หลักการเงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นเงินงบประมาณที่จัดเตรียมไว้เพื่อดำเนินการในกรณีมีเหตุการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายหรือไม่ทราบล่วงหน้า และรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ อันเป็นหลักการที่ฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) และ ครม.ก็ทราบเป็นอย่างดี โดยปรกติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของประเทศจะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อให้มีการกลั่นกรองอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้การใช้จ่ายเงินของแผ่นดินเป็นไปอย่างคุ้มค่า กรณีการซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วของรถยนต์พิจารณาอย่างไรก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์การขอใช้งบประมาณรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพราะเป็นเรื่องที่สามารถคาดหมายและทราบล่วงหน้าแล้วนอกจากนี้ยังเคยขอรับงบประมาณมาก่อนหน้านี้แล้วจึงทราบและคาดการณล่วงหน้าได้ ในกรณีที่จะของบประมาณผ่านตามระบบปรกติคือต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติของฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งมีกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณทำหน้าที่กลั่นกรองยากยิ่งที่จะผ่านการพิจารณาอนุมัติไปได้ เพราะโดยหลักการการขอใช้งบประมาณจะต้องเป็นภารกิจหลักของส่วนราชการนั้น ๆ ซึ่งกรมป้องกันภัยฯ ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจจับความเร็วของรถยนต์จะไม่สามารถผ่านหลักการนี้ได้(นอกจากมีรายการขอมากึ่งบังคับ) และในส่วนราคาจะมีอนุกรรมการฯ พิจารณาราคาซึ่งราคาที่ขอมานี้ไม่มีทางผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการฯ ไปได้เพราะจะต้องมีการเปรียบเทียบกับข้อมูลที่หาได้ทั่วไปในโซเชียลมีเดีย และผู้ที่ทำหน้าที่ชี้แจง(ก็คงจะเป็นข้าราชการของ ปภ.)จะต้องถูกหยามหยัน(จาก อนุกรรมการฯ ที่ทำหน้าที่นี้)ถึงระดับสติปัญญาเมื่อเทียบกับตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ การของบประมาณในลักษณะที่ไม่ชอบมาพากลจึงเลี่ยงช่องโหว่ไปใช้ช่องทางที่เพียงแต่ได้รับอนุมัติ จาก ครม.
เรื่องที่ จขกท. รันทดใจก็คือ ไม่ว่าใน ครม. หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ตลอดจนกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณมีผู้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการที่กล่าวมาเป็นอย่างดีแต่ไม่มีใครทักท้วงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ และที่สังเวชใจคนเหล่านี้เวลาออกมาพูดในทีวีล้วนแต่เน้นย้ำถึงความซื่อสัตย์ สุจริต และต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญเสียสละเพื่อประเทศชาติ อนาถใจจริง ๆ ทุกคนถูกพันธนาการด้วยยศด้วยลาภจนไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม
กรณีการซื้อเครื่องจับความเร็วกับการขอใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เรื่องที่ จขกท. รันทดใจก็คือ ไม่ว่าใน ครม. หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ตลอดจนกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณมีผู้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการที่กล่าวมาเป็นอย่างดีแต่ไม่มีใครทักท้วงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ และที่สังเวชใจคนเหล่านี้เวลาออกมาพูดในทีวีล้วนแต่เน้นย้ำถึงความซื่อสัตย์ สุจริต และต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญเสียสละเพื่อประเทศชาติ อนาถใจจริง ๆ ทุกคนถูกพันธนาการด้วยยศด้วยลาภจนไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม