ก่อนอื่นพวกเราต้องขอบอกก่อนเลยว่าพวกเราเป็นเพียงกลุ่มนักศึกษาธรรมดาๆกลุ่มนึงที่มาจาก 2 ภาควิชาได้รู้จักกันจากวิชาท่องเที่ยว ซึ่งไม่เคยนอนพักค้างแรมด้วยกันมาก่อน และเนื่องด้วยพวกเรามาจากภาควิชาที่ต่างกันทำให้การจัดเวลาในการไปเที่ยวนั้น เป็นไปได้ยาก แต่พวกเราก็อยากไปเที่ยวค้างคืนด้วยกัน แต่จะทำยังไงให้สามารถไปเที่ยวค้างแรมได้โดยไม่กระทบกับงานและวิชาเรียนของนักศึกษาปี 4 ที่แทบจะไม่มีเวลานอนเลย 555555 สรุปก็คือออ ก็ต้องไปเสาร์อาทิตย์แล้วละ !!! ต่อไปสถานที่ละ ? ในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้จะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างนะ จนมีเพื่อนคนนึงพูดมาว่า
เราไม่รีรออะไรรีบหาข้อมูลอย่างรวดเร็ววว กลายเป็นว่า เห้ยยยน่าไปกว่าที่คิด จึงเกิดมาเป็นทริปสั้นๆ  ....ที่ขอหนีกรุงเทพที่แสนวุ่นวาย ไปสโลไลฟ์เสาร์อาทิตย์ที่ลำปาง

     เริ่มเดินทาง เราเดินทางกันวันที่ 27/10/60 เวลา 20.15 น. ที่หมอชิต2 โดยตอนแรกเราจะไปรถไฟฟรีเพื่อประหยัดเงิน แต่จองตั๋วไม่ทัน เราจึงเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ เราได้ใช้บริการของพรพิริยะทัวร์ ไป-กลับตกราคาคนละ 922 บาท (ตั๋วไปกลับ 842 บาท+ค่าประกัน 40 บาท+ค่าดำเนินการจัดการ 40 บาท)



     วันที่ 28/10/60 ในที่สุดเราก็มาถึงลำปาง เวลา 04.45 น. ทุกคนก็แยกย้ายไปล้างหน้าแปรงฟันหลังจากนั้นก็มาประชุมกันว่าจะไปอุทยานยังไงดี


     สุดท้ายเราก็ได้ตกลงกันว่าจะนั่งรถสองแถวที่ขึ้นไปถึงอุทยานเลย แต่จุดขึ้นรถจะอยู่ที่แถวๆตลาดเก่า เราจึงเหมารถสองแถวจากบขส.ไปลงที่ตลาดเก่า 120 บาท ตกคนละ 20 บาท

     ถึงแล้ววว ตลาดเก่า หรือ ตลาดออมสิน เป็นตลาดที่ขายของจำพวก เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ กับข้าว ของหวาน เหมือนตลาดทั่วไป แต่พวกกับข้าวของหวานจะไม่มีที่ให้นั่งกิน จะให้ซื้อเป็นถุงกลับบ้าน แต่ไหนๆก็มาแล้ว ซื้อของขึ้นไปอุทยานเลยดีกว่า นั่นก็คือ ...ไข่ไก่ !! เพราะอุทยานที่เราจะไปเขาบอกว่าต้มไข่กินแล้วจะอร่อย เราเลยซื้อไข่มา 2 เบอร์ เบอร์ละ 10 ฟองในราคา 30+25=55 บาท นอกจากนี้พวกเรายังทำบุญตักบาตรเพื่อให้การเดินทางในครั้งนี้ของเราปลอดภัยอีกด้วย


     สบายใจกันแล้วว เราก็ไปรอที่จุดขึ้นรถสองแถวกันดีกว่า...

