สวัสดีค่า
เราชื่อRiety หรือปั๋นค่ะ เราเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระ ก่อนหน้านี้เราเคยทำกระทู้เล่าเรื่องขั้นตอนการวาดโปสเตอร์หนังเรื่อง White God และ Embrace of The Serpent


เมื่อต้นปี เราได้โอกาสไปวาดภาพประกอบให้ Shiseido ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น แคมเปญที่เราทำแบ่งงานเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคืองานอาร์ต อีกส่วนคืองานถ่ายโฆษณา ซึ่งเนื้อเรื่องโฆษณาถ่ายตามภาพที่เราวาด!

อาร์ตเวริคที่เราทำมีทั้งหมด 3 ชิ้น คอนเสปต์คือเล่าเรื่องความเป็นไทยแบบคลาสสิค หรูหรา และโมเดริน เพื่อนำอาร์ตเวริคนี้มาทำกล่อง กระเป๋า และของอื่นๆในไลน์ของชิเชโด้เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน

และนี่เป็น Teaser ตัวสั้น 30 วิ ของแคมเปญนี้ค่ะ




เราเลยมาเล่าเรื่องการทำงานทั้งหมดเพราะเราคิดว่ามันเป็นงานที่สนุกมาก ตั้งแต่การคิดงาน ลงมือทำงานจริง ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานวาด นอกจากนั้นงานวาดมือชิ้นเล็กของเราต้องถูกเอาไปขยายทำเป็นแบคดรอป อนิเมชั่น ฯลฯ เราเลยจะมาเล่าวิธีการสแกนและจัดการไฟล์งาน jpeg ธรรมดา ให้ถูกเอาไปยำยีต่อได้อย่างไม่มีลิมิต


กระทู้นี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวกับอาร์ตเวริค เทคนิค ส่วนที่สองเกี่ยวกับการถ่ายโฆษณาค่ะ

อธิบายภาพรวมของงานก่อน

แคมเปญนี้มีชื่อว่า Beauty of Thailand ผลิตขึ้นเพื่อสร้าง Brand reconition ในจีนเพราะช่วงที่ผ่านมาคนจีนมาเที่ยวไทยดุมาก Shiseido กับ King Power เลยทำแคมเปญให้บิวตี้บลอคเกอร์ชื่อดังของจีน ชื่อว่า Magic Yang มาเที่ยวไทย โดยมีเพื่อนไทยพาเที่ยว ซึ่งบทเพื่อนเที่ยวคือบทเราเองค่ะ55555

เที่ยวเปล่าๆไม่มีประโยชน์อาจะโดนเขี้ยะออกจากโปรเจคต์ได้ เราเลยต้องไปในฐานะอาร์ตติสสุดขยัน เดินสเกตช์งานง๊อกๆแง๊กๆตามเมจิค แล้วเอาเรื่องราวการเที่ยวสุดประทับใจของเราสองมาวาดรูปใช้หนี้เที่ยว //เดี๋ยว


สโคปงานคือ Artwork 3 ชิ้น ขนาดงานชิ้นละ 200x200 cm
ลูกค้าอยากได้เทคนิควาดสีน้ำและดรอวอิ้งด้วยมือ
มีเวลาทำ 6 อาทิตย์

...ค่ะ

งานทั้งหมดพอทำออกมาแล้วจะถูกเอาไปใช้เป็น
Backdrop / Wallpaper ให้ Download ใน Weibo / Website / Packaging / Goods / TVC / Print ad

คือใช้ทุกอย่างที่มีในสากลโลกนี้นั่นเอง =_=/

ตั้งแต่เราตั้งกระทู้เอมเบรสที่เราเล่าว่าเราปั่นงานได้ใน 24 ชม. ก็ได้งานเดือดบ่อยมาก orz แต่ก็ค่ะ ทำได้ค่ะพี่ ประเด็นมันไม่ใช่ทำได้ไม่ได้ ประเด็นมันคือทำยังไงให้ออกมาดี!!

