เมื่อวาน มีเรื่องจีนมาให้อ่านเรื่องนึงแล้ว วันนี้มีอีกครับ
เรื่องนี้พิเศษ ลากเอาเพื่อนๆนักเขียน แม้แต่กรรมการก็ไม่รอด! -*- มายำแกงโฮ๊ะ
จะสนุกหรือวุ่นวาย มาติดตามอ่านกันครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากกล่าวถึงความรัก ในโลกนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักความรัก ทว่าในมุมมองความรักของใครเป็นแบบไหนนั้น ล้วนมีหลากหลายแบบ หลากหลายความคิด มิมีถูก มิมีผิด ความรักมิได้กำจัดขอบเขตเพียงมนุษย์เท่านั้น
เช่นเดียวกับท่าน
หวางอี้ ที่ได้มอบความรักหมดขั้วหัวจิตหัวใจ
ให้ขวานผ่าฟืน ไฉนท่านหวางอี้ได้มอบความรัก แก่ขวานผ่าฟืนนั้น เหตุผลของมันย่อมมีเรื่องราวให้เล่าขาน สู่ท่านทั้งหลายบนถนนนักเขียนได้ฟังกัน
เชิญเร่เข้ามาทางนี้ได้เลยขอรับ ท่านใดพกพาเก้าอี้ส่วนตัวติดตัวมาด้วย โปรดจับจองพื้นที่ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนท่านอื่นที่ได้มิพกเก้าอี้ติดตัวมา จะทิ้งตัวงลงนอนเกลือกกลิ้งเต็มพื้นที่หมดเสียก่อน
ใครพกของกิน ขนมขบเคี้ยว กรุณากิน อย่าให้ท่านอื่นเห็น
มิเช่นนั้นท่านอาจถูกดรุณีน้อยนามมุกอันดามันแย่งขนมไปกิน ต่อหน้าต่อตา ต่อให้ท่านโร่ไปฟ้อง
อาจารย์จีหรือ
ครูซูซี่ ท่านทั้งสองก็คงมิอาจช่วยเหลืออะไรท่านได้
เว้นเสียจะตีหน้าตายแอบกินขนมกันสองคน
และโปรดระวังบุรุษมาดเซอร์ซึ่งมีนามว่า
นานะ ท่าน
จอมยุทธนักสืบ และท่าน
บีบี้(B-thirteen) เกิดบ้าพลังชักดาบออกมาฟาดฟันกัน จนหลงลืมไปแล้วว่ามีสาวงามหลายท่านอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ พวกนางอาจได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ของพวกท่าน พึงระวังๆ
เมื่อกล่าวถึงสาวงาม บุรุษทั้งหลาย จำต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า
ควรหลีกทางให้สตรีอยู่แถวหน้า เวทีด้านหน้าย่อมมีไว้สำหรับสตรีผู้เลอโฉม แม่นาง
ลายลิขิตโฉมสะคราญดังบุปผาสวรรค์ เดินนำดรุณีน้อยอีกสี่นาง แม่นาง
คีตมินทร์ แม่นาง
หนิงหนิง แม่นาง
เลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้า และแม่นาง
นลินมณี
อ้าว เห็นแบบนี้แล้วหลีกทางให้สาวงามสิ ท่าน
psycho_factory ท่าน
kasareev และท่าน
KTHc นอนเกลือกกลิ้งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ได้ เล่นนอนขวางทางเดินเช่นนี้ ไฉนสมควรเรียกว่าจอมยุทธนักเขียนได้เล่า และนั่นๆ ยังชวนกันแอบกินขนม มิคิดแบ่งใคร แสนจะขี้เหนียวเสียจริงเชียว
และอยากเตือนพวกท่านทั้งสาม จงโปรดระวังท่าน
LUCKARD ให้ดีเถอะ จอมยุทธท่านนี้มีญาณทิพย์วิเศษ แลเก่งฉกาจเรื่องศาสตร์พยากรณ์ ท่านย่อมรับรู้ได้แน่แท้ ว่าท่านทั้งสามแอบซุกซ่อนขนมไว้ที่ใดบ้าง คงซ่อนไว้มิพ้น ไม่นาน คาดว่าจะโดนท่าน LUCKARD ได้มาขโมยขนมไปให้สาวงามในดวงใจแน่ๆ
ว่ามาแล้ว ข้าน้อยนึกอยากดูดวงกับท่าน LUCKARD สักครา แต่วาสนาคงมิมีโอกาสได้ดูดวง แว่วมาว่า คิวดูดวงของท่าน LUCKARD
ยาวไปจนถึง ปี พ.ศ. 2700 เลยทีเดียว เห็นแบบนี้ข้าน้อยจำต้องถอนตัวออกมา น่าเสียดายเป็นยิ่งนัก
มากันใกล้จะครบแล้วสินะ จึงขอเริ่มเล่าเรื่องความรักระหว่างท่านหวางอี้กับขวานผ่าฟืนให้ฟัง
นานมาแล้ว บนเทือกเขาฮินาใน (อ่านว่า ฮิ-นา-ใน) เทือกเขาที่เล่าลือกันว่า เป็นที่สิงสถิตของเหล่าอสูรร้ายมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ ทว่ามีนักบวชท่านหนึ่ง นาม อิสิ มิได้เกรงกลัวอสูรร้ายเหล่านั้นแม้แต่น้อย ท่านเดินทางไกลมาหลายพันลี้เพื่อเผยแพร่พระธรรม
ระหว่างทางที่นักบวชอิสิเดินขึ้นมาบนเทือกเขาฮินาใน ท่านอิสิได้ยินเสียงทารกร้องไห้ จึงติดตามเสียงนั่นไปกระทั่งได้พบกับ ทารกเพศชาย ตัวขาวจ้ำม่ำ (น่ากินนัก แต่ท่านอิสิมิกิน แม้จะหิวจนไส้แทบขาด ตาลายเห็นทารกเป็นซาลาเปาก็ตามทีเถอะ)
ท่านอิสิได้พาทารกน้อยกลับมาเลี้ยงดูที่วัด และได้ตั้งชื่อทารกน้อยว่า
หวางอี้
อ้าวๆ ท่านอาจารย์จี ท่าน
ส่องแสงตะวันฉายและท่าน
ผีเสื้อสีดำ มัวแต่ร่ำสุรากันอยู่นั่นแหละ
ช่วยหลีกทางให้คุณผู้หญิงใจดีแห่งมหานครเทพีเสรีภาพหน่อยเถอะพ่อคุ๊ณ
ไหสุราท่านหล่นขวางทางอยู่นะขอรับ เก็บขึ้นไปตั้งบนโต๊ะตามเดิมด้วย ขอความเป็นระเบียบเรียบร้อยสำหรับการฟังเรื่องเล่าด้วยขอรับ
โอ๊ย โอ๊ยยยยยย
กระบี่ใครปลิวขึ้นมาบนเวที เฉียดศีรษะข้าน้อยไปนิดเดียวนะขอรับ มาๆ รีบมารับกระบี่ท่านกลับไปด้วย ท่าน
Tantava ข้าน้อยเรียกเป็นครั้งที่สามแล้วนะขอรับ มิต้องไปหลบหลังแม่นาง
มัศยวีร์
ถึงอย่างไรก็รู้แน่ว่าเป็นกระบี่ท่าน เล่นสลักชื่อไว้เต็มด้ามเยี่ยงนี้ ใครอ่าน ย่อมรู้ว่าเป็นท่านแน่นอน แล้วนั่นไปหลบอยู่ด้านหลังแม่นางมัศยวีร์
ระวังเจอลูกเตะท่านนานะนะขอรับ ข้าน้อยขอเตือนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
คุณผู้หญิงใจดี
นันนี่ (turtle_cheesecake) หอบหิ้วผลไม้มาฝากทุกท่านเพียบเลย แหม ลาภปากแน่คืนนี้ ใครก็ได้รีบไปช่วยแม่นางนันนี่ถือของทีเถอะขอรับ
ช่างน่ารักเหลือเกินท่าน
คริสเตียน วิ่งไปช่วยถือของ ก่อนใครเลย ตามติดด้วยท่าน
ชายขอบคันนายาว โอ๊ย ไม่มีใครน้อยหน้าใครเลยนะ เห็นแล้วข้าน้อยปลื้มใจยิ่งนัก
แล้วนั่นท่าน
4103002 มิได้วิ่งไปช่วยถือ แต่วิ่งไปจิ๊กกล้วยหอม เฮ้อ ซนเป็นลิงจริงๆ
พูดถึงลิงแล้ว ทำให้ข้าน้อยถึงแม่นาง
เกสรผกา เพราะนางซนเป็นลิง แล้วนี้มีใครเห็นนางบ้างไหมขอรับ
สงสัยยังปลดทุกข์ไม่เสร็จ ก็แน่ละ เมื่อช่วงบ่ายข้าน้อยเห็นฟาดส้มตำไปสามครก ต้มแซ่บอีกสองหม้อ คงปลดทุกข์ยาวจนส้วมเต็มแน่ๆ
กลับมาฟังเรื่องท่านหวางอี้กับขวานผ่าฟืนกันต่อขอรับ
นักบวชอิสิเลี้ยงดูหวางอี้จนเติบใหญ่ ฝึกปรือวิชาการต่อสู้ให้ ทว่าหวางอี้กลับไม่นิยมชมชอบการต่อสู้นัก บ่ายวันหนึ่งหวางอี้แอบหลบหนีออกจากวัด มาเดินเที่ยวชมทุ่งกว้าง เขาเดินไปเรื่อย กระทั่งไปหยุดที่กระท่อมหลังหนึ่ง
เสียง ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ดังติดกันหลายครั้ง ดึงดูดให้หวางอี้เดินตามเสียงนั่นมา จนพบสตรีนางหนึ่งกำลังผ่าฟืนด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย สง่างาม ทว่ากลับแฝงเร้นด้วยพลังอันหนักหน่วงจนสามารถผ่าท่อนไม้ให้ขาดออกจากกัน เพียงแค่ยกขวานขึ้นฟันครั้งเดียว
สร้างความประทับใจให้หวางอี้เป็นยิ่งนัก หวางอี้ใคร่อยากเรียนรู้วิธีผ่าฟืนจากนาง
จอมยุทธหญิงนักผ่าฟืนส่งยิ้มหวานให้หวางอี้ เอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ข้าเต็มใจสอนท่านให้เรียนรู้วิธีการผ่าฟืน
หวางอี้ดีใจกระโดดโลดเต้น เกือบโผเข้ากอดนาง ถ้าไม่ติดที่ว่า ขวานที่นางถืออยู่ มิหล่นมาทับเท้าเสียก่อน หวางอี้คงได้กอดแม่นางคนนี้แน่ๆ
ด้วยเหตุฉะนี้หวางอี้จึงแอบมาฝึกเรียนวิชาผ่าฟืน จากจอมยุทธหญิงนักผ่าฟืนผู้มีนามว่า
เพ็ญพิชญา อยู่เป็นนิจ
กระทั่งหวางอี้ค้นพบศาสตร์การผ่าฟืนสุดล้ำลึกพิสดาร ยากที่ผู้ใดจะกระทำได้โดยง่าย มือ แผ่นหลัง แขน ขา สายตา และลมหายใจ ต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับขวาน เพื่อพิชิตท่อนไม้ตรงหน้า
สายตามิอาจเสมองไปทิศทางอื่น มิเช่นนั้นอาจลงขวานที่เท้าตัวเองได้ แขนมิอาจโก่งงอจนเกินความพอดี มิเช่นนั้นแล้ว ท่อนไม้ที่ต้องผ่าให้ลงตรงกลางจะไม่มีความสมดุล
หากขาดความเป็นหนึ่งเดียวของการลงขวานแล้ว ย่อมหมายถึง จะได้ฟืนที่ไม่มีคุณภาพ หากได้ฟืนที่ไม่มีคุณภาพมาไซร้ อาจส่งผลถึงการหุงหาอาหาร
ฟืนที่ไร้คุณภาพจะทำให้ทอดปลาไม่สุก ต้มขาหมูไม่เปื่อย หุงข้าวไหม้ติดหม้อ หรือร้ายแรงพอที่จะเผาบ้าน ให้ไหม้วอดวาย คงเหลือไว้แต่เถ้าถ่าน
เห็นหรือไม่เล่าว่า การจะได้ฟืนที่ดีย่อมมาจากการผ่าฟืนที่ดี ความรู้ในเรื่องผ่าฟืนสร้างความตื่นตาตื่นใจ และปลุกต่อมความกระตือรือร้นให้แก่หวางอี้เป็นยิ่งนัก
หวางอี้หมั่นฝึกฝนผ่าฟืนจนชำนิชำนาญการ เช่นเดียวกับความรักที่ก่อตัวขึ้นในใจเขา นับว่าเป็นความรักที่สุดพิสดารเฉกเช่น ศาสตร์แห่งการผ่าฟืน
ใครเล่าจะคิดว่า มนุษย์ผู้หนึ่งจะหลงรักขวาน หากเป็นเช่นนี้ท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่ ณ ที่แห่งนี้คงคิดว่าเขาผู้นั่นเป็นบ้าแน่ๆ
“แบบนี้บ้าชัวร์ จับไปส่งโรงพยาบาลบ้าไปเลย อย่าปล่อยไว้”
ท่านสวนดอก โปรดฟังข้าน้อยเล่าให้จบเสียก่อน
“ไม่ฟงไม่ฟังแล้ว เรื่องเล่าผีบ้าอะไร ไร้สาระ ข้าอยากกินขนมเท่านั้น ไหน ใครมาแอบขโมยขนมข้าไป อย่าให้จับได้นะ แม่จะจับปล้ำเสียให้หมด”
แม่นาง
ladylongleg กรุณาเคี้ยวขนมให้หมดก่อน ค่อยพูดนะขอรับ ข้าน้อยกลัวว่าขนมจะติดคอท่าน ท่านอาจสิ้นชีพก่อนจะได้ปล้ำใคร
“บ้า ก็บ้ารักนะเฟ้ย ฮะฮ่า ฮะฮ่า ฮู้ ยู้ ฮู้ โฮ้ว”
ท่านนานะคงจะกำลังเมาได้ที่ทีเดียว แหม ร้องเพลงรักให้ใครกันนะเนี่ย
ฝากท่านอาจารย์จีและครูซูซี่ คุมเด็กๆให้อยู่ด้วยนะขอรับ ชักจะเมากันมากไปแล้ว
โอ๊ยตายละหว่า ใครเอาสาโทไปเสิร์ฟแม่นางสาวงามทั้งห้าของข้าน้อย ดูสิ ลุกขึ้นฟ้อนรำกันใหญ่เลย
