บทความในเฟสบุ้คครับ ยาวหน่อย แต่ครบถ้วนในเรื่องที่ความสัมพันธ์ระหว่างคีแกน กับหงส์แดง
จากเฟส REDs Retro
ลิเวอร์พูล และ เควิน คีแกน
สายสัมพันธ์แห่งอดีตที่ไม่มีวันลืม
.
.
เควิน คีแกน ยอดนักเตะชาวอังกฤษนามกระเดื่องผู้สร้างชื่อมากับลิเวอร์พูล แต่ในระยะหลังภาพลักษณ์ของเขากลับไปผูกติดกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้จึงรวบรวมหลักฐานจากหลายๆแห่งมาปะติดปะต่อกันเพื่อให้เห็นภาพและที่มาที่ไปของเหตุการณ์ต่างๆ
.
.
.
เควิน คีแกน กับ ลิเวอร์พูล
.
นับจากวันที่ 10 พฤษภาคม 1971 ที่เควิน คีแกน นั่งบนถังขยะภายนอกแอนฟิลด์ เพื่อรอบิล แชงคลี่ย์ เดินทางมาเซ็นสัญญาเพื่อย้ายเข้าสังกัดลิเวอร์พูล จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 1977 ที่เขาลงเล่นนัดสุดท้ายให้หงส์แดงในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ 1977 ที่กรุงโรม และพาสโมสรเป็นแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ตัวเขาโดดเด่นกว่านักเตะคนอื่นมาโดยตลอด ความจริงแล้ว เขาโดดเด่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงซ้อมและปิดฉากในฐานะนักเตะหงส์แดงด้วยสถิติลงเล่น 323 นัด ทำได้ 100 ประตูพอดี
.
ที่น่าทึ่งคือ เขาไม่เคยลงเล่นทีมสำรองเลยแม้แต่นัดเดียว ถ้าไม่โดนแบนหรือบาดเจ็บ เขาจะได้ลงตัวจริงทุกครั้ง ซึ่งผิดวิสัยของหงส์แดงที่นักเตะหน้าใหม่จะต้องลงเล่นทีมสำรองเพื่อเรียนรู้ระบบทีม หรือนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บกลับมามักลงเล่นทีมสำรองเพื่อเรียกความฟิตและปรับจังหวะเกม สถิตินี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และฝีเท้าที่เหนือชั้นของเควิน คีแกน ว่าสุดยอดแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คีแกนจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สโมสรเคยมีมา (นับถึงปี 1977) ไม่ว่าเดอะค็อปจะเรียกเขาว่า “คิงเคฟ”, “ซูเปอร์เค”, “ไมท์ตี้ เม้าส์”, “คิง ออฟ แอนฟิลด์”, "KK" เควิน คีแกน ก็คือสุดยอดขวัญใจ คนที่เดอะค็อปคิดว่าจะร่วมหัวจมท้ายด้วยกันตลอดไป
.
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเขาประกาศว่าจะย้ายไปเยอรมันตะวันตกเมื่อจบฤดูกาล 1976/77
.
ทันทีที่เขาประกาศออกมา กระแสแฟนบอลแตกเป็นหลายกลุ่ม บางคนเข้าใจเหตุผล บางคนมองว่าคีแกนทิ้งทีม เมินความรัก ความซื่อสัตย์ที่แฟนๆมอบให้ จากคำบอกเล่าในหนังสือของเพื่อนนักเตะร่วมสมัยก็พูดถึงเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน
.
ฟิล ธอมป์สัน บอกว่า การตัดสินใจของคีแกนสร้างความโกรธ หงุดหงิด ผิดหวัง ให้หลายคน แต่ธอมป์สันไม่ได้บอกว่า “หลายคน” นั้น เป็นเพื่อนร่วมทีม หรือแฟนบอล
.
ฟิล นีล บอกว่านักเตะทุกคนอยากคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เพื่อให้คีแกนจากไปอย่างยิ่งใหญ่ แต่นักเตะอาวุโสหลายคนก็เห็นว่าคีแกนควรจะอยู่กับทีมต่อไปอีก 2-3 ปี เพราะการที่เขาย้ายทีมในปี 1977 เหมือนกับเป็นการเริ่มทำลายทีมที่บิล แชงคลี่ย์ สร้างมา
.
ทอมมี่ สมิธ บอกว่าเมื่อคีแกนประกาศย้ายทีม เพื่อนนักเตะรู้ว่าเขาต้องการความมั่งคงทางการเงินให้ครอบครัวของเขา แต่สำหรับแฟนๆ พวกเขาผิดหวังที่ฮีโร่ของพวกเขากำลังจะจากไป และเมื่อไหร่ที่เขาเล่นไม่ดี แฟนๆก็คิดว่าเขาไม่มีใจจะเล่นให้ทีมแล้ว
.
