รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังถูกจับตาว่าจะทำอย่างไรกับคำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นว่า สหรัฐพร้อมจะติดอาวุธให้ญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับการคุกคามของเกาหลีเหนือ
ถึงแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสิ้นสุดการเยือนญี่ปุ่นแล้ว แต่ผู้นำสหรัฐยังคงภาคภูมิใจกับภารกิจในการ “ขายอาวุธ” ให้กับรัฐบาลก็ญี่ปุ่นก็ยัง โดยทรัมป์ได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ในวันที่ 7 พ.ย. ว่า “การเยือนญี่ปุ่นและมิตรภาพระหว่างนายกฯอะเบะได้สร้างผลประโยชน์มากมาย เพื่อประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา คำสั่งซื้ออาวุธและพลังงานมหาศาลกำลังจะเกิดขึ้น”
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมกัยนายกฯอะเบะว่า สหรัฐพร้อมจะติดอาวุธให้ญี่ปุ่น เหมือนกับที่สหรัฐทำให้กับพันธมิตรในตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอาระเบีย ทรัมป์ยังบอกว่าเขารู้สึกหวุดหงิดที่ญี่ปุ่นไม่ยิงสกัดขีปนุธของเกาหลีเหนือที่ได้ข้ามผ่านพรมแดนของญี่ปุ่นไปตกในทะเล
“ญี่ปุ่นสามารถสอยมันให้ร่วงจากท้องฟ้า เมื่อซื้ออาวุธเพิ่มเติมจากสหรัฐ ญี่ปุ่นจะยิงมันทิ้งได้อย่างง่ายดาย”
คำพูดของผ้นำสหรัฐนำความสุ่มเสี่ยงมาให้รัฐบาลญี่ปุ่นอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายของญี่ปุ่นระบุว่า จะสามารถยิงสกัดขีปนาวุธเมื่อมีเป้าหมายมายังญี่ปุ่น หรือจะมีเศษชิ้นส่วนตกลงในพรมแดนของญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสายเหยี่ยวของญี่ปุ่น กลับระบุว่า ในกฎหมายความมั่นคงที่ได้แก้ไขใหม่ในสมัยของนายอะเบะ เปิดช่องให้สามารถยิงสกัดขีปนาวุธที่มุ่งหน้าไปยังเกาะกวมได้ เพราะถือเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่น หากแต่นักกฎหมายจำนวนมากยังคิดว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
นายโยชิฮิเดะ ซุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า ยุทโธปกรณ์ของกองกำลังป้องกันตนเองขึ้นอยู่กับแผนการป้องกันประเทศ ซึ่งจะมีการทบทวนงบประมาณและขอบข่ายทุก 5 ปี ซึ่งก็มีอาวุธที่ผลิตในสหรัฐรวมอยู่ด้วย
ถึงแม้แกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมาแก้เกี้ยวว่า การซื้ออาวุธนั้นไม่ใช่อยากจะทำก็ทำได้ทันที แต่ในยุคของนายกฯ อะเบะ การซื้ออาวุธจากสหรัฐได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนแทบจะเพิ่มงบประมาณไม่ได้อีกแล้ว มูลค่าการซื้ออาวุธจากสหรัฐในปี 2008 -2012 ที่ 365,000 ล้านเยน ได้เพิ่มขึ้นถึง 4.5 เท่าตัวเป็น 1.62 ล้านล้านเยนในปี 2013-2017
ยุทโธปกรณ์ราคาสูงที่ญี่ปุ่นมีแผนจะซื้อจากสหรัฐ ประกอบด้วย เครื่องบินรบ F-35, เครื่องบินขนส่งออสเพรย์ ที่สามารถขึ้นลงในทางดิ่งได้ และระบบป้องกันขีปนาวุธเอจิส
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มพูดกันว่า ในแผนป้องกันประเทศรอบใหม่ในปี 2018 จำเป็นจะต้องมีการปรับให้สอดรับกับความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยญี่ปุ่นอาจต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อใจผู้นำสหรัฐที่เป็นพันธมิตรหลักของญี่ปุ่น.
