The White Room Charity Presents
"การเสพติดของคนยุคใหม่ที่ใกล้ตัวทุกคน"
การเสพติดสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยทั่วไป เกิดจากการที่สิ่งกระตุ้นนั้นๆทำให้เกิดการหลั่งสารโดพามีน/สารที่ทำให้เรามีความสุขในสมอง
เป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับเซลล์สมอง เกิดการเสพติดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ถ้าเรามองว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขคือจุดสูงสุดของการใช้ชีวิต ก็ไม่แปลกที่สารโดพามีนจะถูกมองว่าเป็น
"Brain Reward System!!!"
ดังนั้นการเสพติดส่วนมาก เช่น การพนัน ยาชนิดต่างๆ เป็นสิ่งที่ไปเปลี่ยนสารสื่อประสาทในสมอง และทำให้เกิดการหลั่งโดพามีนออกมามากกว่าปกติ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการเสพติดรูปแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าเป็น "สิ่งที่กระตุ้นสมอง หรือ สารความสุข"
เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น การติดโทรศัพท์ บางคนติด Facebook บางคนติดอ่าน Pantip บางคนกังวลว่ายอด Followใน Instagram จะลดลง ติดแชทแม้ว่าจะไม่มีอะไรคุยจริงจัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อะไรคือสิ่งที่ตอบสนองการเสพติดนี้? แม้ว่าจะดูยังไม่ร้ายแรงในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการเสพติดนี้มีอยู่จริง และใกล้ตัวเรามากๆ
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
แต่รู้มั้ย!!!! มีโรคที่เกี่ยวข้องกับการติดโทรศัพท์ด้วย!!
เราเรียกมันว่า "Nomophobia" หรือ โรคกลัวการขาดมือถือ ย่อมาจาก No Mobile phone phobia และโรคนี้ยังก่อให้เกิดโรคที่ตามมามากมาย เช่น โรคนิ้วล็อก สายตาล้า โรคอ้วน และจากสถิติตั้งแต่ปี2010
.....มีคนมากถึง58%ที่กังวลว่ามือถือจะแบตหมด
.....มีเด็กมากถึง77% check มือถือเฉลี่ย35ครั้งต่อวัน
.....และมีประชากรมากถึง53% ที่เป็นโรคนี้!!!
ในปัจจุบันมีผู้คนบนโลกเข้าถึงการใช้ smart phone และ Internet มากกว่าแหล่งน้ำสะอาดด้วยซ้ำไป
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
ใครมีอาการเหล่านี้ ระวังให้ดี!!!!
1.กังวลเมื่อมือถือไม่อยู่กับตัว
2.เมื่อมีเสียงเตือน คุณจะละทิ้งทุกอย่าง ไปดูโทรศัพท์ไม่ว่างานที่มีจะเยอะแค่ไหน
3.ตื่นนอนพร้อมโทรศัพท์ และเข้านอนพร้อมโทรศัพท์
.....เป็นยังไงบ้าง ใครมีครบทั้ง3ข้อ ต้องหาวิธีแก้แล้วแหละ ซึ่งวิธีแก้ก็แสนง่ายดายเพียงแค่คุณใช้เวลาเล่นโทรศัพท์ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นซะบ้าง
เช่น เล่นกีฬา จ่ายตลาด เดินเล่นชิวๆชิคๆแถวบ้าน
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
แล้วทำไมการติดโทรศัพท์ถึงจัดเป็นอาการเสพติดล่ะ??
ก็เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้โทรศัพท์ด้วยความอยากรู้ อยากลอง ถูกชักชวนโดยผู้อื่น ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
แถมยังมีโรคที่เกิดขึ้นอย่าง Nomophobia อีก ซึ่งมันคือ1ในสาเหตุของการติดสารเสพติดนั่นเอง
แต่ก็ไม่ได้บอกนะ ว่า การใช้โทรศัพท์นั้นไม่ดีเลยซะทีเดียว มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัว ทางที่เราควรใช้ให้เหมาะสม ถูกวิธีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ปล่อยตัวเองให้หลงละเลยจนเกินไปนะ
ด้วยรักและหวังดี
กลุ่มสัมภาษณ์TWR F
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
อ้างอิงข้อมูลและสถิติจาก
1.
http://www.bangkokhealth.com/
บทความเขียนโดย แพทย์หญิงวิมลจันทร์ วุฒิสมบัติ และ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ : ชำนาญการพิเศษการชะลอวัย
2.หนังสือSociology ของสำนักพิมพ์ McGraw-Hill
[TWR Presents]-การเสพติดของคนยุคใหม่ที่ใกล้ตัว!!
การเสพติดสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยทั่วไป เกิดจากการที่สิ่งกระตุ้นนั้นๆทำให้เกิดการหลั่งสารโดพามีน/สารที่ทำให้เรามีความสุขในสมอง
เป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับเซลล์สมอง เกิดการเสพติดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ถ้าเรามองว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขคือจุดสูงสุดของการใช้ชีวิต ก็ไม่แปลกที่สารโดพามีนจะถูกมองว่าเป็น
ดังนั้นการเสพติดส่วนมาก เช่น การพนัน ยาชนิดต่างๆ เป็นสิ่งที่ไปเปลี่ยนสารสื่อประสาทในสมอง และทำให้เกิดการหลั่งโดพามีนออกมามากกว่าปกติ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการเสพติดรูปแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าเป็น "สิ่งที่กระตุ้นสมอง หรือ สารความสุข"
เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น การติดโทรศัพท์ บางคนติด Facebook บางคนติดอ่าน Pantip บางคนกังวลว่ายอด Followใน Instagram จะลดลง ติดแชทแม้ว่าจะไม่มีอะไรคุยจริงจัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อะไรคือสิ่งที่ตอบสนองการเสพติดนี้? แม้ว่าจะดูยังไม่ร้ายแรงในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการเสพติดนี้มีอยู่จริง และใกล้ตัวเรามากๆ
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
แต่รู้มั้ย!!!! มีโรคที่เกี่ยวข้องกับการติดโทรศัพท์ด้วย!!
เราเรียกมันว่า "Nomophobia" หรือ โรคกลัวการขาดมือถือ ย่อมาจาก No Mobile phone phobia และโรคนี้ยังก่อให้เกิดโรคที่ตามมามากมาย เช่น โรคนิ้วล็อก สายตาล้า โรคอ้วน และจากสถิติตั้งแต่ปี2010
.....มีคนมากถึง58%ที่กังวลว่ามือถือจะแบตหมด
.....มีเด็กมากถึง77% check มือถือเฉลี่ย35ครั้งต่อวัน
.....และมีประชากรมากถึง53% ที่เป็นโรคนี้!!!
ในปัจจุบันมีผู้คนบนโลกเข้าถึงการใช้ smart phone และ Internet มากกว่าแหล่งน้ำสะอาดด้วยซ้ำไป
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
ใครมีอาการเหล่านี้ ระวังให้ดี!!!!
1.กังวลเมื่อมือถือไม่อยู่กับตัว
2.เมื่อมีเสียงเตือน คุณจะละทิ้งทุกอย่าง ไปดูโทรศัพท์ไม่ว่างานที่มีจะเยอะแค่ไหน
3.ตื่นนอนพร้อมโทรศัพท์ และเข้านอนพร้อมโทรศัพท์
.....เป็นยังไงบ้าง ใครมีครบทั้ง3ข้อ ต้องหาวิธีแก้แล้วแหละ ซึ่งวิธีแก้ก็แสนง่ายดายเพียงแค่คุณใช้เวลาเล่นโทรศัพท์ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นซะบ้าง
เช่น เล่นกีฬา จ่ายตลาด เดินเล่นชิวๆชิคๆแถวบ้าน
-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
แล้วทำไมการติดโทรศัพท์ถึงจัดเป็นอาการเสพติดล่ะ??
ก็เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้โทรศัพท์ด้วยความอยากรู้ อยากลอง ถูกชักชวนโดยผู้อื่น ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
แถมยังมีโรคที่เกิดขึ้นอย่าง Nomophobia อีก ซึ่งมันคือ1ในสาเหตุของการติดสารเสพติดนั่นเอง
แต่ก็ไม่ได้บอกนะ ว่า การใช้โทรศัพท์นั้นไม่ดีเลยซะทีเดียว มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัว ทางที่เราควรใช้ให้เหมาะสม ถูกวิธีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ปล่อยตัวเองให้หลงละเลยจนเกินไปนะ
อ้างอิงข้อมูลและสถิติจาก
1.http://www.bangkokhealth.com/
บทความเขียนโดย แพทย์หญิงวิมลจันทร์ วุฒิสมบัติ และ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ : ชำนาญการพิเศษการชะลอวัย
2.หนังสือSociology ของสำนักพิมพ์ McGraw-Hill