กระทู้นี้เราตั้งใจเขียนเป็นบันทึกการเดินทาง เพราะไปภูกระดึงมาสามครั้งแล้วไม่ได้เขียนบันทึกอะไรไว้ บันทึกไว้แต่ภาพถ่าย ซึ่งบางทีก็เก็บความรู้สึกในตอนนั้นไม่ได้ทั้งหมด เก็บไว้ในความทรงจำนานๆ ก็กลัวจะลืม ไปภูกระดึงครั้งนี้จึงตั้งใจกลับมาเขียนบันทึกการเดินทางเป็นกระทู้นี้
เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยไปภูกระดึงแล้วอยากจะไป จะพยายามเล่าให้ละเอียด ตามที่รู้มานะ เพราะจริงๆ เราไป 4 ครั้ง นี่ยังรู้จักภูกระดึงไม่ทะลุปรุโปร่งเลย บนนั้นยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เราไปทำความรู้จักอีก
เราเดินทางโดยรถทัวร์ ไปจองตั๋วที่หมอชิตไว้ล่วงหน้า จริงๆ จองผ่านเน็ตแล้วไปจ่ายเงินที่ 7-11 ก็ได้ สะดวกมาก เราซื้อตั๋วรถของแอร์เมืองเลย VIP ค่าโดยสารคนละ 450 บาท รอบ 22.35 น.
วันพฤหัสบดี ที่ 2 พย. 2560
ไปถึงหมอชิต ประมาณ 3 ทุ่ม ไปจองรถขากลับไว้ ตอนแรกว่าจะไปจองที่ร้านเจ้กิม แต่ไม่แน่ใจ กลัวรถจะเต็มหรือได้รอบดึก เลยไปจองไว้ก่อน VIP มีบ่าย กลัวลงมาไม่ทัน เลยได้รถ ปอ.1 รอบทุ่ม ค่ารถคนละ 330 บาท ถูกดี แต่มันก็จะเมื่อยๆหน่อย
รอเวลาขึ้นรถ ก็ล้างหน้าแปรงฟันที่หมอชิตเลย กะว่าขึ้นรถก็หลับยาวๆไป ดีที่รถออกตรงเวลาเป๊ะ มีขนมและน้ำแจก เยอะดี
วันศุกร์ที่ 3 พย. 2560
ถึงผานกเค้าเกือบ 6.00 น. ลงไปพัก ล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ ที่ร้านเจ้กิม
เป็นร้านขายของฝากด้วย
ด้านหลังมีที่นั่งรอรถ มีห้องน้ำ อาบน้ำได้
ขณะนั้นอุณหภูมิ 24 องศา กำลังเย็นสบาย
ข้างร้านเจ้กิมมีขายตั๋วรถทัวร์ ใครไม่ได้จองขากลับไว้ ก็มาจองที่นี่แหละ
ตารางเที่ยวรถ
กินมื้อเช้าที่ร้านนี้เลย ข้าวแกงก็มีให้เลือกเยอะดี ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง หรือจะไข่กะทะ หรือจะขนมปังปิ้งก็มี กาแฟชงเอาเอง
เจ้าของร้านน่ารัก คนตักข้าวแกงก็น่ารัก
เลือกได้แล้วก็ลงมือกิน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กาแฟ ซองละ 15 บาท ข้าวราดแกง 2 อย่าง 45 บาท
มื้อนี้ 60 บาท อิ่มอร่อย พร้อมลุยต่อละ
แต่ก่อนจะไป ขอถ่ายภาพผานกเค้าไว้เป็นที่ระลึกก่อน มากี่ครั้ง ก็ถ่ายทุกครั้ง