แม่นางคีตมินทร์ แม่นางลายลิขิต แม่นางหนิงหนิง แม่นางเลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้า และแม่นางนลินมณี กรุณานั่งลงก่อนเถอะ ข้าน้อยยังไม่ได้เปิดเพลง เพลงมันส์ๆไว้เปิดตอนท้ายนะขอรับ
“พวกเรายังไม่นั่ง”
“เหตุใดพวกท่านถึงไม่นั่ง”
“เพราะ ลมมันเย็นเจ้าค่ะ”
สรุปว่าจะไม่มีใครฟังเรื่องของท่านหวางอี้ต่อหรือขอรับ
“ฟัง”
และสุดท้ายก็พร้อมใจ พูดพร้อมกัน ข้าน้อยแสนจะดีใจขอรับ ที่ทุกท่านยังอยากฟังเรื่องเล่าต่อ
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับขวาน ย่อมมีสิ่งยึดเหนี่ยวสานสัมพันธ์สองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เฉกเช่นตะเกียบต้องอยู่เป็นคู่ หากมีตะเกียบเพียงข้างเดียวจะคีบมะหมี่ได้หรือ
หวางอี้กับขวานก็เช่นกัน หากแม้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ย่อมหมายถึง ความล่มสลายของจิตวิญญาณ คนที่สามารถหล่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับขวาน เพื่อทำงานรับจ้างผ่าฟืน มิใช่เรื่องธรรมดาสามัญที่ใครจะประกอบอาชีพนี้ได้
จำต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างช่ำชองเช่นท่านหวางอี้ จึงจะสามารถยึดอาชีพรับจ้างผ่าฟืนได้
เมื่อสามารถประกอบอาชีพเป็นช่างผ่าฟืนได้แล้วนั่น ย่อมได้รับค่าตอบแทน เป็นเงินตรา
มีเงินตรา ย่อมหมายถึง ชีวิตที่สุขสบายขึ้น แลยังสามารถช่วยชีวิตนักบวชอิสิไว้ได้ ก็เพราะเงินที่หวางอี้ได้มาจากการรับจ้างผ่าฟืน นักบวชอิสิเจ็บปวดออดๆแอดๆมาหลายปี ค่าหยูกยาที่ต้องหาซื้อมารักษานักบวชอิสิ ก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงช่างผ่าฟืนของท่านหวางอี้ทั้งสิ้น
ไหนจะค่าใช้จ่ายของลูกเมียที่หวางอี้ต้องคอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
เมียหวางอี้มิใช่ใครอื่น ก็แม่นางเพ็ญพิชญานี่ละนา ความใกล้ชิดมักงอกเงยเป็นความผูกพันเสมอ ดังสุภาษิตที่ว่าไว้ ‘รักแท้ แพ้ใกล้ชิด’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ชักไปกันใหญ่...ดีนะที่ไม่มีแฟนหรือเมีย, จากกรรมการ !
แหนะ.... ท่าน KTHc ไฉนขยับเข้าไปใกล้แม่นางเลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้านักเล่า เห็นหรือไม่ว่านางถือมีดอีโต้อยู่ อันตรายเหลือล้น ท่านมิควรอยู่ใกล้นางเป็นการดีที่สุด
ว่าแต่ตอนนี้หลับไปกี่ท่านแล้วล่ะ โอ้...ล้มลงนอนระเนระนาดเลย สรุปว่าจะไม่มีใครฟังแล้วนะ ข้าน้อยจะได้หยุดเล่าเพียงเท่านี้
“ฟังงงง”
ช่างตอบพร้อมเพรียงกันจริงๆ
ด้วยเหตุว่าขวานคู่ใจเป็นดั่งเครื่องมือทำมาหากิน ที่สามารถเปลี่ยนแปลงหวางอี้จากคนยากจนกลายมาเป็นผู้มั่งมี หวางอี้ซาบซึ้งในความจงรักภักดีที่ขวานมีต่อตน ตลอดระยะเวลาสามสิบปี ที่ทำงานร่วมกันมา ขวานคู่ใจไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง
ถึงเพลานี้ แม้หวางอี้จะไม่ได้ทำงานรับจ้างผ่าฟืนอีกแล้ว เนื่องด้วยร่างกายทรุดโทรมแก่ชราไปตามวัย
และร่ำรวยเสียจนไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(สาธุ...สมพรปากเถิด อาเมน! จากกรรมการอีกที!)