จากคำบอกเล่าของพวกนักเตะ ทำให้เชื่อได้ว่าการย้ายทีมของคีแกน มีประเด็นหมางใจกันระหว่างตัวเขาและแฟนบอลเดอะค็อป แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าซีเรียสระดับไหน แต่ก็คิดว่าคงรุนแรงและวงกว้างพอสมควรถึงขนาดพวกนักเตะยังต้องพูดถึง
.
เควิน คีแกน เคยพูดถึงการย้ายทีมในหนังสือของเขาที่วางขายในยุค 70s ว่า
.
“ผมไม่ใช่สเกาเซอร์และไม่เคยพยายามเป็น ผมไม่เคยรู้สึกมี passion รุนแรงเหมือนสเกาเซอร์ในเกมดาร์บี้ แม็ทชแต่ผมก็มีสโมสรอยู่ในหัวใจ แฟนๆยอดเยี่ยมมาก พวกเขาสนับสนุนผมแม้ว่าผมตัดสินใจย้ายไปเล่นในต่างประเทศ ผมคิดว่าพวกเขาเข้าใจเหตุผลของผมนะ มันเป็นการตัดสินใจย้ายทีมที่ง่ายมากเพราะผมรู้สึกเนือยลง ขาดความกระตือรือร้น บิล แชงคลี่ย์ก็จากไปแล้ว และผมรู้สึกว่ายังมีภูเขาอีกหลายลูกท้าทายให้ผมปีนข้ามไป ผมอยากซื่อสัตย์กับแฟนๆ และผมคิดว่าพวกเขาหลายคนก็เข้าใจเหตุผล”
.
และคีแกนยังพูดถึง บิล แชงคลี่ย์ ในหนังสือของเขาที่ออกในปี 2000
.
“ไม่ว่าผมชอบ บ็อบ เพสลี่ย์ มากแค่ไหน ผมคิดว่าสโมสรสูญเสียสปิริตไปเมื่อ บิล แชงคลี่ย์ ลาออก และนั่นก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผมย้ายทีม ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม มันหายไปพร้อมกับการจากไปของแชงคลี่ย์”
.
ซึ่งถ้ามองลึกๆถึงประโยคนี้ของคีแกน ทำให้เรารู้ว่าบิล แชงคลี่ย์ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อสโมสรจริงๆ ดังนั้นพวกบอร์ดบริหารจึงต้องการลดอิทธิพลของแชงคลี่ย์ลงเมื่อเขารีไทร์ไปแล้ว
.
และประโยคนี้ของคีแกนนี่เอง ทำให้รู้ว่าเขาผูกพันกับแชงคลี่ย์มาก ถึงขนาดว่าเมื่อไม่มีแชงคลี่ย์ บรรยากาศในสโมสรสำหรับเขาก็ไม่เหมือนเดิม ซึ่งในหนังสือของเขาได้พูดชื่นชมแชงคลี่ย์เป็นระยะ เขาบอกว่าบิล แชงคลี่ย์ เป็นต้นแบบในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา และในห้องทำงานของเขาที่นิวคาสเซิ่ลก็มีรูปบิล แชงคลี่ย์ อยู่ด้วย
.
ดังนั้นเราพอสรุปได้ว่า เขาย้ายทีมเพราะต้องการเงินค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นเพื่อความมั่นคงของครอบครัว (จากคำบอกเล่าของทอมมี่ สมิธ) และย้ายเพราะแชงคลี่ย์ไม่อยู่ในสโมสรแล้ว แต่แฟนบอลบางกลุ่มไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าเขาทิ้งทีม ทั้งนี้บางคนวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะในปี 1977 การย้ายไปเล่นต่างแดนเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก และที่สำคัญ ไม่มีนักเตะคนไหนย้ายออกจากลิเวอร์พูลในขณะที่ตนเองกำลังท็อปฟอร์ม และยิ่งการย้ายไปฮัมบูร์กที่ชื่อชั้นศักดิ์ศรีด้อยกว่าลิเวอร์พูลด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนไม่เข้าใจการตัดสินใจของคีแกน
.
นอกจากความบาดหมางของเขากับแฟนบอลบางกลุ่มเมื่อย้ายทีมแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เขากลับมาเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูล เขาพยายามเล่นเต็มที่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ผิดหวังไปซะทุกครั้ง โดยนับแต่เขาย้ายออกไป เขาได้ลงสนามเจอกับลิเวอร์พูล 7 ครั้ง ซึ่งเขาเสมอ 2 ครั้ง และแพ้ 5 ครั้ง โดยเอาชนะทีมเก่าไม่ได้เลย และครั้งที่เขาผิดหวังมากที่สุดคือคราวที่ฮัมบูร์กมาเยือนแอนฟิลด์ ในยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ ในปี 1977 นับเป็นการกลับมาแอนฟิลด์ครั้งแรก แต่ทีมใหม่ของเขากลับโดนทีมเก่าถล่มไป 6-0 โดยที่คีแกนเล่นไม่ออกเลย มิหนำซ้ำยังโดน ทอมมี่ สมิธ เตะลอดขาอีกด้วย ทอมมี่ สมิธเล่าว่าในเกมนั้นเขาไม่ได้คุยอะไรกับคีแกน แต่สีหน้าของคีแกนบอกความหมายทุกอย่าง
.