มาฟังบรีฟงานกันก่อน อาร์คเวริค 3 ชิ้น ต้องเล่าเรื่อง 3 คอนเซปต์คือ
Classic Thai / Opulent Thai / Modern Thai
ให้เราตีความยังไงก็ได้ จบ โจทย์กว้างดุจแม่น้ำหวงโห

วิธีเอาตัวรอดวิธีแรกที่เราคิดได้คือ ต้องวาดทั้ง 3 รูปนี้ให้เป็นรูปจากต้นตอเดียวกัน เพื่อที่เราจะ reuse ช้างม้าวัวควาย องค์ประกอบเล็กๆในภาพได้ (เราเรียกสิ่งนี้ว่า Filler คือเป็นของทั่วๆไปที่ใส่ซ้ำๆลงไปเพื่อทำให้งานดูเต็ม เช่น ดาว ใบไม้ปลิว โคม ฯลฯ)  

ตอนแรกเราเลือกธีมเป็นวรรณคดีไทยที่มีความต่อเนื่องกัน
Classicl Thai นางสิบสอง / Opulent Thai พระสุธนมโนราห์ / Modern Thai สี่แผ่นดิน

สเกตช์แรกออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ


Classic Thai

ความเป็นนิทานพื้นบ้าน และฉากควักลูกตาโยนเข้าถ้ำ กินหลานตัวเองก็ตื่นเต้นดี พระรถหลอกเมรีจนอกแตกตายก็ดราม่าดี  คนแถวๆบ้านก็ทำนาใช้ชีวิตคลาสสิคกันไป สังคมไทย in a nutshell



Opulent เป็นเรื่องพระสุธนมโนราห์
ซึ่งเป็นภาค 2 ของนางสิบสอง เราวาดให้สไตล์การแต่งตัว ฯลฯ เหมือนละครใน
มีฉากหลังเป็นป่าหิมพานต์สวยๆปิ๊งๆวั้บๆ งานคอสตูมหรูหราอลังการ พร้อมกระทงและโคมลอยเพราะ… เพราะนักท่องเที่ยวชอบเทศกาลนี้ //ซับเหงือ

Modern เป็นแม่พลอยผู้ควบสีแผ่นดินรัตนโกสินทร์ ชุดไทยประยุกต์ วัฒนธรรมไทยแบบยุคหลังจอมพล ป.

เวลาเราทำงานที่มี story ที่ต้องอธิบายให้คนจากหลายๆวัฒนธรรม + ผู้ร่วมงานหลายๆคนทำ เราจะทำ rational sheet ที่อธิบายว่าแต่ละอย่างคืออะไร มาจากไหนแบบนี้ขึ้นมาค่ะ


ข้อดีนอกจากอธิบายเข้าใจง่ายแล้ว เรายังหาภาพ reference ง่ายด้วย


หลังจากนั้นก็มีแก้กันอีกหลายที
จนสุดท้ายจบที่คอนเสปต์

Classic คือ คติไทยพื้นบ้าน วิถีชีวิตชาวบ้าน ผีสาง ฯลฯ เรียบง่าย
Opulent คือ คติไทยที่มีการผสมพราห์ม-ฮินดู พุทธศาสนา มีความซับซ้อนของสังคมขึ้น เราเลือกวาดเป็นฉากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  
Modern คือ สังคมกรุงเทพ วิถีชีวิตคนไทยปัจจุบันที่มีการผสมของวัฒนธรรม คือเราไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ถ้าใครเคยอ่าน American God ไอเดียประมาณนั้นเลย แบบ God ของ Modern คือห้าง เทคโนโลยี ทรัพย์สมบัติ ฯลฯ


อันนี้ Rough Ideaรอบแรกของโมเดริน เนื่องจากขี้เก-- ไม่มีเวลาเราเลยเอารูปมาแปะๆ


หลังจากสเกตช์ผ่าน คอมโพสผ่าน ก็ได้เวลาร่างงานจริง
ส่วนนี้เราชอบวาดด้วยเมาส์ปากกาหรือใช้ดินสอแล้วสแกน



ก็จะเห็นภาพรวมชัดเจนว่าอะไรอยู่ตรงไหน มีอะไรบ้าง ลงตัวรึยัง


เราขยายสเกตช์ให้เป็นขนาดจริง 200x200 cm ในคอมแล้วแยกวัตถุทีละชิ้น  ทีละเลเยอร์ ดราฟลงกระดาษ A3 แล้วค่อยลงสี

