ถ้าชอบ กดไลท์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะ หรือติดตามรีวิวใหม่ๆได้ที่
https://www.facebook.com/TickerCollector
หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Skyline (2010) นะ มันจะต่อเนื่องกัน ถึงคนไม่เคยดูภาคแรกมา ก็ดูรู้เรื่องอยู่นะเพราะในหนังมันมีฉากนึงที่บอกถึงตอนจบของภาคแรก
พล็อตเรื่องก็เดิมๆแหละไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดในหนังคือ เอฟเฟคต่างๆของหนัง ทำออกมาดีมาก ไม่ว่าจะยานเอเลี่ยน ด้านในของยานที่มันดูน่าขยะแขยงหน่อยๆ ตัวเอเลี่ยน ฉากต่างๆ ทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติ แต่บทไม่โอเคอย่างแรง นักแสดงก็ดูน่าสนใจดี แต่พอดูรวมๆกันแล้ว มันไม่เด่นไม่ว้าว ไม่มีสเน่ห์เลย
หนังมันรีบมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน มาตอนต้นเรื่องประมาณ 10-20 นาที มันรีบแบบไม่มีจังหวะให้อารมณ์คนดูมันรู้สึกไปกับหนังอะ มันเลยรู้สึกไม่อินแบบนั่งดูไปก็รู้สึกแบบ หรอ อืม เอ้าเดินต่อสิ เอ้าตายแล้วหรอ มาแปบเดียวเอง ประมาณเนี่ย พอแบบกำลังสู้ๆกับเอเลี่ยนอยู่ดีๆ เอ้าระเบิดตายละ ตัดมาฉากวิ่งอีกละ แปบๆดูดขึ้นยานไปแล้ว บทพูดที่เหมือนจะตลกก็แบบอย่าพูดเหอะ ไม่พูดยังจะดูโอเคกว่า (แอดดูเสียงไทย) ตอนต้นเรื่องก็ประมาณนี้
พอมากลางๆเรื่องเริ่มเนือย แต่ไม่ถึงกับเนือยมาก ตัวละครก็ไม่เมคเซนเอะอะเจอหน้ากันก็จะพุ่งเข้าใส่กันอย่างเดียว ไม่ทงไม่ถามถึงสุขภาพสักคำ ยิ่งตัวละครผู้หญิงที่ดูหน้าจีนๆหน่อยนั่นแบบเหมือนจะเก่งนะแต่แบบ.....เฮ้ออออออ หงุดหงิดกับนางที่สุดละในเรื่อง (ไม่บอกละกันมันทำไม) แต่ผู้ชายที่มากับนางแสดงโอเคนะถึงหน้าจะไม่ว้าว แต่เวลาบู๊ทีนี่ใช่ย่อย ให้ความรู้สึกแบบจาพนม ยิ่งช่วงสู้กับเอเลี่ยนท้ายๆเรื่องนี่มีฉากที่แอดชอบอยู่ มันดูแบบสามัคคีชุมนุม 3 ทหารเสือรวมพลังกำจัดเหล่าตัวร้าย
แต่คนที่แอดชอบมากที่สุดในเรื่องคือคุณผู้ชายที่อยู่หลังพระเอกในรูปภาพประกอบแอดอ่ะ (ที่ไม่ใส่เสื้อ) คือบทน้อย พูดน้อย (หรือไม่ได้พูดวะจำไม่ได้55555) เน้นลีลาเอา พี่แกสู้ไม่ใช่ง่อยๆนะคะ ดูแบบเป็นคนที่ถวายชีวิตในการต่อสู้มากสุดแล้วอ่ะ แล้วก็ดูน่าสงสารที่สุดละ
มาด้านพระเอกเรากันบ้างก็โอเคนะ ฉลาดสุดในเรื่องละ ดูเหมือนจะใจร้อนแต่ก็ใจเย็นได้ในระดับนึง รู้สึกมีสติมากกว่าคนอื่นๆ มีการคิดวิเคราะห์แยกแยะหรือการเอาตัวรอดอะไรต่างๆได้ดีกว่าคนอื่น ตามสเต็ปตัวเอก
สงสารคุณลุงตาบอด แต่ลุงแกก็ทำได้ดีเต็มที่แล้วนะ คนตาบอดจะให้เก่งเหนือมนุษย์ก็คงไม่ใช่