แม้ร่ำรวยปานใด ทว่าหวางอี้ มิมีวันลืมขวานคู่ใจที่ทำให้ตนมีวันนี้ได้ หวางอี้วางขวานคู่ใจไว้บนหิ้งหน้าเตียงนอน
พนมมือกราบไหว้ทุกวัน
(มีต่ออีกนิดครับ
)
💦💧💖 ถุงมือนักเขียน (ครึ่งหลัง) เรื่องที่ 16 "เรื่องเล่า.."หวางอี้กับขวานผ่าฟืน" โดย ถุงมือ "ฮันเตอร์ X ฮันเตอร์" ครับ
เมื่อวาน มีเรื่องจีนมาให้อ่านเรื่องนึงแล้ว วันนี้มีอีกครับ
เรื่องนี้พิเศษ ลากเอาเพื่อนๆนักเขียน แม้แต่กรรมการก็ไม่รอด! -*- มายำแกงโฮ๊ะ
จะสนุกหรือวุ่นวาย มาติดตามอ่านกันครับ
หากกล่าวถึงความรัก ในโลกนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักความรัก ทว่าในมุมมองความรักของใครเป็นแบบไหนนั้น ล้วนมีหลากหลายแบบ หลากหลายความคิด มิมีถูก มิมีผิด ความรักมิได้กำจัดขอบเขตเพียงมนุษย์เท่านั้น
เช่นเดียวกับท่านหวางอี้ ที่ได้มอบความรักหมดขั้วหัวจิตหัวใจให้ขวานผ่าฟืน ไฉนท่านหวางอี้ได้มอบความรัก แก่ขวานผ่าฟืนนั้น เหตุผลของมันย่อมมีเรื่องราวให้เล่าขาน สู่ท่านทั้งหลายบนถนนนักเขียนได้ฟังกัน
เชิญเร่เข้ามาทางนี้ได้เลยขอรับ ท่านใดพกพาเก้าอี้ส่วนตัวติดตัวมาด้วย โปรดจับจองพื้นที่ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนท่านอื่นที่ได้มิพกเก้าอี้ติดตัวมา จะทิ้งตัวงลงนอนเกลือกกลิ้งเต็มพื้นที่หมดเสียก่อน
ใครพกของกิน ขนมขบเคี้ยว กรุณากิน อย่าให้ท่านอื่นเห็น มิเช่นนั้นท่านอาจถูกดรุณีน้อยนามมุกอันดามันแย่งขนมไปกิน ต่อหน้าต่อตา ต่อให้ท่านโร่ไปฟ้องอาจารย์จีหรือครูซูซี่ ท่านทั้งสองก็คงมิอาจช่วยเหลืออะไรท่านได้ เว้นเสียจะตีหน้าตายแอบกินขนมกันสองคน
และโปรดระวังบุรุษมาดเซอร์ซึ่งมีนามว่านานะ ท่านจอมยุทธนักสืบ และท่านบีบี้(B-thirteen) เกิดบ้าพลังชักดาบออกมาฟาดฟันกัน จนหลงลืมไปแล้วว่ามีสาวงามหลายท่านอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ พวกนางอาจได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ของพวกท่าน พึงระวังๆ
เมื่อกล่าวถึงสาวงาม บุรุษทั้งหลาย จำต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ควรหลีกทางให้สตรีอยู่แถวหน้า เวทีด้านหน้าย่อมมีไว้สำหรับสตรีผู้เลอโฉม แม่นางลายลิขิตโฉมสะคราญดังบุปผาสวรรค์ เดินนำดรุณีน้อยอีกสี่นาง แม่นางคีตมินทร์ แม่นางหนิงหนิง แม่นางเลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้า และแม่นางนลินมณี
อ้าว เห็นแบบนี้แล้วหลีกทางให้สาวงามสิ ท่าน psycho_factory ท่าน kasareev และท่าน KTHc นอนเกลือกกลิ้งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ได้ เล่นนอนขวางทางเดินเช่นนี้ ไฉนสมควรเรียกว่าจอมยุทธนักเขียนได้เล่า และนั่นๆ ยังชวนกันแอบกินขนม มิคิดแบ่งใคร แสนจะขี้เหนียวเสียจริงเชียว
และอยากเตือนพวกท่านทั้งสาม จงโปรดระวังท่าน LUCKARD ให้ดีเถอะ จอมยุทธท่านนี้มีญาณทิพย์วิเศษ แลเก่งฉกาจเรื่องศาสตร์พยากรณ์ ท่านย่อมรับรู้ได้แน่แท้ ว่าท่านทั้งสามแอบซุกซ่อนขนมไว้ที่ใดบ้าง คงซ่อนไว้มิพ้น ไม่นาน คาดว่าจะโดนท่าน LUCKARD ได้มาขโมยขนมไปให้สาวงามในดวงใจแน่ๆ