     เอิ่มม... มันก็ออกจะน่ากลัวหน่อยๆ มีรถแค่คันเดียวใจคอพวกเรานี่รู้สึกจะรอดหรือเปล่านะ เขายังไปอุทยานกันอยู่หรือเปล่า แต่ก็มีลุงคนนึงมารอเหมือนกัน เริ่มอุ่นใจขึ้นมา เราก็เลยโทรถามตามเบอร์ที่ติดตรงศาลา ปรากฏว่ารอบแรกคือ 11 โมงงง ช้าไปไมมม คุณลุงเลยติดต่อรถตู้ให้ซึ่งเผื่อกลุ่มพวกเราด้วย จึงได้รถตู้ คนละ 100 บาท แต่กว่ารถตู้จะมาอีกตั้งนานเราเลยขอไปกินข้าว และเดินเที่ยวเล่นก่อน


    เราเจอร้านอาหารเจที่เปิดอยู่ร้านเดียว เราเลยเข้าไปกิน จานละ 25 บาท ร้านนี้ได้ขายของเจมากมายไม่ใช่แค่ข้าวราดแกงเท่านั้น อาหารก็อร่อย คนขายก็ใจดีน่ารักยิ้มแย้ม พออิ่มแล้วก็เดินเที่ยวเล่น


     ลำปางเป็นจังหวัดที่เงียบมากกก คนก็น้อย เหมือนมีแค่พวกเราที่อยู่ในจังหวัด 55555555 นอกจากนี้เราได้ไปที่สะพานรัตนโกสินทร์ และวัดเกาะวาลุการาม ซึ่งอยู่บริเวณกาดกองต้า ที่เราตั้งใจจะมาในวันที่ 2 แต่ไม่เป็นไรเวลายังพอมี ขอเดินดูก่อนแล้วกัน

     สะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีการใช้งานที่คู่กับชุมชนมานาน มีไว้สำหรับรถเล็กไว้ข้ามฝั่ง แต่ที่จริงก็มีสะพานที่ใหญ่กว่านี้ แต่คนในชุมชนมองว่าไว้สำหรับคนเดินด้วย ซึ่งจะปลอดภัยกว่าสะพานอันอื่น

     วัดเกาะวาลุการามมีการกำเนิดจากการอุปถัมภ์จากชาวจีนในย่านนั้น ซึ่งน่าจะเป็นชาวจีนจากภาคกลางที่มีอาชีพค้าส่งทางน้ำ ทำให้สันนิฐานว่าได้นำช่างฝีมือจากภาคกลางมาสร้างวัดแห่งนี้ ทำให้มีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบภาคกลาง ซึ่งต่างจากวัดทั่วไปในลำปาง



     หลังจากเดินมาสักพักนึงแล้ว ก็ถึงเวลาที่รถตู้มารับ

     อันนี้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พวกเราประทับใจ คือคุณลุงขับรถตู้ ขับรถตู้ดีมาก และพูดคุยกับคนในรถอย่างเป็นกันเองเหมือนรู้จักกันตั้งแต่ชาติปางก่อน คุณลุงจะคอยส่งเด็กๆ คุณตาคุณยาย หรือแม้กระทั่งพวกเราเอง หน้าบ้านกันเลย คอยช่วบขนกระเป๋าลงมาอย่างยิ้มแย้มใจดี เรารู้สึกประทับใจกันมาก เพราะพวกเราไม่ค่อยได้เห็นมุมมองแบบนี้ในเมืองที่แสนเร่งรีบ
     ในที่สุดเราก็ถึงแล้ววว อุทยานแจ้ซ้อน เราจะได้ต้มไข่ กับแช่น้ำร้อนแล้ว เตือนไว้ก่อนเครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้ได้มีแค่ AIS กับ TRUE เท่านั้น ส่วนดีแทคต้องไปเล่นที่ชั้นน้ำตกสูงๆนู่นนน ก่อนอื่นเราก็มากางเต้นท์ เพื่อเก็บของกันก่อน




     ค่าเช่าเต้นท์หลังละ 150 บาท อุปกรณ์เสริม(แผ่นรอง+ถุงนอน+หมอน) ชุดละ 60 บาท แต่ถ้าเช่าแยกก็ได้ แผ่นรอง 20 บาท ถุงนอน 30 บาท หมอน 10 บาท แต่มีเพื่อนเราคนนึงเอาเต้นท์มาเอง ปกติจะต้องเสียค่ากางเต้นท์ แต่เจ้าหน้าที่ใจดีมากไม่คิดค่ากางเต้นท์ พอเก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็ไปลุยกันน !!