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9600000113209
“ทรัมป์” ยุญี่ปุ่นทุ่มเงินซื้ออาวุธ สอยขีปนาวุธโสมแดงให้กระจุย
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังถูกจับตาว่าจะทำอย่างไรกับคำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นว่า สหรัฐพร้อมจะติดอาวุธให้ญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับการคุกคามของเกาหลีเหนือ
ถึงแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสิ้นสุดการเยือนญี่ปุ่นแล้ว แต่ผู้นำสหรัฐยังคงภาคภูมิใจกับภารกิจในการ “ขายอาวุธ” ให้กับรัฐบาลก็ญี่ปุ่นก็ยัง โดยทรัมป์ได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ในวันที่ 7 พ.ย. ว่า “การเยือนญี่ปุ่นและมิตรภาพระหว่างนายกฯอะเบะได้สร้างผลประโยชน์มากมาย เพื่อประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา คำสั่งซื้ออาวุธและพลังงานมหาศาลกำลังจะเกิดขึ้น”
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมกัยนายกฯอะเบะว่า สหรัฐพร้อมจะติดอาวุธให้ญี่ปุ่น เหมือนกับที่สหรัฐทำให้กับพันธมิตรในตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอาระเบีย ทรัมป์ยังบอกว่าเขารู้สึกหวุดหงิดที่ญี่ปุ่นไม่ยิงสกัดขีปนุธของเกาหลีเหนือที่ได้ข้ามผ่านพรมแดนของญี่ปุ่นไปตกในทะเล
“ญี่ปุ่นสามารถสอยมันให้ร่วงจากท้องฟ้า เมื่อซื้ออาวุธเพิ่มเติมจากสหรัฐ ญี่ปุ่นจะยิงมันทิ้งได้อย่างง่ายดาย”
คำพูดของผ้นำสหรัฐนำความสุ่มเสี่ยงมาให้รัฐบาลญี่ปุ่นอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายของญี่ปุ่นระบุว่า จะสามารถยิงสกัดขีปนาวุธเมื่อมีเป้าหมายมายังญี่ปุ่น หรือจะมีเศษชิ้นส่วนตกลงในพรมแดนของญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสายเหยี่ยวของญี่ปุ่น กลับระบุว่า ในกฎหมายความมั่นคงที่ได้แก้ไขใหม่ในสมัยของนายอะเบะ เปิดช่องให้สามารถยิงสกัดขีปนาวุธที่มุ่งหน้าไปยังเกาะกวมได้ เพราะถือเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่น หากแต่นักกฎหมายจำนวนมากยังคิดว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
นายโยชิฮิเดะ ซุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า ยุทโธปกรณ์ของกองกำลังป้องกันตนเองขึ้นอยู่กับแผนการป้องกันประเทศ ซึ่งจะมีการทบทวนงบประมาณและขอบข่ายทุก 5 ปี ซึ่งก็มีอาวุธที่ผลิตในสหรัฐรวมอยู่ด้วย
ถึงแม้แกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมาแก้เกี้ยวว่า การซื้ออาวุธนั้นไม่ใช่อยากจะทำก็ทำได้ทันที แต่ในยุคของนายกฯ อะเบะ การซื้ออาวุธจากสหรัฐได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนแทบจะเพิ่มงบประมาณไม่ได้อีกแล้ว มูลค่าการซื้ออาวุธจากสหรัฐในปี 2008 -2012 ที่ 365,000 ล้านเยน ได้เพิ่มขึ้นถึง 4.5 เท่าตัวเป็น 1.62 ล้านล้านเยนในปี 2013-2017
ยุทโธปกรณ์ราคาสูงที่ญี่ปุ่นมีแผนจะซื้อจากสหรัฐ ประกอบด้วย เครื่องบินรบ F-35, เครื่องบินขนส่งออสเพรย์ ที่สามารถขึ้นลงในทางดิ่งได้ และระบบป้องกันขีปนาวุธเอจิส
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มพูดกันว่า ในแผนป้องกันประเทศรอบใหม่ในปี 2018 จำเป็นจะต้องมีการปรับให้สอดรับกับความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยญี่ปุ่นอาจต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อใจผู้นำสหรัฐที่เป็นพันธมิตรหลักของญี่ปุ่น.
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9600000113209