ไปนั่งรถสองแถว ไปอุทยานฯ ค่ารถ คนละ 30 บาท รถเต็มก็ออก คราวนี้คนเยอะพอประมาณ แต่ไม่เยอะจนแย่งกัน เหมือนที่มาช่วงเดือน กพ. คนจะเยอะกว่านี้มาก อาจเป็นเพราะอุทยานฯ เพิ่งเปิด (เค้าเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว 1 ตค.) ฝนหมดหรือยังไม่แน่ใจ แล้วก็ยังระแวงทากกันอยู่
พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว วิวจากบนรถสองแถว นั่งหลังสุด ต้องระวัง แต่ก็อดยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพไม่ได้
6.55 น. ถึงอุทยานฯ
ก็ไปต่อคิว จ่ายค่าเข้า ค่าพื้นที่กางเตนท์ และค่าเช่าเตนท์
อ่ะจะสรุปให้นะ ค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท ค่าพื้นที่กางเตนท์ คืนละ 30 บาท ค่าเช่าเตนท์ คืนละ 100
ไปนอน 2 คืน ก็ตกคนละ 300 บาทพอดี (อันนี้ราคาต่อ 1 คน) อันนี้ยังไม่รวมค่าเช่าอุปกรณืการนอนอีกนะ แต่เบ็ดเสร็จแล้วก็ถูกมากอ่ะ
ถ้าใครจะขน ถุงนอน ผ้าห่ม หมอนมุ้ง มาเองก็แล้วแต่สะดวก จ้างลูกหาบเอา หรือจะขนขึ้นเองก็ได้นะ
จองอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปแชะภาพ ด้านหน้าสักหน่อย
แวะเข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนออกเดิน
ลงรูปห้องน้ำให้ดู เพราะมีเพื่อนจะกังวลเรื่องการเข้าห้องน้ำห้องท่ามากๆ แต่ไม่ได้ถ่ายข้างในนะ สภาพก็พอเข้าได้แหละ
มีบริการลูกหาบขนของให้ กก. ละ 30 บาท แต่เราขนขึ้นไปเอง แค่กระเป๋าเป้ 2 ใบ สบายอยู่แล้ว
7.32 น. เริ่ม แต่แวะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน
ผ่านทางตรวจบัตร เดี๋ยวนี้เค้าต้องตรวจบัตรประชาชนด้วยนะ
ต้องไปอีกหลายซำจริงๆ ระยะทางถึงที่พักก็ประมาณ 9 กิโลกว่าๆ
มีจุดที่เค้าวางตัวช่วยไว้ให้ แต่วันนี้ไม่เห็นเลย
พอเดินขึ้นไปสักหน่อยก็เห็นตัวช่วยถูกมากองไว้ตรงนี้เอง
[CR] บันทึกการเดินทางไปภูกระดึงครั้งที่สี่
เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยไปภูกระดึงแล้วอยากจะไป จะพยายามเล่าให้ละเอียด ตามที่รู้มานะ เพราะจริงๆ เราไป 4 ครั้ง นี่ยังรู้จักภูกระดึงไม่ทะลุปรุโปร่งเลย บนนั้นยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เราไปทำความรู้จักอีก
เราเดินทางโดยรถทัวร์ ไปจองตั๋วที่หมอชิตไว้ล่วงหน้า จริงๆ จองผ่านเน็ตแล้วไปจ่ายเงินที่ 7-11 ก็ได้ สะดวกมาก เราซื้อตั๋วรถของแอร์เมืองเลย VIP ค่าโดยสารคนละ 450 บาท รอบ 22.35 น.