ส่วนเหตุผลที่เดอะค็อปไม่ได้โหยหา หรือนึกถึงคีแกนอย่างที่ควร ก็เพราะความยิ่งใหญ่ของ เคนนี่ ดัลกลิช เพราะเมื่อคิง เคนนี่ย้ายมาร่วมทีม ความเหนือชั้นของเขาทำให้เดอะค็อปแทบจะลืมคีแกนไปในทันที และยิ่งสโมสรประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยที่มีคีแกน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของดัลกลิช กลบรัศมีคีแกนเข้าไปอีก ซึ่งจุดนี้คีแกนก็เข้าใจและยอมรับ เขาบอกว่า “ถ้าชีวิตช่วงแรกในเยอรมันตะวันตกของผมไม่ราบรื่น และลิเวอร์พูลทำผลงานย่ำแย่ในฤดูกาล 1977/78 ผมก็อาจมีโอกาสกลับไปแอนฟิลด์ แต่เคนนี่ ดัลกลิช ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และสโมสรก็ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราแต่ละคนก็ต้องเดินไปตามทางของตนเอง”
.
.
.
เควิน คีแกน กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
.
เมื่อเขาย้ายไปนิวคาสเซิ่ล เขากวาดแชมป์ต่างๆในวงการมาเกือบหมดแล้ว และยังมีดีกรีรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป (บัลลงดอร์) 2 สมัย ในขณะที่นิวคาสเซิ่ลเป็นทีมกลางตารางในดิวิชั่น 2 ซึ่งแค่นักเตะโปรไฟล์ระดับนี้ย้ายมาร่วมทีมด้วย เขาก็แทบจะเป็นตำนานไปเลยโดยที่ยังไม่ต้องลงสนามด้วยซ้ำ และนอกจากซื้อใจแฟนนิวคาสเซิ่ลไปจนหมด เขายังคอยแนะนำสิ่งต่างๆให้ดาวรุ่งอย่าง ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ และคริส ว้อดเดิ้ล เขาลงสนามให้นิวคาสเซิ่ลในลีก 78 นัด ยิงได้ 48 ประตู และยังพานิวคาสเซิ่ลเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 อีกด้วย ก่อนจะรีไทร์ไปในปี 1984
.
การยอมลงไปเล่นดิวิชั่น 2 และสร้างผลงานได้แบบนี้ ไม่แปลกเลยว่า เควิน คีแกน จะเข้าไปนั่งในดวงใจของแฟนนิวคาสเซิ่ลทุกคน แต่เขายังยิ่งใหญ่ในสายตาแฟนนิวคาสเซิ่ลมากขึ้นไปอีก เมื่อเขากลับเข้าวงการอีกครั้งในรอบ 8 ปี โดยมาคุมนิวคาสเซิ่ลเพื่อกอบกู้สถานการณ์ เพราะขณะนั้น (ฤดูกาล 1991/92) นิวคาสเซิ่ลอยู่ในอันดับสุดท้ายของดิวิชั่น 2 และสุ่มเสี่ยงต่อการตกลงไปดิวิชั่น 3 เป็นครั้งแรกของสโมสร
.
ไม่เพียงแค่ คีแกน สามารถช่วยให้นิวคาสเซิ่ลรอดพ้นจากการตกชั้น ในฤดูกาลถัดมา 1992/93 เขายังพาทีมเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 (ดิวิชั่น 2 เดิม) ได้อีกด้วย และผลงานการคุมทีมของเขาก็นับว่ายอดเยี่ยม
.
1991/92 ดิวิชั่น 2 รอดตกชั้น
1992/93 ดิวิชั่น 1 (ดิวิชั่น 2 เดิม) แชมป์
1993/94 พรีเมียร์ลีก อันดับ 3
1994/95 พรีเมียร์ลีก อันดับ 6
1995/96 พรีเมียร์ลีก รองแชมป์
.
ด้วยผลงานแบบนี้และสไตล์การเล่นสวยงาม เร้าใจ พวกจอร์ดี้จึงรักและบูชา เควิน คีแกนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
.
ถ้าจะเปรียบเทียบกัน เควิน คีแกน ของลิเวอร์พูล เป็นฟันเฟืองที่สำคัญของทีม เป็นนักเตะที่เก่งที่สุด โดดเด่นที่สุดในหมู่นักเตะเก่งๆคนอื่นๆในทีม แต่ก็ไม่ได้อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับทีม (ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่) ขณะที่ตัวแทนของเขา เคนนี่ ดัลกลิช ก็ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง และทีมยังประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยที่มีคีแกนซะอีก เดอะค็อปส่วนใหญ่จึงไม่ได้คิดถึงคีแกนมากนัก
.
