ตอน 1 ครับ https://ppantip.com/topic/36900407
ตอน 3 https://ppantip.com/topic/37074450
ตอน 4 https://ppantip.com/topic/37074481
ตอน 5 https://ppantip.com/topic/37075853
ตอน 6 https://ppantip.com/topic/37076803
ตอน 7 https://ppantip.com/topic/37077885
ตอนจบ https://ppantip.com/topic/37080607

วันนี้เราเดินทางไปที่ Scotland โดยรถไฟ Virgin
จาก สถานี Kingcross ไปยัง Edinburgh ตอนแรกก็อ่านว่าเอดินเบิก แต่คนที่นี่บอก เอ-ดิน-บระ
ไป-กลับ ประมาณ 90 ปอน จองล่วงหน้าในเน็ต
เราจะได้รหัสการจอง และรหัส wifi สำหรับเล่นบนรถไฟ

เราต้องเอารหัสที่จองมากดเป็นตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ ที่ สถานี
จะได้ตั๋วทั้งขาไปทั้งขากลับ


รถไฟใช้เวลาเดินทาง 4 ชม


ถ้าไปถึงสถานีก่อน จะต้องรอดูชานชาลาที่บอร์ด ว่า รถไฟของเรา ขึ้นที่ชานชาลาไหน

ผม เวลาออก คือ 9.00 แต่ตอนนี้ 8.50 ชานชาลายังไม่ออก OMG
ไปถาม information ก็บอก I don’t know, just waiting

คือ คนยืนรอหน้าชานชาลาเยอะมากๆๆๆๆ ยังเข้าไม่ได้ แต่ละชานก็อยู่คนละทาง คนก็ยืนออกัน
ผมเปิดดูใน แอป city mapper มันขึ้นชานชาลาละ แต่ที่สถานนียังไม่ขึ้น
รู้สึกจะขึ้นตอน 8.57 เหลือ 3 นาที ที่จะวิ่งไปชานชาลา และขึ้นรถไฟ OMG


ถ้าจองที่นั่งก็หาตู้ของเราและที่นั่งของเรา แล้วก็มีแบบไม่ต้องจองที่นั่ง คือขึ้นไปหาเอง
ถ้ามีที่ว่างก็นั่ง บางคนไม่มีที่ว่างก็ยืน
บนที่นั่งจะมีกระดาษเสียบไว้ แปลว่า ที่ตรงนี้ มีคนจองไว้ เราจะนั่งก็ได้ แต่ถ้าเจ้าของที่มาเราต้องลุกให้เจ้าของที่
เก้าอี้ไม่ได้หันหากันได้เหมือนชินกังเซนนะครับ ที่เห็นมีที่นั่งหันหากัน
คือมันฟิกเลย
แต่เร็วๆนี้ เหมือน Virgin กำลังจะเปลี่ยนรถไฟใหม่ ชื่อ Azuma มั้ง

บนรถไฟจะมีตู้ที่ของเครื่องดื่ม ขนมขาย และยังมีบริการรถเข็นขายเหมือนบนเครื่องบินด้วย
มีปลั๊กไฟ มีห้องน้ำ มี wifi
ระหว่างทางก็มีแวะจอดบ้างบางสถานี

นึกขึ้นมาได้
ลืมบอกว่าที่ลอนดอนใน tube ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ และในตึกบางตึกแบบชั้นใต้ดินนี่ก็ไม่มีสัญญาณ ไลน์หากันไม่ได้นะจ๊ะ
มันเป็นเพราะอะไร??? 555+ ตึกหนาหรือยังไง
ส่วนรถไฟใต้ดินเพื่อนบอกว่า อังกฤษมันมีมานานแล้ว ไม่ได้ทำรองรับสัญญาณโทรศัพท์มา ว่างั้น


พอเข้าสู้สกอตแลน ก็จะเริ่มเห็นปราสาท ตามข้างทาง
โอ้วว อย่างกับในเทพนิยาย บรรยากาศรอบๆ ปราสาท ดีมาก สมเป็นเมืองแห่งปราสาทจริงๆ
อยากรู้จังคนที่อาศัยอยู่ในปราสาทจริงๆ ชีวิตเค้าดำเนินไปกันยังไง


แผนการเที่ยวใน Highlands ของเรา 21-27 สิงหา


Edinburgh เมืองนี้สวยมาก ก.ไก่ล้านตัว
เป็นเมืองเก่า ปราสาทหรือตึก สร้างได้สวยมาก
สถานีรถไฟอยู่กลางเมืองเลย ออกมาจากสถานีก็เดินเที่ยวได้เลย


บรรายากาศเมือง
เมืองนี้เหมือนจะอยู่รอบๆปราสาท Edinburgh จึงเป็นเนินๆ ถนน ก็สลับซับซ้อน เดินงงมากๆ
เป็นถนนยกระดับ ข้ามตรงนี้ อุโมงลอดตรงนั้น แรกๆงงมาก