ว่ามาแล้ว ข้าน้อยนึกอยากดูดวงกับท่าน LUCKARD สักครา แต่วาสนาคงมิมีโอกาสได้ดูดวง แว่วมาว่า คิวดูดวงของท่าน LUCKARD ยาวไปจนถึง ปี พ.ศ. 2700 เลยทีเดียว เห็นแบบนี้ข้าน้อยจำต้องถอนตัวออกมา น่าเสียดายเป็นยิ่งนัก
มากันใกล้จะครบแล้วสินะ จึงขอเริ่มเล่าเรื่องความรักระหว่างท่านหวางอี้กับขวานผ่าฟืนให้ฟัง
นานมาแล้ว บนเทือกเขาฮินาใน (อ่านว่า ฮิ-นา-ใน) เทือกเขาที่เล่าลือกันว่า เป็นที่สิงสถิตของเหล่าอสูรร้ายมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ ทว่ามีนักบวชท่านหนึ่ง นาม อิสิ มิได้เกรงกลัวอสูรร้ายเหล่านั้นแม้แต่น้อย ท่านเดินทางไกลมาหลายพันลี้เพื่อเผยแพร่พระธรรม
ระหว่างทางที่นักบวชอิสิเดินขึ้นมาบนเทือกเขาฮินาใน ท่านอิสิได้ยินเสียงทารกร้องไห้ จึงติดตามเสียงนั่นไปกระทั่งได้พบกับ ทารกเพศชาย ตัวขาวจ้ำม่ำ (น่ากินนัก แต่ท่านอิสิมิกิน แม้จะหิวจนไส้แทบขาด ตาลายเห็นทารกเป็นซาลาเปาก็ตามทีเถอะ)
ท่านอิสิได้พาทารกน้อยกลับมาเลี้ยงดูที่วัด และได้ตั้งชื่อทารกน้อยว่า หวางอี้
อ้าวๆ ท่านอาจารย์จี ท่านส่องแสงตะวันฉายและท่านผีเสื้อสีดำ มัวแต่ร่ำสุรากันอยู่นั่นแหละ ช่วยหลีกทางให้คุณผู้หญิงใจดีแห่งมหานครเทพีเสรีภาพหน่อยเถอะพ่อคุ๊ณ
ไหสุราท่านหล่นขวางทางอยู่นะขอรับ เก็บขึ้นไปตั้งบนโต๊ะตามเดิมด้วย ขอความเป็นระเบียบเรียบร้อยสำหรับการฟังเรื่องเล่าด้วยขอรับ
โอ๊ย โอ๊ยยยยยย
กระบี่ใครปลิวขึ้นมาบนเวที เฉียดศีรษะข้าน้อยไปนิดเดียวนะขอรับ มาๆ รีบมารับกระบี่ท่านกลับไปด้วย ท่าน Tantava ข้าน้อยเรียกเป็นครั้งที่สามแล้วนะขอรับ มิต้องไปหลบหลังแม่นางมัศยวีร์
ถึงอย่างไรก็รู้แน่ว่าเป็นกระบี่ท่าน เล่นสลักชื่อไว้เต็มด้ามเยี่ยงนี้ ใครอ่าน ย่อมรู้ว่าเป็นท่านแน่นอน แล้วนั่นไปหลบอยู่ด้านหลังแม่นางมัศยวีร์ ระวังเจอลูกเตะท่านนานะนะขอรับ ข้าน้อยขอเตือนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
คุณผู้หญิงใจดี นันนี่ (turtle_cheesecake) หอบหิ้วผลไม้มาฝากทุกท่านเพียบเลย แหม ลาภปากแน่คืนนี้ ใครก็ได้รีบไปช่วยแม่นางนันนี่ถือของทีเถอะขอรับ
ช่างน่ารักเหลือเกินท่านคริสเตียน วิ่งไปช่วยถือของ ก่อนใครเลย ตามติดด้วยท่านชายขอบคันนายาว โอ๊ย ไม่มีใครน้อยหน้าใครเลยนะ เห็นแล้วข้าน้อยปลื้มใจยิ่งนัก
แล้วนั่นท่าน4103002 มิได้วิ่งไปช่วยถือ แต่วิ่งไปจิ๊กกล้วยหอม เฮ้อ ซนเป็นลิงจริงๆ
พูดถึงลิงแล้ว ทำให้ข้าน้อยถึงแม่นางเกสรผกา เพราะนางซนเป็นลิง แล้วนี้มีใครเห็นนางบ้างไหมขอรับ สงสัยยังปลดทุกข์ไม่เสร็จ ก็แน่ละ เมื่อช่วงบ่ายข้าน้อยเห็นฟาดส้มตำไปสามครก ต้มแซ่บอีกสองหม้อ คงปลดทุกข์ยาวจนส้วมเต็มแน่ๆ
กลับมาฟังเรื่องท่านหวางอี้กับขวานผ่าฟืนกันต่อขอรับ
นักบวชอิสิเลี้ยงดูหวางอี้จนเติบใหญ่ ฝึกปรือวิชาการต่อสู้ให้ ทว่าหวางอี้กลับไม่นิยมชมชอบการต่อสู้นัก บ่ายวันหนึ่งหวางอี้แอบหลบหนีออกจากวัด มาเดินเที่ยวชมทุ่งกว้าง เขาเดินไปเรื่อย กระทั่งไปหยุดที่กระท่อมหลังหนึ่ง