ส่วนเควิน คีแกน ของนิวคาสเซิ่ล เป็นทุกอย่างของทีม เป็นความหวัง นิวคาสเซิ่ลมีนักเตะระดับชาติหลายคน แต่ไม่เคยมีนักเตะระดับยุโรปหรือระดับโลก แต่ในวันที่พวกเขาจมปลักอยู่กลางตารางดิวิชั่น 2 ก็มีนักเตะระดับโลกคนนั้นมาร่วมทีมด้วย และวันที่พวกเขาตกต่ำถึงขีดสุดในท้ายตารางดิวิชั่น 2 ฮีโร่คนเก่าก็กลับมากอบกู้ทีม ด้วยเหตุนี้แฟนนิวคาสเซิ่ลจึงน่าจะรักและผูกพันกับคีแกนมากกว่าแฟนลิเวอร์พูล
.
.
.
แฟนนิวคาสเซิ่ลรักคีแกนมาก แล้วคีแกนรักนิวคาสเซิ่ลหรือเปล่า?
.
หลายคนคิดว่าเขาประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูลอย่างล้นเหลือ แต่ทำไมดูเหมือนเขาผูกพันกับนิวคาสเซิ่ลมากกว่า ซึ่งข้อนี้น้อยคนจะรู้ว่ารากเหง้าของเขามาจากเมืองนิวคาสเซิ่ลนั่นเอง
.
เขาบอกชัดเจนในหนังสือของเขาว่า “ที่เซาแธมป์ตัน ลอว์รี่ แม็คเมเนมี่พยายามทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่การย้ายมานิวคาสเซิ่ล ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”
.
ปู่ของคีแกนย้ายมาจากไอร์แลนด์และลงหลักปักฐานที่นิวคาสเซิ่ล ต่อมาพ่อของเขาจึงย้ายไปอยู่ที่ดอนคาสเตอร์ แต่ก็พูดถึงเมืองนิวคาสเซิ่ล และทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ให้คีแกนฟังตั้งแต่เด็ก
.
“ผมรู้สึกตลอดว่าแม่น้ำไทน์พร่ำเรียกหาผมตลอดเวลา และผมก็เชื่อว่าเป็นพรหมลิขิตที่พาผมมาที่นิวคาสเซิ่ล แม้ว่าบ้านเราอยู่ที่ดอนคาสเตอร์ แต่พ่อผมเล่าเรื่องชาวจอร์ดี้ให้ฟังอยู่เสมอๆ รวมถึงเรื่องราวของนักฟุตบอลอย่าง ฮิวจ์อี้ กัลลาเกอร์ และ แจ็คกี้ มิลเบิร์น”
.
“มีเพียงสโมสรเดียวที่จะทำให้ผมกลับเข้าวงการได้ นั่นคือ นิวคาสเซิ่ล แม้แต่ลิเวอร์พูลก็ชักจูงผมไม่ได้”
.
ด้วยความที่ครอบครัวของเขาผูกพันกับเมืองนี้ และแฟนๆเทิดทูนเขาราวกับพระเจ้า รวมถึงตำนานของเควิน คีแกน กับนิวคาสเซิ่ล เพิ่งจบไปไม่นาน ตัวเขาถึงได้ผูกพันกับที่นี่ขนาดนี้
.
.
.
เควิน คีแกน ยังรักลิเวอร์พูลหรือไม่?
.
เมื่อคีแกนย้ายออกไปแล้ว ไม่เคยเลยที่เขาจะพูดถึงลิเวอร์พูลในแง่เสียหาย เขาพูดเสมอว่า บิล แชงคลี่ย์ และลิเวอร์พูล เป็นคนสร้างเขาขึ้นมา เขาพูดถึงเดอะค็อปในแง่ดีว่า “หลายครั้งที่ผมเล่นฟุตบอลทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเพลง You’ll Never Walk Alone”
.
กับบิล แชงคลี่ย์ เขารักมากๆเพราะเป็นคนปั้นเขาขึ้นมา แต่กับบ็อบ เพสลี่ย์ เขาน่าจะเคารพในแง่เจ้านายและลูกน้อง เพราะเขาบอกว่าเพสลี่ย์ปฏิบัติต่อเขาดีมาก แต่ระหว่างสองคนนี้ กลับมีเรื่องขัดใจกันครั้งที่คีแกนเล่นในเยอรมันตะวันตก คราวหนึ่งเพสลี่ย์ให้ความเห็นว่า คีแกนที่เล่นอยู่ไกลถึงเยอรมัน ไม่ควรถูกเรียกมาติดทีมชาติ ความเห็นของเพสลี่ย์อันนี้ทำให้คีแกนผิดหวังมาก “เขาอาจไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่นี่คือสิ่งทื่ปรากฎบนสื่อต่างๆ และหลังเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกของผมที่มีต่อเพสลี่ย์ ก็ไม่เหมือนเดิม”
.
ข้อความมาไม่ครบอ่ะครับ สงสัยยาวเกิน อ่านต่อที่นี่ครับ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=166921270559606&id=122193488365718
บทความ : ทำไมเควิน คีแกน ถึงผูกพันกับนิวคาสเซิล มากกว่าลิเวอร์พูล
จากเฟส REDs Retro
ลิเวอร์พูล และ เควิน คีแกน
สายสัมพันธ์แห่งอดีตที่ไม่มีวันลืม
.
.
เควิน คีแกน ยอดนักเตะชาวอังกฤษนามกระเดื่องผู้สร้างชื่อมากับลิเวอร์พูล แต่ในระยะหลังภาพลักษณ์ของเขากลับไปผูกติดกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้จึงรวบรวมหลักฐานจากหลายๆแห่งมาปะติดปะต่อกันเพื่อให้เห็นภาพและที่มาที่ไปของเหตุการณ์ต่างๆ
.
.
.
เควิน คีแกน กับ ลิเวอร์พูล
.
นับจากวันที่ 10 พฤษภาคม 1971 ที่เควิน คีแกน นั่งบนถังขยะภายนอกแอนฟิลด์ เพื่อรอบิล แชงคลี่ย์ เดินทางมาเซ็นสัญญาเพื่อย้ายเข้าสังกัดลิเวอร์พูล จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 1977 ที่เขาลงเล่นนัดสุดท้ายให้หงส์แดงในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ 1977 ที่กรุงโรม และพาสโมสรเป็นแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ตัวเขาโดดเด่นกว่านักเตะคนอื่นมาโดยตลอด ความจริงแล้ว เขาโดดเด่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงซ้อมและปิดฉากในฐานะนักเตะหงส์แดงด้วยสถิติลงเล่น 323 นัด ทำได้ 100 ประตูพอดี
.
ที่น่าทึ่งคือ เขาไม่เคยลงเล่นทีมสำรองเลยแม้แต่นัดเดียว ถ้าไม่โดนแบนหรือบาดเจ็บ เขาจะได้ลงตัวจริงทุกครั้ง ซึ่งผิดวิสัยของหงส์แดงที่นักเตะหน้าใหม่จะต้องลงเล่นทีมสำรองเพื่อเรียนรู้ระบบทีม หรือนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บกลับมามักลงเล่นทีมสำรองเพื่อเรียกความฟิตและปรับจังหวะเกม สถิตินี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และฝีเท้าที่เหนือชั้นของเควิน คีแกน ว่าสุดยอดแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คีแกนจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สโมสรเคยมีมา (นับถึงปี 1977) ไม่ว่าเดอะค็อปจะเรียกเขาว่า “คิงเคฟ”, “ซูเปอร์เค”, “ไมท์ตี้ เม้าส์”, “คิง ออฟ แอนฟิลด์”, "KK" เควิน คีแกน ก็คือสุดยอดขวัญใจ คนที่เดอะค็อปคิดว่าจะร่วมหัวจมท้ายด้วยกันตลอดไป
.
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเขาประกาศว่าจะย้ายไปเยอรมันตะวันตกเมื่อจบฤดูกาล 1976/77
.
ทันทีที่เขาประกาศออกมา กระแสแฟนบอลแตกเป็นหลายกลุ่ม บางคนเข้าใจเหตุผล บางคนมองว่าคีแกนทิ้งทีม เมินความรัก ความซื่อสัตย์ที่แฟนๆมอบให้ จากคำบอกเล่าในหนังสือของเพื่อนนักเตะร่วมสมัยก็พูดถึงเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน
.
ฟิล ธอมป์สัน บอกว่า การตัดสินใจของคีแกนสร้างความโกรธ หงุดหงิด ผิดหวัง ให้หลายคน แต่ธอมป์สันไม่ได้บอกว่า “หลายคน” นั้น เป็นเพื่อนร่วมทีม หรือแฟนบอล
.
ฟิล นีล บอกว่านักเตะทุกคนอยากคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เพื่อให้คีแกนจากไปอย่างยิ่งใหญ่ แต่นักเตะอาวุโสหลายคนก็เห็นว่าคีแกนควรจะอยู่กับทีมต่อไปอีก 2-3 ปี เพราะการที่เขาย้ายทีมในปี 1977 เหมือนกับเป็นการเริ่มทำลายทีมที่บิล แชงคลี่ย์ สร้างมา
.
ทอมมี่ สมิธ บอกว่าเมื่อคีแกนประกาศย้ายทีม เพื่อนนักเตะรู้ว่าเขาต้องการความมั่งคงทางการเงินให้ครอบครัวของเขา แต่สำหรับแฟนๆ พวกเขาผิดหวังที่ฮีโร่ของพวกเขากำลังจะจากไป และเมื่อไหร่ที่เขาเล่นไม่ดี แฟนๆก็คิดว่าเขาไม่มีใจจะเล่นให้ทีมแล้ว
.