มาด้านนางเอก (ใช่นางเอกหรือปล่าวไม่แน่ใจ ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางรูป) นางก็ดีมาตลอดเรื่องนะ มาขัดใจแอดอยู่ 2 จุด (ใบ้ให้ว่าฉากที่อยู่กับผู้หญิงหน้าจีนก่อนที่ผู้หญิงหน้าจีนจะยิงเอลี่ยนตัวโต กับ ฉากที่อุ้มเด็กตอนท้ายๆเรื่องแล้วบอกเด็กว่าอย่ามองแสง) คือโคตรขัดใจแบบเด็กคงรู้เรื่องเนาะแม่คุณ-*-
ในหนังเอเลี่ยนมักจะมีคนที่แบบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ใช่มะ คาแร็กเตอร์ก็จะดูไม่ค่อยเหมือนนักวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ ในเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน คือก็อีกอ่ะ มันไม่ว้าว ฉลาดมาตลอดดูพึ่งพาได้ในด้านการใช้สมอง พอเริ่มมีฉากสู้พี่แกกลับทำเหมือนโลกทั้งโลกนี้เป็นสีชมพู ลอยยยยยยยยยยยย คือแอดนั่งดูแล้วแบบ ห๊ะะะะะ ทำไรของเอ็ง อะร๊ายยยยยย แต่! เขาก็มีส่วนดีในตอนท้ายเรื่องนะ
สรุปเลยละกัน หนังดูไปเรื่อยๆ ดูได้เพลินๆ ชอบฉากท้ายเรื่องที่สู้กัน แอดว่าอันนั้นมันทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นมานิดนึง ชอบเอฟเฟค ชอบเอเลี่ยนสู้กัน ไม่ชอบการดำเนินเรื่องมันดูรีบร้อนเกินไป เหมือนต้มมาม่า 3 นาที เสร็จ กิน อิ่ม นอนหลับ ฝันดี
ตลกตอนฉากจบแล้วมีเบื้องหลังถ่ายทำให้ดู ขำคำพูดพระเอก จะพูดอะไรก็ไปลุ้นเอานะ55555555555
ให้ 6/10 คะแนน
[CR] รีวิวหนังรีบ : Beyond Skyline (2017) อสูรท้านรก
หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Skyline (2010) นะ มันจะต่อเนื่องกัน ถึงคนไม่เคยดูภาคแรกมา ก็ดูรู้เรื่องอยู่นะเพราะในหนังมันมีฉากนึงที่บอกถึงตอนจบของภาคแรก
พล็อตเรื่องก็เดิมๆแหละไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดในหนังคือ เอฟเฟคต่างๆของหนัง ทำออกมาดีมาก ไม่ว่าจะยานเอเลี่ยน ด้านในของยานที่มันดูน่าขยะแขยงหน่อยๆ ตัวเอเลี่ยน ฉากต่างๆ ทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติ แต่บทไม่โอเคอย่างแรง นักแสดงก็ดูน่าสนใจดี แต่พอดูรวมๆกันแล้ว มันไม่เด่นไม่ว้าว ไม่มีสเน่ห์เลย
หนังมันรีบมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน มาตอนต้นเรื่องประมาณ 10-20 นาที มันรีบแบบไม่มีจังหวะให้อารมณ์คนดูมันรู้สึกไปกับหนังอะ มันเลยรู้สึกไม่อินแบบนั่งดูไปก็รู้สึกแบบ หรอ อืม เอ้าเดินต่อสิ เอ้าตายแล้วหรอ มาแปบเดียวเอง ประมาณเนี่ย พอแบบกำลังสู้ๆกับเอเลี่ยนอยู่ดีๆ เอ้าระเบิดตายละ ตัดมาฉากวิ่งอีกละ แปบๆดูดขึ้นยานไปแล้ว บทพูดที่เหมือนจะตลกก็แบบอย่าพูดเหอะ ไม่พูดยังจะดูโอเคกว่า (แอดดูเสียงไทย) ตอนต้นเรื่องก็ประมาณนี้