เสียง ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ดังติดกันหลายครั้ง ดึงดูดให้หวางอี้เดินตามเสียงนั่นมา จนพบสตรีนางหนึ่งกำลังผ่าฟืนด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย สง่างาม ทว่ากลับแฝงเร้นด้วยพลังอันหนักหน่วงจนสามารถผ่าท่อนไม้ให้ขาดออกจากกัน เพียงแค่ยกขวานขึ้นฟันครั้งเดียว
สร้างความประทับใจให้หวางอี้เป็นยิ่งนัก หวางอี้ใคร่อยากเรียนรู้วิธีผ่าฟืนจากนาง
จอมยุทธหญิงนักผ่าฟืนส่งยิ้มหวานให้หวางอี้ เอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ข้าเต็มใจสอนท่านให้เรียนรู้วิธีการผ่าฟืน
หวางอี้ดีใจกระโดดโลดเต้น เกือบโผเข้ากอดนาง ถ้าไม่ติดที่ว่า ขวานที่นางถืออยู่ มิหล่นมาทับเท้าเสียก่อน หวางอี้คงได้กอดแม่นางคนนี้แน่ๆ
ด้วยเหตุฉะนี้หวางอี้จึงแอบมาฝึกเรียนวิชาผ่าฟืน จากจอมยุทธหญิงนักผ่าฟืนผู้มีนามว่า เพ็ญพิชญา อยู่เป็นนิจ
กระทั่งหวางอี้ค้นพบศาสตร์การผ่าฟืนสุดล้ำลึกพิสดาร ยากที่ผู้ใดจะกระทำได้โดยง่าย มือ แผ่นหลัง แขน ขา สายตา และลมหายใจ ต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับขวาน เพื่อพิชิตท่อนไม้ตรงหน้า
สายตามิอาจเสมองไปทิศทางอื่น มิเช่นนั้นอาจลงขวานที่เท้าตัวเองได้ แขนมิอาจโก่งงอจนเกินความพอดี มิเช่นนั้นแล้ว ท่อนไม้ที่ต้องผ่าให้ลงตรงกลางจะไม่มีความสมดุล
หากขาดความเป็นหนึ่งเดียวของการลงขวานแล้ว ย่อมหมายถึง จะได้ฟืนที่ไม่มีคุณภาพ หากได้ฟืนที่ไม่มีคุณภาพมาไซร้ อาจส่งผลถึงการหุงหาอาหาร
ฟืนที่ไร้คุณภาพจะทำให้ทอดปลาไม่สุก ต้มขาหมูไม่เปื่อย หุงข้าวไหม้ติดหม้อ หรือร้ายแรงพอที่จะเผาบ้าน ให้ไหม้วอดวาย คงเหลือไว้แต่เถ้าถ่าน
เห็นหรือไม่เล่าว่า การจะได้ฟืนที่ดีย่อมมาจากการผ่าฟืนที่ดี ความรู้ในเรื่องผ่าฟืนสร้างความตื่นตาตื่นใจ และปลุกต่อมความกระตือรือร้นให้แก่หวางอี้เป็นยิ่งนัก
หวางอี้หมั่นฝึกฝนผ่าฟืนจนชำนิชำนาญการ เช่นเดียวกับความรักที่ก่อตัวขึ้นในใจเขา นับว่าเป็นความรักที่สุดพิสดารเฉกเช่น ศาสตร์แห่งการผ่าฟืน
ใครเล่าจะคิดว่า มนุษย์ผู้หนึ่งจะหลงรักขวาน หากเป็นเช่นนี้ท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่ ณ ที่แห่งนี้คงคิดว่าเขาผู้นั่นเป็นบ้าแน่ๆ
“แบบนี้บ้าชัวร์ จับไปส่งโรงพยาบาลบ้าไปเลย อย่าปล่อยไว้”
ท่านสวนดอก โปรดฟังข้าน้อยเล่าให้จบเสียก่อน
“ไม่ฟงไม่ฟังแล้ว เรื่องเล่าผีบ้าอะไร ไร้สาระ ข้าอยากกินขนมเท่านั้น ไหน ใครมาแอบขโมยขนมข้าไป อย่าให้จับได้นะ แม่จะจับปล้ำเสียให้หมด”
แม่นาง ladylongleg กรุณาเคี้ยวขนมให้หมดก่อน ค่อยพูดนะขอรับ ข้าน้อยกลัวว่าขนมจะติดคอท่าน ท่านอาจสิ้นชีพก่อนจะได้ปล้ำใคร
“บ้า ก็บ้ารักนะเฟ้ย ฮะฮ่า ฮะฮ่า ฮู้ ยู้ ฮู้ โฮ้ว”
ท่านนานะคงจะกำลังเมาได้ที่ทีเดียว แหม ร้องเพลงรักให้ใครกันนะเนี่ย
ฝากท่านอาจารย์จีและครูซูซี่ คุมเด็กๆให้อยู่ด้วยนะขอรับ ชักจะเมากันมากไปแล้ว โอ๊ยตายละหว่า ใครเอาสาโทไปเสิร์ฟแม่นางสาวงามทั้งห้าของข้าน้อย ดูสิ ลุกขึ้นฟ้อนรำกันใหญ่เลย