แต่สวย เดินแล้วพยายามจินตนาการไปถึงสมัยก่อน
คนสมัยก่อนเค้าก็เก่งนะ สร้างได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นทั้งที่สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้มากมายเท่าสมัยเรา


เราเช่ารถของ Alamo ในเวบนี้เลยครับ
ที่รับรถอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย มองหาไม่ยาก
ออกจากสถานีรถไฟ จะเห็นลานจอดรถ มีรถเยอะๆ นั่นแหละครับ
ไปหาทางเข้าตึกแถวๆนั้น ไม่ยาก


ตอนผมไป ตรงกับเทศกาล Fringe festival พอดี ซึ่งเราไม่รู้มาก่อน
Fringe festival
เป็นเทศกาลการแสดงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จัดเดือน สิงหาคม ของทุกปี
เค้าจะปิดถนน และมีโชว์มากมาย มีโชว์ตามท้องถนน บางโชว์อยู่ในห้องตามตึก จะเห็นแถวคนรอเข้าไปชม
มีคนแจกใบปลิวเยอะมาก เพื่อให้เราไปดูโชว์ของเค้า
คนแจกก็แต่งตัวจัดเต็ม เป็นสีสันให้งานอย่างมาก
เป็นเทศกาลที่เฮฮาและสนุกมีสีสันมากครับ


สตาฟ เท่มั้ย


เอกลักษณ์ของเมืองเค้า ปี่สก็อต


เราเดินตามถนนมาที่ Edinburgh castle ปราสาทนี้ สร้างบนภูเขาไฟที่ดับแล้ว
และช่วงนี้อีกเหมือนกัน ที่ลานหน้าปราสาทนี้จะมีงาน
Royal Edinburgh military tatoo
ซึ่งเป็นงานแสดงวงโยธวาทิตทหาร เอดินบระ
เป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่คนทั่วโลกตั้งใจมาดู คือคนมาดูเยอะมากๆ วันก่อนหน้าที่ผมไป เจ้าชายวิลเลียมก็ได้เสด็จมาทอดพระเนตร

ถ้ามีงาน ลานหน้าปราสาทนี้จะมีแสตนมาตั้ง เพื่อเป็นที่นั่งชมการแสดง
ตั๋วสามารถซื้อออนไลน์ได้
วันสุดท้ายของงานจะมีการแสดงพลุด้วย


อย่างที่ว่า ปราสาทนี้สร้างอยู่บนเนินเขาสูง ทางเข้าทางเดียวคือทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านที่มีความชันน้อยที่สุด
ทางเดินเข้าไปยังปราสาท มีมนเสน่ห์ของปราสาท
ผมไม่เคยเที่ยวปราสาทจริงๆที่ไหนมาก่อน มาที่นี่ที่แรก
ถือว่าเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะข้างในมีนิทรรศการ และความรู้เกี่ยวกับปราสาท
ซึ่งจะพบว่าปราสาท ที่อื่นๆ จะมีองค์ประกอบใหญ่ๆ คล้ายๆกัน


ปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวเมือง จากปราสาทนี้ ค่าเข้า 17 ปอน


ฝั่งตรงข้ามนี้ เป็นฝั่งเมืองใหม่
ฝั่งที่เราอยู่ตรงปราสาทนี้ เป็นฝั่งเมืองเก่า แบ่งกันด้วยถนนเส้นนี้
อันนี้ฟังเค้ามาอีกที


ในส่วนของปราสาท ส่วนต่างๆก็จัดนิทรรศการส่วนนั้นๆไว้
ข้างในประกอบด้วย
ส่วนที่ประทับ, ส่วนเก็บมงกุฏ, คุก, โบสถ์ของพระนางแม่รี, ฝ่ายบริหาร, สุสานสุนัขอารักขา(น่ารักมากๆ), โรงพยาบาล,
อีกอันคล้ายโบสถ์ แต่ผมว่าเหมือนสุสาน หรืออนุสรณ์บุคคลสำคัญอะไรซักอย่าง มีหลายบุคคลอยู่ในส่วนนี้


สมัยนั้นคนสร้างเค้าเก่งเนอะ ผมชอบสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม ของเค้ามากเลย บอกไม่ถูก

ในปราสาทเหมือนเป็นชุมชนเล็กๆ ชุมชนหนึ่ง มีทุกอย่าง มองลงมายังเห็นเมืองข้างล่างอีก
นิทรรศการก็จะมีพวก การสงคราม ทหาร เครื่องราช ประวัติผู้ปกครอง ราชวงศ์ อะไรก็ว่าไป
เข้าไปย้อนเวลากันครับ ปราสาทนี้ยิ่งใหญ่ และทำนิทรรศการดีจริงๆ


