เพื่อนสองคนเถียงกันเรื่องภาษี หลักการของคนไหนถูกต้องกว่าครับ?

เพื่อนคนที่ 1
- การบ่นเรื่องใครเสียภาษีมากกว่ากัน  ถือว่าใจดำ  เพราะทุกคนล้วนเสียภาษีในรูปแบบของ Vat ย่อมมีสิทธิโดยเท่าเทียมกัน
- คนในจังหวัดกรูรวมกันเสียภาษีมากกว่า  คนของจังหวัดของยิ้ม(เพื่อน 2) ทุกคนรวมกัน  แต่กรูไม่เคยบ่น  และถ้าใช้ตรรกกะของเพื่อน 2  จังหวัดกรูสมควรได้รับการพัฒนามากกว่า ด้วยซ้ำ
- จังหวัดของเพื่อน 2 เป็นจังหวัดท่องเที่ยว  สูบทรัพยากรของชาติไปมาก  พัฒนาเกินหน้าเกินตาภูมิภาคอื่นๆไปมากแล้ว  จะเอางบไปทำไมเยอะแยะมากมาย  สมควรแบ่งให้ที่อื่นพัฒนาบ้าง

เพื่อนคนที่ 2
- ทำไมจะบ่นไม่ได้  ทุกคนจ่าย Vat  เหมือนกันแต่มีบางคนเท่านั้นที่เสียภาษีรายได้  คนจ่ายเยอะกว่าแต่ไม่ค่อยได้ใช้/ได้สวัดดิการแย่ๆ พอๆกับคนจ่ายน้อย  จะบ่นผิดด้วยหรอ?  ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน?
- ก็จังหวัดยิ้ม(เพื่อน 1)ใหญ่กว่าประชากรเยอะกว่า  จะมาเคลมว่าจ่ายภาษีมากกว่าได้ยังไง  ภาษีของจังหวัดกรูเมื่อหารจำนวนประชากรในจังหวัด  จะได้จำนวนภาษี/หัวมากกว่า  
- ทรัพยากรอยู่ในพื้นที่กรู  จะผิดอะไรที่คนท้องที่จะใช้เพื่อพัฒนาท้องที่ของตนเอง  ไม่ได้สูบมาจากบ้านยิ้ม(เพื่อน 1) ซักหน่อย  งบประมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับที่แบ่งจ่ายให้ส่วนกลางไป  นี่คือการเอาเปรียบ

ก็ดูมีเหตุผลทั้งคู่นะ  แต่ผมเอียงไปทางเพื่อน 2 มากกว่า  ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์งูๆปลาๆของผม  ทำให้ผมนึกเทียบเคียงถึงเรื่องของ
GDP VS GDP per capital  ประเทศเพื่อนบ้านเราบางประเทศ  ความเจริญและคุณภาพชีวิต  แย่กว่าเรามาก  แต่เค้ามี GDP มากกว่าเรา
เหตุผลเพราะ  ประเทศเค้าใหญ่กว่าและประชากรมากกว่าเรา  แต่ถ้าคิดเสมือนหนึ่งให้อยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน  GDP per cap ของเราจะมากกว่าเค้า  สอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองของเราที่เจริญกว่าเค้ามากกว่า  คงเทียบเคียงกรณีภาษีที่ว่านี้ได้

ลองนึกถึงใจเค้าใจเรา  เรารู้สึกเหมือนหลักการเพื่อน 1 มีแต่ได้กับได้ยังไงก็ไม่รุ  แต่ถ้าคิดตามหลักการของเพื่อน 2  ก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบจริงๆ  แต่ก็ไม่แน่ใจ  ว่าจริงๆแล้วเราคิดถูกหรือไม่? แล้วพวกคุณล่ะ คิดอย่างไร?
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
คือถ้าเราไปวัดว่าใครเด่นใครด้อย มันก็จะทะเลาะกันนั่นล่ะครับ แตกแยก ก็เลยมีคำว่าทุกคนเท่าเทียมกัน เนื่องด้วยเสีย Vat เหมือนกันทุกคน และคนไทยเรานี่ใครว่า ไม่เจริญ ด้อยพัฒนา โง่ โกรธเอาเป็นเอาตายเลย และยังวิธีคิดแบบท้องถิ่นนิยมจ๋า เห็นไหมคนนั้นน่ะคนบ้านฉันเองนะ บ้านฉันนี่แตะไม่ได้เอาเลย เรื่องพวกนี้ก็เลยละไว้ไม่ให้ทะเลาะกันน่ะครับ เดี๋ยวจะเกทับกันตายเสียก่อน