จากคำบอกเล่าของพวกนักเตะ ทำให้เชื่อได้ว่าการย้ายทีมของคีแกน มีประเด็นหมางใจกันระหว่างตัวเขาและแฟนบอลเดอะค็อป แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าซีเรียสระดับไหน แต่ก็คิดว่าคงรุนแรงและวงกว้างพอสมควรถึงขนาดพวกนักเตะยังต้องพูดถึง
.
เควิน คีแกน เคยพูดถึงการย้ายทีมในหนังสือของเขาที่วางขายในยุค 70s ว่า
.
“ผมไม่ใช่สเกาเซอร์และไม่เคยพยายามเป็น ผมไม่เคยรู้สึกมี passion รุนแรงเหมือนสเกาเซอร์ในเกมดาร์บี้ แม็ทชแต่ผมก็มีสโมสรอยู่ในหัวใจ แฟนๆยอดเยี่ยมมาก พวกเขาสนับสนุนผมแม้ว่าผมตัดสินใจย้ายไปเล่นในต่างประเทศ ผมคิดว่าพวกเขาเข้าใจเหตุผลของผมนะ มันเป็นการตัดสินใจย้ายทีมที่ง่ายมากเพราะผมรู้สึกเนือยลง ขาดความกระตือรือร้น บิล แชงคลี่ย์ก็จากไปแล้ว และผมรู้สึกว่ายังมีภูเขาอีกหลายลูกท้าทายให้ผมปีนข้ามไป ผมอยากซื่อสัตย์กับแฟนๆ และผมคิดว่าพวกเขาหลายคนก็เข้าใจเหตุผล”
.
และคีแกนยังพูดถึง บิล แชงคลี่ย์ ในหนังสือของเขาที่ออกในปี 2000
.
“ไม่ว่าผมชอบ บ็อบ เพสลี่ย์ มากแค่ไหน ผมคิดว่าสโมสรสูญเสียสปิริตไปเมื่อ บิล แชงคลี่ย์ ลาออก และนั่นก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผมย้ายทีม ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม มันหายไปพร้อมกับการจากไปของแชงคลี่ย์”
.
ซึ่งถ้ามองลึกๆถึงประโยคนี้ของคีแกน ทำให้เรารู้ว่าบิล แชงคลี่ย์ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อสโมสรจริงๆ ดังนั้นพวกบอร์ดบริหารจึงต้องการลดอิทธิพลของแชงคลี่ย์ลงเมื่อเขารีไทร์ไปแล้ว
.
และประโยคนี้ของคีแกนนี่เอง ทำให้รู้ว่าเขาผูกพันกับแชงคลี่ย์มาก ถึงขนาดว่าเมื่อไม่มีแชงคลี่ย์ บรรยากาศในสโมสรสำหรับเขาก็ไม่เหมือนเดิม ซึ่งในหนังสือของเขาได้พูดชื่นชมแชงคลี่ย์เป็นระยะ เขาบอกว่าบิล แชงคลี่ย์ เป็นต้นแบบในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา และในห้องทำงานของเขาที่นิวคาสเซิ่ลก็มีรูปบิล แชงคลี่ย์ อยู่ด้วย
.
ดังนั้นเราพอสรุปได้ว่า เขาย้ายทีมเพราะต้องการเงินค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นเพื่อความมั่นคงของครอบครัว (จากคำบอกเล่าของทอมมี่ สมิธ) และย้ายเพราะแชงคลี่ย์ไม่อยู่ในสโมสรแล้ว แต่แฟนบอลบางกลุ่มไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าเขาทิ้งทีม ทั้งนี้บางคนวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะในปี 1977 การย้ายไปเล่นต่างแดนเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก และที่สำคัญ ไม่มีนักเตะคนไหนย้ายออกจากลิเวอร์พูลในขณะที่ตนเองกำลังท็อปฟอร์ม และยิ่งการย้ายไปฮัมบูร์กที่ชื่อชั้นศักดิ์ศรีด้อยกว่าลิเวอร์พูลด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนไม่เข้าใจการตัดสินใจของคีแกน
.
นอกจากความบาดหมางของเขากับแฟนบอลบางกลุ่มเมื่อย้ายทีมแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เขากลับมาเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูล เขาพยายามเล่นเต็มที่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ผิดหวังไปซะทุกครั้ง โดยนับแต่เขาย้ายออกไป เขาได้ลงสนามเจอกับลิเวอร์พูล 7 ครั้ง ซึ่งเขาเสมอ 2 ครั้ง และแพ้ 5 ครั้ง โดยเอาชนะทีมเก่าไม่ได้เลย และครั้งที่เขาผิดหวังมากที่สุดคือคราวที่ฮัมบูร์กมาเยือนแอนฟิลด์ ในยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ ในปี 1977 นับเป็นการกลับมาแอนฟิลด์ครั้งแรก แต่ทีมใหม่ของเขากลับโดนทีมเก่าถล่มไป 6-0 โดยที่คีแกนเล่นไม่ออกเลย มิหนำซ้ำยังโดน ทอมมี่ สมิธ เตะลอดขาอีกด้วย ทอมมี่ สมิธเล่าว่าในเกมนั้นเขาไม่ได้คุยอะไรกับคีแกน แต่สีหน้าของคีแกนบอกความหมายทุกอย่าง
.
ส่วนเหตุผลที่เดอะค็อปไม่ได้โหยหา หรือนึกถึงคีแกนอย่างที่ควร ก็เพราะความยิ่งใหญ่ของ เคนนี่ ดัลกลิช เพราะเมื่อคิง เคนนี่ย้ายมาร่วมทีม ความเหนือชั้นของเขาทำให้เดอะค็อปแทบจะลืมคีแกนไปในทันที และยิ่งสโมสรประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยที่มีคีแกน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของดัลกลิช กลบรัศมีคีแกนเข้าไปอีก ซึ่งจุดนี้คีแกนก็เข้าใจและยอมรับ เขาบอกว่า “ถ้าชีวิตช่วงแรกในเยอรมันตะวันตกของผมไม่ราบรื่น และลิเวอร์พูลทำผลงานย่ำแย่ในฤดูกาล 1977/78 ผมก็อาจมีโอกาสกลับไปแอนฟิลด์ แต่เคนนี่ ดัลกลิช ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และสโมสรก็ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราแต่ละคนก็ต้องเดินไปตามทางของตนเอง”
.
.
.
เควิน คีแกน กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
.
เมื่อเขาย้ายไปนิวคาสเซิ่ล เขากวาดแชมป์ต่างๆในวงการมาเกือบหมดแล้ว และยังมีดีกรีรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป (บัลลงดอร์) 2 สมัย ในขณะที่นิวคาสเซิ่ลเป็นทีมกลางตารางในดิวิชั่น 2 ซึ่งแค่นักเตะโปรไฟล์ระดับนี้ย้ายมาร่วมทีมด้วย เขาก็แทบจะเป็นตำนานไปเลยโดยที่ยังไม่ต้องลงสนามด้วยซ้ำ และนอกจากซื้อใจแฟนนิวคาสเซิ่ลไปจนหมด เขายังคอยแนะนำสิ่งต่างๆให้ดาวรุ่งอย่าง ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ และคริส ว้อดเดิ้ล เขาลงสนามให้นิวคาสเซิ่ลในลีก 78 นัด ยิงได้ 48 ประตู และยังพานิวคาสเซิ่ลเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 อีกด้วย ก่อนจะรีไทร์ไปในปี 1984
.
การยอมลงไปเล่นดิวิชั่น 2 และสร้างผลงานได้แบบนี้ ไม่แปลกเลยว่า เควิน คีแกน จะเข้าไปนั่งในดวงใจของแฟนนิวคาสเซิ่ลทุกคน แต่เขายังยิ่งใหญ่ในสายตาแฟนนิวคาสเซิ่ลมากขึ้นไปอีก เมื่อเขากลับเข้าวงการอีกครั้งในรอบ 8 ปี โดยมาคุมนิวคาสเซิ่ลเพื่อกอบกู้สถานการณ์ เพราะขณะนั้น (ฤดูกาล 1991/92) นิวคาสเซิ่ลอยู่ในอันดับสุดท้ายของดิวิชั่น 2 และสุ่มเสี่ยงต่อการตกลงไปดิวิชั่น 3 เป็นครั้งแรกของสโมสร
.
ไม่เพียงแค่ คีแกน สามารถช่วยให้นิวคาสเซิ่ลรอดพ้นจากการตกชั้น ในฤดูกาลถัดมา 1992/93 เขายังพาทีมเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 (ดิวิชั่น 2 เดิม) ได้อีกด้วย และผลงานการคุมทีมของเขาก็นับว่ายอดเยี่ยม
.
1991/92 ดิวิชั่น 2 รอดตกชั้น
1992/93 ดิวิชั่น 1 (ดิวิชั่น 2 เดิม) แชมป์
1993/94 พรีเมียร์ลีก อันดับ 3
1994/95 พรีเมียร์ลีก อันดับ 6
1995/96 พรีเมียร์ลีก รองแชมป์
.
ด้วยผลงานแบบนี้และสไตล์การเล่นสวยงาม เร้าใจ พวกจอร์ดี้จึงรักและบูชา เควิน คีแกนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
.
ถ้าจะเปรียบเทียบกัน เควิน คีแกน ของลิเวอร์พูล เป็นฟันเฟืองที่สำคัญของทีม เป็นนักเตะที่เก่งที่สุด โดดเด่นที่สุดในหมู่นักเตะเก่งๆคนอื่นๆในทีม แต่ก็ไม่ได้อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับทีม (ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่) ขณะที่ตัวแทนของเขา เคนนี่ ดัลกลิช ก็ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง และทีมยังประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยที่มีคีแกนซะอีก เดอะค็อปส่วนใหญ่จึงไม่ได้คิดถึงคีแกนมากนัก
.