วันพฤหัสบดี ที่ 2 พย. 2560
ไปถึงหมอชิต ประมาณ 3 ทุ่ม ไปจองรถขากลับไว้ ตอนแรกว่าจะไปจองที่ร้านเจ้กิม แต่ไม่แน่ใจ กลัวรถจะเต็มหรือได้รอบดึก เลยไปจองไว้ก่อน VIP มีบ่าย กลัวลงมาไม่ทัน เลยได้รถ ปอ.1 รอบทุ่ม ค่ารถคนละ 330 บาท ถูกดี แต่มันก็จะเมื่อยๆหน่อย
รอเวลาขึ้นรถ ก็ล้างหน้าแปรงฟันที่หมอชิตเลย กะว่าขึ้นรถก็หลับยาวๆไป ดีที่รถออกตรงเวลาเป๊ะ มีขนมและน้ำแจก เยอะดี
วันศุกร์ที่ 3 พย. 2560
ถึงผานกเค้าเกือบ 6.00 น. ลงไปพัก ล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ ที่ร้านเจ้กิม
เป็นร้านขายของฝากด้วย
ด้านหลังมีที่นั่งรอรถ มีห้องน้ำ อาบน้ำได้
ขณะนั้นอุณหภูมิ 24 องศา กำลังเย็นสบาย
ข้างร้านเจ้กิมมีขายตั๋วรถทัวร์ ใครไม่ได้จองขากลับไว้ ก็มาจองที่นี่แหละ
ตารางเที่ยวรถ
กินมื้อเช้าที่ร้านนี้เลย ข้าวแกงก็มีให้เลือกเยอะดี ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง หรือจะไข่กะทะ หรือจะขนมปังปิ้งก็มี กาแฟชงเอาเอง
เจ้าของร้านน่ารัก คนตักข้าวแกงก็น่ารัก
เลือกได้แล้วก็ลงมือกิน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กาแฟ ซองละ 15 บาท ข้าวราดแกง 2 อย่าง 45 บาท
มื้อนี้ 60 บาท อิ่มอร่อย พร้อมลุยต่อละ
แต่ก่อนจะไป ขอถ่ายภาพผานกเค้าไว้เป็นที่ระลึกก่อน มากี่ครั้ง ก็ถ่ายทุกครั้ง
ไปนั่งรถสองแถว ไปอุทยานฯ ค่ารถ คนละ 30 บาท รถเต็มก็ออก คราวนี้คนเยอะพอประมาณ แต่ไม่เยอะจนแย่งกัน เหมือนที่มาช่วงเดือน กพ. คนจะเยอะกว่านี้มาก อาจเป็นเพราะอุทยานฯ เพิ่งเปิด (เค้าเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว 1 ตค.) ฝนหมดหรือยังไม่แน่ใจ แล้วก็ยังระแวงทากกันอยู่
พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว วิวจากบนรถสองแถว นั่งหลังสุด ต้องระวัง แต่ก็อดยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพไม่ได้
6.55 น. ถึงอุทยานฯ
ก็ไปต่อคิว จ่ายค่าเข้า ค่าพื้นที่กางเตนท์ และค่าเช่าเตนท์
อ่ะจะสรุปให้นะ ค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท ค่าพื้นที่กางเตนท์ คืนละ 30 บาท ค่าเช่าเตนท์ คืนละ 100
ไปนอน 2 คืน ก็ตกคนละ 300 บาทพอดี (อันนี้ราคาต่อ 1 คน) อันนี้ยังไม่รวมค่าเช่าอุปกรณืการนอนอีกนะ แต่เบ็ดเสร็จแล้วก็ถูกมากอ่ะ
ถ้าใครจะขน ถุงนอน ผ้าห่ม หมอนมุ้ง มาเองก็แล้วแต่สะดวก จ้างลูกหาบเอา หรือจะขนขึ้นเองก็ได้นะ
จองอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปแชะภาพ ด้านหน้าสักหน่อย
แวะเข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนออกเดิน
ลงรูปห้องน้ำให้ดู เพราะมีเพื่อนจะกังวลเรื่องการเข้าห้องน้ำห้องท่ามากๆ แต่ไม่ได้ถ่ายข้างในนะ สภาพก็พอเข้าได้แหละ
มีบริการลูกหาบขนของให้ กก. ละ 30 บาท แต่เราขนขึ้นไปเอง แค่กระเป๋าเป้ 2 ใบ สบายอยู่แล้ว
7.32 น. เริ่ม แต่แวะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน
ผ่านทางตรวจบัตร เดี๋ยวนี้เค้าต้องตรวจบัตรประชาชนด้วยนะ
ต้องไปอีกหลายซำจริงๆ ระยะทางถึงที่พักก็ประมาณ 9 กิโลกว่าๆ
มีจุดที่เค้าวางตัวช่วยไว้ให้ แต่วันนี้ไม่เห็นเลย
พอเดินขึ้นไปสักหน่อยก็เห็นตัวช่วยถูกมากองไว้ตรงนี้เอง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น