แต่ถ้าจะถกกันว่า ใครดีกว่าใคร ต้องบอกว่ามีดราม่าแน่นอน รายได้หลักของผู้คนของประเทศเกษตรกรรม ก็ต้องมาจากเกษตรกรรมสินะ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ครับ รายได้รวมหลักๆของผู้คนมาจาก อุตสาหกรรมกับบริการ 80- 90เปอร์เซ็นแน่ะ เกษตรกรรมน่ะที่เหลือ ซึ่งไอ้รายได้ตรงส่วนนี้ ส่วนใหญที่เข้าระบบเป็นรายได้ที่ต้องหักฐานภาษี รายได้ที่ได้มาก็เอามากระจ่ายไปตามภูมิภาคต่างๆ หลายๆจังหวัดเองยังเลี้ยงตัวเองไม่ไหวครับ ยังต้องพึ่งรายได้จากส่วนกลาง เรื่องของเจ้าของกระทู้ เดาว่าคงไม่พ้นดราม่าการเมือง จังหวัดท่องเที่ยว รายได้มหาศาล แต่เอามาใช้เองได้กระจึ๋งเดียว จริงๆจังหวัดใหญ่ๆมีการเคลื่อนไหว พยายามจะเปลี่ยนไปเป็นแบบกรุงเทพกับพัทยาตั้งนานแล้ว มีทั้งเมืองใหญ๋ภาคเหนือ เมืองติดทะเลภาคใต้ เพื่อจะได้จัดการบริหารตัวเองได้แบบเต็มสูบ แต่ก็ติดตรงถ้าถ้าทุกจังหวัดต้องการจะทำแบบนั้นกันหมด แล้วจะเอาเงินที่ไหนมากระจายไปจังหวัดเล็กๆล่ะ

ต่อมาเรื่องเสียภาษีมากหรือน้อย เท่าเทียมกันหรือไม่ ผมมองอย่างนี้ครับ คนที่เสียเยอะๆเขามีสิทธิ์จะคิด ไม่ผิดครับ ก็มันเสียเยอะจริงๆอะ 555 เขาถูกแรงบีดแรงอัดจากสภาวะทางสังคม ให้เขาต้องใช้ข้าวของที่คุณภาพดี ซึ่งของเหล่านี้ไม่ใช้ไม่ได้ มันถูกบีบให้ใช้ของมันเอง ซึ่งไอของเหล่านี้เสียภาษีเต็มอัตราสูบหนักๆกันทั้งนั้น สาวๆทำงานห้องแอร์จะไปใช้น้ำหอมตลาดนัดขวดยาวๆ มันไม่ใช่อะครับ ผมผู้ชายได้กลิ่นยังรู้เลยว่าของแบรนด์หรือของตลาดนัด กลุ่มเหล่านี้ก็มักจะไม่ค่อยจะใช้สวัสดิการของภาครัฐด้วย เนื่องจากมองว่ามีตัวเลือกที่ดีกว่า โรงเรียนของลูก การเดินทาง ประกันค่ารักษาพยาบาลต่างๆ เมื่อพวกเขารู้สึกว่าแทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากการเสียภาษีเลย ทำไมต้องเสียเยอะๆด้วย? 555 อยากบอกว่าธุรกิจในระบบแบบถูกต้องจริงๆ ค่านู่นค่านี่เยอะมากๆ เจอภาษีหลายทบ งง งวย เวียนหัว อีกอย่างผมว่าสินค้าฟุ่มเฟือยบ้านเราแพงไปหน่อยนะ คนชั้นล่างที่พยายามกระยิ้มกระสนยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อไปสู่การเป็นคนชั้นกลาง เจอน้ำหอมเข้าไปขวดนึง เจ็บเลย ผมมองว่าเทรนด์ของความเจริญมันไปทางยกระดับคุณภาพชีวิต เราก็ควรจะทำให้เขาไปสู่จุดนั้นได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่สโลแกนเก่าแก่ ของฟุ่มเฟือยต้องเสียภาษีหนักๆ แบบนี้คนก็ยกระดับคุณภาพชีวิตตัวเองได้น้อยลง ช้าลง

และก่อนที่จะออกทะเลไปมากกว่านี้ ขอย้อนกลับไปสู่เนื้อหากระทู้เลยครับ เรื่อง vat มันเป็นเรื่องในระบบ ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้เข้าเซเว่นทุกวัน ผมไม่คิดว่าคนส่วนใหญไม่อยู่ในฐานระบบภาษีและไม่ยื่นภาษีกันด่วย จำนวนคนเยอะแบบที่เพื่อนเจ้าของกระทู้บอก ไม่ได้สะท้อนว่าต้องเสียภาษีเยอะ เพราะคนเยอะก็หมายถึงใช้สวัสดิการของรัฐเยอะด้วยเช่นกัน และถ้าเค้าไม่ได้จับจ่ายในระบบอีกล่ะ แน่นอนคนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อขายในระบบอยู่แล้ว

แต่จะให้ตอบว่าเพื่อนคนไหนคิดถูกคิดผิด ผมก็ว่าไม่ควร เมื่อมีผู้แพ้ก็ต้องมีผู้ชนะ ผู้แพ้ก็จะเสียหน้า ผมว่าคุยกันดีๆดีกว่าครับ อย่าทะเลาะกัน การให้ประเทศเดินไปได้มันก็ต้องอาศัยทุกส่วนนั่นล่ะ พื้นที่ๆเจริญก็ยังจำเป็นต้องใช้แรงงาน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือแรงงานจากจังหวัดที่เลี้ยงตัวเองไม่ได้นี่ล่ะ
ย้ายมาหางานทำกัน มันก็ต้องช่วยๆกันไป พอเงินกระจายไปทั่วในประเทศมากขึ้น คนมีการศึกษาสูงขึ้น ทักษะมากขึ้น ภาพรวมของประเทศก็จะเจริญไปเองละครับ ปล.บางข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนบ้างนะครับ บางอย่างก็ลืมบ้างอะไรบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่