พอมากลางๆเรื่องเริ่มเนือย แต่ไม่ถึงกับเนือยมาก ตัวละครก็ไม่เมคเซนเอะอะเจอหน้ากันก็จะพุ่งเข้าใส่กันอย่างเดียว ไม่ทงไม่ถามถึงสุขภาพสักคำ ยิ่งตัวละครผู้หญิงที่ดูหน้าจีนๆหน่อยนั่นแบบเหมือนจะเก่งนะแต่แบบ.....เฮ้ออออออ หงุดหงิดกับนางที่สุดละในเรื่อง (ไม่บอกละกันมันทำไม) แต่ผู้ชายที่มากับนางแสดงโอเคนะถึงหน้าจะไม่ว้าว แต่เวลาบู๊ทีนี่ใช่ย่อย ให้ความรู้สึกแบบจาพนม ยิ่งช่วงสู้กับเอเลี่ยนท้ายๆเรื่องนี่มีฉากที่แอดชอบอยู่ มันดูแบบสามัคคีชุมนุม 3 ทหารเสือรวมพลังกำจัดเหล่าตัวร้าย
แต่คนที่แอดชอบมากที่สุดในเรื่องคือคุณผู้ชายที่อยู่หลังพระเอกในรูปภาพประกอบแอดอ่ะ (ที่ไม่ใส่เสื้อ) คือบทน้อย พูดน้อย (หรือไม่ได้พูดวะจำไม่ได้55555) เน้นลีลาเอา พี่แกสู้ไม่ใช่ง่อยๆนะคะ ดูแบบเป็นคนที่ถวายชีวิตในการต่อสู้มากสุดแล้วอ่ะ แล้วก็ดูน่าสงสารที่สุดละ
มาด้านพระเอกเรากันบ้างก็โอเคนะ ฉลาดสุดในเรื่องละ ดูเหมือนจะใจร้อนแต่ก็ใจเย็นได้ในระดับนึง รู้สึกมีสติมากกว่าคนอื่นๆ มีการคิดวิเคราะห์แยกแยะหรือการเอาตัวรอดอะไรต่างๆได้ดีกว่าคนอื่น ตามสเต็ปตัวเอก
สงสารคุณลุงตาบอด แต่ลุงแกก็ทำได้ดีเต็มที่แล้วนะ คนตาบอดจะให้เก่งเหนือมนุษย์ก็คงไม่ใช่
มาด้านนางเอก (ใช่นางเอกหรือปล่าวไม่แน่ใจ ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางรูป) นางก็ดีมาตลอดเรื่องนะ มาขัดใจแอดอยู่ 2 จุด (ใบ้ให้ว่าฉากที่อยู่กับผู้หญิงหน้าจีนก่อนที่ผู้หญิงหน้าจีนจะยิงเอลี่ยนตัวโต กับ ฉากที่อุ้มเด็กตอนท้ายๆเรื่องแล้วบอกเด็กว่าอย่ามองแสง) คือโคตรขัดใจแบบเด็กคงรู้เรื่องเนาะแม่คุณ-*-
ในหนังเอเลี่ยนมักจะมีคนที่แบบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ใช่มะ คาแร็กเตอร์ก็จะดูไม่ค่อยเหมือนนักวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ ในเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน คือก็อีกอ่ะ มันไม่ว้าว ฉลาดมาตลอดดูพึ่งพาได้ในด้านการใช้สมอง พอเริ่มมีฉากสู้พี่แกกลับทำเหมือนโลกทั้งโลกนี้เป็นสีชมพู ลอยยยยยยยยยยยย คือแอดนั่งดูแล้วแบบ ห๊ะะะะะ ทำไรของเอ็ง อะร๊ายยยยยย แต่! เขาก็มีส่วนดีในตอนท้ายเรื่องนะ
สรุปเลยละกัน หนังดูไปเรื่อยๆ ดูได้เพลินๆ ชอบฉากท้ายเรื่องที่สู้กัน แอดว่าอันนั้นมันทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นมานิดนึง ชอบเอฟเฟค ชอบเอเลี่ยนสู้กัน ไม่ชอบการดำเนินเรื่องมันดูรีบร้อนเกินไป เหมือนต้มมาม่า 3 นาที เสร็จ กิน อิ่ม นอนหลับ ฝันดี
ตลกตอนฉากจบแล้วมีเบื้องหลังถ่ายทำให้ดู ขำคำพูดพระเอก จะพูดอะไรก็ไปลุ้นเอานะ55555555555
ให้ 6/10 คะแนน