ส่วนเควิน คีแกน ของนิวคาสเซิ่ล เป็นทุกอย่างของทีม เป็นความหวัง นิวคาสเซิ่ลมีนักเตะระดับชาติหลายคน แต่ไม่เคยมีนักเตะระดับยุโรปหรือระดับโลก แต่ในวันที่พวกเขาจมปลักอยู่กลางตารางดิวิชั่น 2 ก็มีนักเตะระดับโลกคนนั้นมาร่วมทีมด้วย และวันที่พวกเขาตกต่ำถึงขีดสุดในท้ายตารางดิวิชั่น 2 ฮีโร่คนเก่าก็กลับมากอบกู้ทีม ด้วยเหตุนี้แฟนนิวคาสเซิ่ลจึงน่าจะรักและผูกพันกับคีแกนมากกว่าแฟนลิเวอร์พูล
.
.
.
แฟนนิวคาสเซิ่ลรักคีแกนมาก แล้วคีแกนรักนิวคาสเซิ่ลหรือเปล่า?
.
หลายคนคิดว่าเขาประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูลอย่างล้นเหลือ แต่ทำไมดูเหมือนเขาผูกพันกับนิวคาสเซิ่ลมากกว่า ซึ่งข้อนี้น้อยคนจะรู้ว่ารากเหง้าของเขามาจากเมืองนิวคาสเซิ่ลนั่นเอง
.
เขาบอกชัดเจนในหนังสือของเขาว่า “ที่เซาแธมป์ตัน ลอว์รี่ แม็คเมเนมี่พยายามทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่การย้ายมานิวคาสเซิ่ล ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”
.
ปู่ของคีแกนย้ายมาจากไอร์แลนด์และลงหลักปักฐานที่นิวคาสเซิ่ล ต่อมาพ่อของเขาจึงย้ายไปอยู่ที่ดอนคาสเตอร์ แต่ก็พูดถึงเมืองนิวคาสเซิ่ล และทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ให้คีแกนฟังตั้งแต่เด็ก
.
“ผมรู้สึกตลอดว่าแม่น้ำไทน์พร่ำเรียกหาผมตลอดเวลา และผมก็เชื่อว่าเป็นพรหมลิขิตที่พาผมมาที่นิวคาสเซิ่ล แม้ว่าบ้านเราอยู่ที่ดอนคาสเตอร์ แต่พ่อผมเล่าเรื่องชาวจอร์ดี้ให้ฟังอยู่เสมอๆ รวมถึงเรื่องราวของนักฟุตบอลอย่าง ฮิวจ์อี้ กัลลาเกอร์ และ แจ็คกี้ มิลเบิร์น”
.
“มีเพียงสโมสรเดียวที่จะทำให้ผมกลับเข้าวงการได้ นั่นคือ นิวคาสเซิ่ล แม้แต่ลิเวอร์พูลก็ชักจูงผมไม่ได้”
.
ด้วยความที่ครอบครัวของเขาผูกพันกับเมืองนี้ และแฟนๆเทิดทูนเขาราวกับพระเจ้า รวมถึงตำนานของเควิน คีแกน กับนิวคาสเซิ่ล เพิ่งจบไปไม่นาน ตัวเขาถึงได้ผูกพันกับที่นี่ขนาดนี้
.
.
.
เควิน คีแกน ยังรักลิเวอร์พูลหรือไม่?
.
เมื่อคีแกนย้ายออกไปแล้ว ไม่เคยเลยที่เขาจะพูดถึงลิเวอร์พูลในแง่เสียหาย เขาพูดเสมอว่า บิล แชงคลี่ย์ และลิเวอร์พูล เป็นคนสร้างเขาขึ้นมา เขาพูดถึงเดอะค็อปในแง่ดีว่า “หลายครั้งที่ผมเล่นฟุตบอลทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเพลง You’ll Never Walk Alone”
.
กับบิล แชงคลี่ย์ เขารักมากๆเพราะเป็นคนปั้นเขาขึ้นมา แต่กับบ็อบ เพสลี่ย์ เขาน่าจะเคารพในแง่เจ้านายและลูกน้อง เพราะเขาบอกว่าเพสลี่ย์ปฏิบัติต่อเขาดีมาก แต่ระหว่างสองคนนี้ กลับมีเรื่องขัดใจกันครั้งที่คีแกนเล่นในเยอรมันตะวันตก คราวหนึ่งเพสลี่ย์ให้ความเห็นว่า คีแกนที่เล่นอยู่ไกลถึงเยอรมัน ไม่ควรถูกเรียกมาติดทีมชาติ ความเห็นของเพสลี่ย์อันนี้ทำให้คีแกนผิดหวังมาก “เขาอาจไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่นี่คือสิ่งทื่ปรากฎบนสื่อต่างๆ และหลังเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกของผมที่มีต่อเพสลี่ย์ ก็ไม่เหมือนเดิม”
.
ข้อความมาไม่ครบอ่ะครับ สงสัยยาวเกิน อ่านต่อที่นี่ครับ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=166921270559606&id=122193488365718