แม่นางคีตมินทร์ แม่นางลายลิขิต แม่นางหนิงหนิง แม่นางเลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้า และแม่นางนลินมณี กรุณานั่งลงก่อนเถอะ ข้าน้อยยังไม่ได้เปิดเพลง เพลงมันส์ๆไว้เปิดตอนท้ายนะขอรับ
“พวกเรายังไม่นั่ง”
“เหตุใดพวกท่านถึงไม่นั่ง”
“เพราะ ลมมันเย็นเจ้าค่ะ”
สรุปว่าจะไม่มีใครฟังเรื่องของท่านหวางอี้ต่อหรือขอรับ
“ฟัง”
และสุดท้ายก็พร้อมใจ พูดพร้อมกัน ข้าน้อยแสนจะดีใจขอรับ ที่ทุกท่านยังอยากฟังเรื่องเล่าต่อ
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับขวาน ย่อมมีสิ่งยึดเหนี่ยวสานสัมพันธ์สองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เฉกเช่นตะเกียบต้องอยู่เป็นคู่ หากมีตะเกียบเพียงข้างเดียวจะคีบมะหมี่ได้หรือ
หวางอี้กับขวานก็เช่นกัน หากแม้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ย่อมหมายถึง ความล่มสลายของจิตวิญญาณ คนที่สามารถหล่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับขวาน เพื่อทำงานรับจ้างผ่าฟืน มิใช่เรื่องธรรมดาสามัญที่ใครจะประกอบอาชีพนี้ได้
จำต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างช่ำชองเช่นท่านหวางอี้ จึงจะสามารถยึดอาชีพรับจ้างผ่าฟืนได้
เมื่อสามารถประกอบอาชีพเป็นช่างผ่าฟืนได้แล้วนั่น ย่อมได้รับค่าตอบแทน เป็นเงินตรา
มีเงินตรา ย่อมหมายถึง ชีวิตที่สุขสบายขึ้น แลยังสามารถช่วยชีวิตนักบวชอิสิไว้ได้ ก็เพราะเงินที่หวางอี้ได้มาจากการรับจ้างผ่าฟืน นักบวชอิสิเจ็บปวดออดๆแอดๆมาหลายปี ค่าหยูกยาที่ต้องหาซื้อมารักษานักบวชอิสิ ก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงช่างผ่าฟืนของท่านหวางอี้ทั้งสิ้น
ไหนจะค่าใช้จ่ายของลูกเมียที่หวางอี้ต้องคอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เมียหวางอี้มิใช่ใครอื่น ก็แม่นางเพ็ญพิชญานี่ละนา ความใกล้ชิดมักงอกเงยเป็นความผูกพันเสมอ ดังสุภาษิตที่ว่าไว้ ‘รักแท้ แพ้ใกล้ชิด’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แหนะ.... ท่าน KTHc ไฉนขยับเข้าไปใกล้แม่นางเลดี้สตาร์เก้าหนึ่งเก้านักเล่า เห็นหรือไม่ว่านางถือมีดอีโต้อยู่ อันตรายเหลือล้น ท่านมิควรอยู่ใกล้นางเป็นการดีที่สุด
ว่าแต่ตอนนี้หลับไปกี่ท่านแล้วล่ะ โอ้...ล้มลงนอนระเนระนาดเลย สรุปว่าจะไม่มีใครฟังแล้วนะ ข้าน้อยจะได้หยุดเล่าเพียงเท่านี้
“ฟังงงง”
ช่างตอบพร้อมเพรียงกันจริงๆ
ด้วยเหตุว่าขวานคู่ใจเป็นดั่งเครื่องมือทำมาหากิน ที่สามารถเปลี่ยนแปลงหวางอี้จากคนยากจนกลายมาเป็นผู้มั่งมี หวางอี้ซาบซึ้งในความจงรักภักดีที่ขวานมีต่อตน ตลอดระยะเวลาสามสิบปี ที่ทำงานร่วมกันมา ขวานคู่ใจไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง
ถึงเพลานี้ แม้หวางอี้จะไม่ได้ทำงานรับจ้างผ่าฟืนอีกแล้ว เนื่องด้วยร่างกายทรุดโทรมแก่ชราไปตามวัย และร่ำรวยเสียจนไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แม้ร่ำรวยปานใด ทว่าหวางอี้ มิมีวันลืมขวานคู่ใจที่ทำให้ตนมีวันนี้ได้ หวางอี้วางขวานคู่ใจไว้บนหิ้งหน้าเตียงนอน พนมมือกราบไหว้ทุกวัน
(มีต่ออีกนิดครับ )