อาคารหนึ่ง ในปราสาท


อันนี้ที่บอกว่าเหมือนโบสถ์ แต่น่าจะเป็นสุสานหรืออนุสรณ์ มากกว่า


อันนี้เป็นสุสาน ของ สุนัขอารักขา น่ารักมาก


คุกครับ ห้องเล็กเท่านี้ครับ เหมือนในหนังเรื่อง Hacksaw Ridge เลย
ยังมี คุกใต้ดินอีก บรรยากาศน่ากลัว และหดหู่มาก ถ้านึกถึงว่าที่ต้องนั้นเคยมีคนถูกขังจริงๆ
มืดๆ อับๆ มีเปลญวนห้อยโยงไปโยงมา
ไม่กล้าถ่ายมา บรรยากาศน่ากลัวมากๆ

ในคุกนั้น ยังมีทางเดินแคบๆ มืดๆ ลึกลงไปอีก แต่กั้นไม่ให้เข้า
เรามองลงไปก็เห็นเปล อยู่ลิบๆ รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้


นี่ยังอยู่ในส่วนของปราสาท เห็นถึงความสลับซับซ้อนมั้ยครับ เด่วขึ้น เด่วลง
เดินตามตัวเลขในแผนที่เอาครับ จะได้ครบ
ความซับซ้อนในตัวเมืองยิ่งกว่านี้อีก

มีรูปปั้นบุคคลนึงเยอะมาก งง ว่ามาถ่ายทำไมกัน
เรามาหาข้อมูลทำความรู้จักทีหลัง บุคคลนั้นคือ

“Robert the Bruce”


Robert the Bruce เป็น King ของ สกอตแลนด์ ในช่อง 1306 - 1329
เป็นผู้นำในสงคราม first war of Scottish independence เพื่อจะเป็นอิสระจาก อังกฤษ
และเป็นผู้ประกาศอิสระภาพให้สกอตแลนด์ได้สำเร็จ
โดยสมรภูมิที่สำคัญ ของชัยชนะในครั้งนี้คือ

“Battle of Bannockburn”

ซึ่งที่แห่งนี้ มี อนุสาวรีย์ของเค้าด้วย

พอมาค้นประวัติความเป็นมา ทำให้รู้ว่า เค้าเป็น super hero ของชาวสกอตเลย

รูปปั้นของเค้ามีตั้งแต่ประตูทางเข้าปราสาทเลย


ยืมรูปมาจากอินเตอเนต
รูปปั้นหน้าปราสาททำจาก ทองแดง สวยมาก พลาดที่ตอนนั้นไม่รู้จักเค้า


นี่เป็นอีกอย่างที่ผมเสียดายมากที่ไม่ได้เห็น
เป็นรูปปั้น Coronation ในปราสาท
ยืมรูปมาจากอินเตอเนต
เสียดายที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลไปก่อน T_T


ออกมานอกปราสาทครับ
พักเรื่อง Robert ไปก่อน
เจอบรรยากาศเมือง
ไม่รู้จะอธิบายความซับซ้อนของเมืองยังไง
อย่างในรูป เหมือนผมถ่ายอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร
แต่ความจริงคือ ผมแค่เดินตามถนนมาเรื่อยๆ พอเดินมาถึงตรงนี้
มองลงไปก็กลายเป็น ถนน อีกเส้นอยู่ข้างล่าง เรากลายเป็นอยู่ข้างบนซะงั้น
คือถนนที่นี่ ซับซ้อนมาก เหมือนหลงมาในโลกแห่งเทพนิยาย
ชอบ


จากรูปเมื่อกี๊ มองหันหลังกลับไป
ถนน มุดต่ำลงไปอีก


พอเดินต่อมาตามถนน พอพ้นช่วงตึก มองลงไป
เอ้า ยังมีถนนต่ำมาอีก พอนึกภาพออกมั้ยครับ


มื้อเย็นนี้เราเลือกร้าน
Greyfair Bobby pub and restaurant
หน้าร้านมีอนุสรณ์ เจ้า Bobby อยู่
เจ้าหมาตัวนี้พอเจ้านานมันตาย
มันนั่งเฝ้าอยู่บนหลุมศพเจ้านายมัน นานถึง 14 ปี จนมันตาย
คนในเมืองที่ผ่านแถวนี้เจอมันตลอด
ทางเมืองจึงสร้างอนุสรณ์เป็นรูปปั้นนางไว้ที่ตีนสะพาน George IV


คนเดินผ่านไป ผ่านมา ก็จะไปลูบจมูกน้อง จนเงาแปล๊บ อย่างที่เห็น


เบียร์ร้านนี้ก็ขายดี หลายคน เข้ามาสั่งเบียร์แล้วยืนกิน แล้วก็ไป


บรรยากาศในร้าน อบอุ่นสไตลสก็อต