     นี่จะเป็นลานน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนซึ่งจะมีอยู่หลายบ่อ เช่นบ่อที่อุณหภูมิ 75℃ ให้แช่ไข่ที่เวลา 25 นาที และบ่อที่อุณหภูมิ 80℃ ให้แช่ไข่ที่เวลา 17 นาที ไข่แดงจะแข็งไข่ขาวจะเหลว ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ว่าต้องต้มบ่อไหนถึงจะดี จนมีคนมาบอกว่าตรงที่ให้ต้ม 17 นาทีจะเร็วแล้วก็อร่อย เราเลยไปต้มกิน หลังจากต้มแล้วเราต้องเอาไปล้างน้ำเย็นด้วยนะ จะได้แกะง่ายๆ เพราะมันร้อนมาก และไข่ที่พวกเราต้มก็อร่อยมากกกจริงๆ นอกจากนี้พวกเราอย่างจะลองกินไข่นกกระทาด้วยจึงไปซื้อ ที่อุทยานเขาก็จะมีขายตามตะกร้า เล็กกลางใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพริกไทยกับแม็กกี้ขาย ขวดละ 20 บาท เราซื้อไข่นกกระทากลาง 50 บาท อร่อยเหมือนกันน แต่ไข่นกกระทาจะแกะยากกว่าเพราะมันเป็นฟองเล็ก พอกินกันอิ่มแล้วเราเลยไปเดินชมน้ำตก ที่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอุทยาน


     ก่อนเข้าไปด้านหน้าจะมีแผนที่สำหรับเส้นทางการเดินให้เราได้ศึกษากัน แล้วจะมีบอกว่าแต่ละเดือนจะมีกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งช่วงที่เราไปก็เหมาะสำหรับการชมนก เสียดายที่เราไม่มีกล้องส่องดูนก 55555 และก่อนเข้าไปเราจะต้องฝากอาหารเครื่องดื่มเนื่องจากเขาไม่อนุญาติให้นำขึ้นไป เนื่องจากป้องกันการทิ้งขยะที่จะทำให้ธรรมชาติไม่สวยงาม น้ำตกนี้จะมีอยู่หลายชั้นยิ่งขึ้นยิ่งสวย ยิ่งสูง และยิ่งเหนื่อย 55555 แต่รู้สึกว่าพอโดนน้ำเย็นๆ ก็จะรู้สบายๆ หายเหนื่อยได้ทันที




     น้ำตกแจ้ซ้อน เป็นน้ำตกที่กำเนิดมาจากลำน้ำแม่มอญ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีแอ่งน้ำรองรับอยู่ตลอดสาย ไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ มีอยู่ 6 ชั้น อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 1 กิโลเมตร มีทางเดินไปสะดวกและสามารถเดินจากบ่อน้ำพุร้อนไปถึงน้ำตกได้

     หลังจากเดินเที่ยวชมธรรมชาติเดินไปเจอป้าที่เอาของจากหมู่บ้านมาขายคือลูกกระบก(อัลมอนด์เมืองไทย)จากการพูดคุยกับป้า ป้า บอกว่ามันเป็นผลของไม้ยืนต้นที่จะมีมากทางภาคเหนือและอีสาน รสชาติคล้ายๆกับแอลมอนหวานๆมันๆ มีทั้งสด ตากแดด แล้วก็คั่ว  กินเพลินๆอร่อยดี ถ้วยละ 10 บาท แล้วก็เดินกลับมาใกล้ๆกับลานน้ำพุร้อนมีร้านขายกล้วยปิ้ง น้ำเสาวรส แล้วก็ขนมอื่นๆอีกด้วย



****ยังมีอีกนะคะ เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ****