือกระหว่างเมนูข้าวมันไก่ต้ม หรือเมนูไข่คน ทางจขกทเลือกไข่คน เสริฟพร้อมกับชาญี่ปุ่นครับ
เปิดออกมาก็ตามนี้เลยครับ มีการจัดอาหารให้น่ารับประทานอย่างดีเลยครับ และจะสังเกตได้ว่า การเสริฟอาหารบนเครื่องในช่วงนี้นั้นก็จะเหมือนกับช่วงก่อนโควิดเลยครับ
อีกลูกเล่นหนึ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของเครือง Boeing 787 น่าจะหนีไม่พ้นหน้าต่างปรับแสง ที่สามารถปรับแสงที่เข้ามาในห้องโดยสารได้ครับ
หน้าต่างทุกบานจะมีปุ่มปรับอยู่ครับ
หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เริ่มทำการลดระดับเพื่อที่จะลงจอดที่ฮาเนดะครับ
หลังจากเข้าญี่ปุ่นเป็นที่เรียบเรียบร้อย ก็สามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะเข้าเมืองได้เลยครับ ที่แนะนำก็จะเป็น Monorail กับรถไฟสาย Keikyu ครับ
รีวิวเข้าญี่ปุ่นแบบ New Normal ไว้เพียงแต่เท่านี้นะครับ เผื่อท่านใดมีแพลนจะไปเที่ยวและกำลังพิจารณาสายการบิน
//
สวัสดีครับ
[CR] TG682 ✈️ โตเกียว (ฮาเนดะ) | บินลัดฟ้ากับการบินไทยด้วยวิถี New Normal + เข้าห้องรับรอง Miracle Lounge First Class
ตอนช่วงที่จขกทไป (กันยายน 2565) การเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นของชาวต่างประเทศนั้น จะต้องมีการขอวีซ่าทุกคน ไม่มีข้อยกเว้นครับ
แต่ในวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป คนไทยสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าอีกต่อไป ซึ่งตอนที่เข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นเราจะต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม (Sinovac/Sinopharm ไม่นับนะครับ) หรือ ผลการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72ชม ก่อนบินครับ
สำหรับตอนที่จขกทบินนั้น ต้องมีการใช้ผลตรวจและเอกสารฉีดวัคซีนด้วย สำหรับที่ตรวจ RT-PCR ผมได้ใช้บริการที่ PCT Laboratory ย่านบางพลัดครับ สามารถ Walk-in ได้และผลออกภายใน 18 ชั่วโมงครับ ราคาตรวจอยู่ที่ 1,500 บาท
เกริ่นไปเรียบร้อยแลัว เรามาเริ่มเดินทางกันเลยครับ
เครื่องบิน: Boeing 787-8 Dreamliner (HS-TQC คุณปราณบุรี)
ที่นั่ง: 54A (ชั้นประหยัด)
ระยะเวลาการบิน: 6 ชั่วโมง 12 นาที
ระยะทาง: 3,013 ไมล์ (4,849 กิโลเมตร)
เวลาที่เครื่องออก: 23:00น. ตามเวลาประเทศไทย
เวลาที่เครื่องถึงจุดหมาย: 07:12น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้