สาเหตุที่วาดแยกชิ้นคือ
1.เราไม่ถนัด/ไม่สามารถวาดงานขนาดจริง 2 เมตรเป็นภาพภาพดียว
2.อาร์ตเวริคจะถูกเอาไปแยก ประกอบ อนิเมทเป็นตัวดุ๊กดิ๊ก
3.กระจายงานระหว่างผู้ช่วยได้ง่าย
4.เครื่องสแกนเนอร์เราขนาด A4

เหตุผลสุดท้ายสำคัญสุด ถ้าใครสงสัยว่า A4 แล้วสแกนภาพ A3 ยังไง คำตอบคือสแกนบน ล่าง ซ้าย ขวา แล้วเอามาต่อกันใน photoshop ค่ะ 'v'


พวกนก ก้อนเมฆ กุ๊กกิ๊กเราจะวาดแยกทีละชิ้นหมดเลย แต่วัตถุขนาดใหญ่เช่น สถานที่ เราใช้วาดเป็นกลุ่มๆเอา ลองดูขนาดที่วาดเทียบกับวงเวียนดูนะคะ
งานนี้อุปกรณ์ที่ใช้ แบบเรียงตามลำดับการลงสีคร่าวๆคือ สีน้ำ  สีฝุ่น สีไม้ สีพาสเทล หมึก อะคริลิก


ยกตัวอย่างเช่นภาพผู้หญิงภาพนี้ที่เราลงสีชั้นแรกด้วยสีน้ำเสร็จแล้ว และกำลังไล่เก็บรายละเอียดด้วยสีไม้
บางส่วนเราก็ลงชั้นแรกเป็นโปสเตอร์บ้าง อะคริลิกบ้าง แล้วแต่อารมณ์และความเหมาะสม

เทคนิคการลงสีของเราคือลงสีอ่อนเป็นเบสก่อนแล้วค่อยเพิ่มไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นวิดิโอ Speed Paint สีน้ำของเราค่ะ กดดูได้เลยถ้าสงสัยเรื่องลงสี



เรือเก็บรายละเอียดด้วยสีไม้และสีฝุ่นเรียบร้อยแล้ว

หลังจากเราได้ภาพวาดต้นฉบับ เราก็จะลองเอาภาพมาจัดเพื่อดูภาพรวมของงาน ขั้นตอนนี้เรียกว่า mock up
การ mock up ปกติเราสแกนภาพที่วาดแล้วไปตัดวางในคอม

แต่งานนี้เราใช้วิธี


*ฉับฉับ*

ตัดงานเป็นชิ้นๆ เหมือนเวลาเล่นตุ๊กตากระดาษ แล้วเอามาเรียงประกอบด้วยมือเลย อนาล็อคสุด
(แต่เราสแกนเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยตัดนะ 555 )

พอตัดแล้วก็เอามาวางตามตำแหน่งในสเกตช์ดู ตอนวาดจริงเราวาดขนาดใหญ่กว่าสเกตช์ไปอีก


เราไม่ได้ทำแบบนี้กับทุกงานเพราะมันค่อนข้างยุ่งยาก จริงๆการ mock up งานปกติ วาดลงกระดาษ สแกนเข้าคอม
แล้วค่อยจัดวางหยาบๆในคอมก็ได้ แต่เนื่องจากงานนี้ชิ้นใหญ่ วัตถุแต่ละอันขนาดเกือบ A3 แล้วมีของจิ๋วๆรวมๆกันเป็นร้อยชิ้น/เลเยอร์ ถ้าทำในคอมและคอมไม่แรงพอจะเสียเวลามาก

หลังจากเรียงจนพอใจแล้วก็เปิด photoshop โปรแกรมคู่ใจที่ใช้เป็นอยู่โปรแกรมเดียวขึ้นมา จับทุกอย่างวางตาม mock up ปรับสี ปรับแสง ทำความสะอาดไฟล์ ดรอวอิ้งเพิ่ม

https://ppantip.com/topic/34274594 <<เรื่องการทำความสะอาดไฟล์ อ่านในกระทู้เก่าเราได้ค่ะ

เราวาดของทุกชิ้นขนาดประมาณ A3 แล้วสแกน 1200 dpi
เซฟของแต่ละชิ้นแยกเป็น .png เซฟอาร์ตเวริคเป็น .psb
ได้ Artwork ไฟนอลออกมาเป็นแบบนี้ค่า



Opulent Thai


Classic Thai



Modern Thai