วันที่ 11 พ.ย. ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะฯในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกฯได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค ช่วงที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “พลังขับเคลื่อนใหม่ทางการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงในภูมิภาค” (New Drivers for Regional Trade, Investment and Connectivity)
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอนำเสนอมุมมองของไทยใน 3 ประเด็น ที่เอเปคควรให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาแรงผลักดันของเอเปคในเวทีระหว่างประเทศในห้วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ คือ ปฏิรูปโครงสร้างภายใน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแต่ละเขตเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ จึงมีนโยบายประเทศไทย 4.0
ทั้งนี้การสร้างความเชื่อมโยงอย่างรอบด้านในทุกมิติ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม และยั่งยืน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ไทยจึงได้เตรียมความพร้อมในด้านความเชื่อมโยงทางดิจิทัล โดยได้ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมผ่านโครงการเน็ตประชารัฐ ด้วยการขยายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านทั่วประเทศในปีนี้ พร้อมลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบ Asia-Africa-Euroupe-1 (AAE-1) ความยาว 25,000 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาโครงข่ายระหว่างประเทศเชื่อมไทยสู่ทั่วโลก
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ..ลุงตู่..
http://www.banmuang.co.th/news/politic/95303
นายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความมาเพื่อให้สร้างความมั่นใจกับพี่น้องปชช.ว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจขึ้น
โฆษกรัฐบาลเผย ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง คาดปีหน้าขยายตัวร้อยละ 4 ย้ำรัฐมีเป้าหมายชัดเจน ไม่หวั่นไหวต่อคำวิจารณ์ พร้อมเร่งพัฒนาประเทศทุกรูปแบบ
11 พ.ย.60 - พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจของ ม.หอการค้าไทย เดือน ต.ค.60 พบว่า ประชาชนมองเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 มีระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 64.1 ส่วนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 80.8
“ตัวเลขความเชื่อมั่นเกือบทั้งหมดเป็นไปทิศทางที่ดี ทั้งเรื่องการใช้จ่ายของผู้บริโภค โอกาสการหางานทำ การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งสะท้อนว่าประชาชนเริ่มเกิดความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยังมีปัจจัยด้านบวกอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น ตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 20 ปี ราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลง เป็นต้น”
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความมาเพื่อให้สร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และลดปัญหาปากท้องให้ได้มากที่สุด โดยย้ำว่าเศรษฐกิจไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จากปี 2557 ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 เพิ่มเป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2559 และร้อยละ 3.7 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยคาดว่าตลอดทั้งปีน่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3.8
ในปี 2561 รัฐบาลจะมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของประชาชนระดับฐานราก ส่งเสริม SMEs และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รวมทั้งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเต็มที่ เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี นอกจากนี้ จะมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาทั้งจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ เสริมด้วยรายได้จากการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4
“นายกฯ ยืนยันว่า แม้จะมีการปรับ ครม. แต่นโยบายเศรษฐกิจจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะรัฐบาลมีความชัดเจนต่อเป้าหมายในวันข้างหน้า โดยไม่หวั่นไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีใด ๆ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล”
นอกจากนี้ วันนี้เป็นวันแรกของมาตรการช้อปช่วยชาติ ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการช้อปช่วยชาติ จะก่อให้เกิดผลดีสำหรับทุกฝ่าย ทั้งส่วนของผู้จำหน่ายสินค้าและบริการที่จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลออกมาตรการ คือ ระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค.60 ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท รวมทั้งมาตรการนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ส่งผลบวกตั้งแต่ผู้ผลิตต้นทางไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง
"เชื่อว่าบรรยากาศการซื้อขายสินค้าและบริการ ในช่วงที่มาตรการประกาศใช้จะคึกคักเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนจับจ่ายอย่างมีสติ เลือกซื้อสินค้าและบริการที่จำเป็น เพื่อได้รับประโยชน์สูงสุด"พล.ท.สรรเสริญกล่าว
http://www.thaipost.net/?q=node/37960
ลุงตู่สง่าภาคภูมิยิ่งขึ้นทุกวัน สมเป็นผู้นำประเทศไทยไปต่างแดนค่ะ
ชื่นชมท่านนะคะ...ท่านยังห่วงประเทศไทยอีกด้วย
นี่แหละสุดยอดผู้นำ ไม่เคยหนีประชาชนไปไหนนานท่านคิดถึงบ้านที่มีประชาชนรออยู่
~มาลาริน~** สง่าภาคภูมิสมผู้นำไทยแลนด์ 4.0ค่ะ... ปิดม่านเอเปค ! “ลุงตู่” ชูไทยแลนด์ 4.0 ปลุก ศก.ยุคดิจิทัล
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอนำเสนอมุมมองของไทยใน 3 ประเด็น ที่เอเปคควรให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาแรงผลักดันของเอเปคในเวทีระหว่างประเทศในห้วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ คือ ปฏิรูปโครงสร้างภายใน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแต่ละเขตเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ จึงมีนโยบายประเทศไทย 4.0
ทั้งนี้การสร้างความเชื่อมโยงอย่างรอบด้านในทุกมิติ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม และยั่งยืน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ไทยจึงได้เตรียมความพร้อมในด้านความเชื่อมโยงทางดิจิทัล โดยได้ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมผ่านโครงการเน็ตประชารัฐ ด้วยการขยายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านทั่วประเทศในปีนี้ พร้อมลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบ Asia-Africa-Euroupe-1 (AAE-1) ความยาว 25,000 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาโครงข่ายระหว่างประเทศเชื่อมไทยสู่ทั่วโลก
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ..ลุงตู่..
http://www.banmuang.co.th/news/politic/95303
นายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความมาเพื่อให้สร้างความมั่นใจกับพี่น้องปชช.ว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจขึ้น
โฆษกรัฐบาลเผย ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง คาดปีหน้าขยายตัวร้อยละ 4 ย้ำรัฐมีเป้าหมายชัดเจน ไม่หวั่นไหวต่อคำวิจารณ์ พร้อมเร่งพัฒนาประเทศทุกรูปแบบ
11 พ.ย.60 - พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจของ ม.หอการค้าไทย เดือน ต.ค.60 พบว่า ประชาชนมองเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 มีระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 64.1 ส่วนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 80.8
“ตัวเลขความเชื่อมั่นเกือบทั้งหมดเป็นไปทิศทางที่ดี ทั้งเรื่องการใช้จ่ายของผู้บริโภค โอกาสการหางานทำ การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งสะท้อนว่าประชาชนเริ่มเกิดความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยังมีปัจจัยด้านบวกอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น ตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 20 ปี ราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลง เป็นต้น”
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความมาเพื่อให้สร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และลดปัญหาปากท้องให้ได้มากที่สุด โดยย้ำว่าเศรษฐกิจไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จากปี 2557 ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 เพิ่มเป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2559 และร้อยละ 3.7 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยคาดว่าตลอดทั้งปีน่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3.8
ในปี 2561 รัฐบาลจะมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของประชาชนระดับฐานราก ส่งเสริม SMEs และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รวมทั้งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเต็มที่ เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี นอกจากนี้ จะมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาทั้งจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ เสริมด้วยรายได้จากการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4
“นายกฯ ยืนยันว่า แม้จะมีการปรับ ครม. แต่นโยบายเศรษฐกิจจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะรัฐบาลมีความชัดเจนต่อเป้าหมายในวันข้างหน้า โดยไม่หวั่นไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีใด ๆ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล”
นอกจากนี้ วันนี้เป็นวันแรกของมาตรการช้อปช่วยชาติ ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการช้อปช่วยชาติ จะก่อให้เกิดผลดีสำหรับทุกฝ่าย ทั้งส่วนของผู้จำหน่ายสินค้าและบริการที่จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลออกมาตรการ คือ ระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค.60 ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท รวมทั้งมาตรการนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ส่งผลบวกตั้งแต่ผู้ผลิตต้นทางไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง
"เชื่อว่าบรรยากาศการซื้อขายสินค้าและบริการ ในช่วงที่มาตรการประกาศใช้จะคึกคักเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนจับจ่ายอย่างมีสติ เลือกซื้อสินค้าและบริการที่จำเป็น เพื่อได้รับประโยชน์สูงสุด"พล.ท.สรรเสริญกล่าว
http://www.thaipost.net/?q=node/37960
ลุงตู่สง่าภาคภูมิยิ่งขึ้นทุกวัน สมเป็นผู้นำประเทศไทยไปต่างแดนค่ะ
ชื่นชมท่านนะคะ...ท่านยังห่วงประเทศไทยอีกด้วย
นี่แหละสุดยอดผู้นำ ไม่เคยหนีประชาชนไปไหนนานท่านคิดถึงบ้านที่มีประชาชนรออยู่