[CR] รีวิวโรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้า ดึงศักยภาพเด็กให้เป็นเลิศในศตวรรษที่ 21

การหาโรงเรียนให้ลูก ไม่มีใครที่บอกว่าหาเร็วไปนะคะ ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่การจองโรงเรียนอนุบาลเริ่มต้นจองที่นั่งกันตั้งแต่คุณแม่ท้อง จขกท ก็เป็นคนนึงเช่นกันที่มีความกังวลเกี่ยวกับโรงเรียนของลูก ต้องขวนขวายหาโรงเรียนที่คิดว่าจะดึงศักยภาพของลูกมาให้ได้มากที่สุด เพราะในอนาคตยุคสมัยของลูกนั้น ลูกไม่ได้แค่จะแข็งกับเด็กไทยด้วยกัน แต่เขายังต้องเป็นพลเมืองของโลก ทั้งทำงานและแข็งขันกับเพื่อนร่วมโลก ที่สำคัญคือ ณ ตอนนี้ ซึ่งเป็นยุคดิจิตอลนั้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าขอบเขตมานานแล้วนะคะ

เมื่อไม่นานมานี้ จขกท ก็เริ่มตระเวนดูโรงเรียนมัธยมให้ลูกบ้างแล้ว ครั้นจะดูโรงเรียนที่เป็นหลักสูตรไทยตามกระทรวงศึกษาธิการ ที่ จขกท เอง ก็เคยผ่านการเรียนมาแล้ว พบว่าไม่ตอบโจทย์ทั้งชีวิตตัวเองและการทำงานในอนาคตหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่องเพียงพอที่จะใช้ในการทำงานได้ ทั้งเรื่องของนวัตกรรมต่างๆ ยิ่งสมัยนี้มีทั้ง AR VR AI ยิ่งลูกเรียนรู้ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ ก็เลยเริ่มดูโรงเรียนนานาชาติเป็นทางเลือกมากขึ้น และได้มีโอกาสไปดูงาน Open House ของโรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้า ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดค่อนข้างใหม่มากค่ะ คือเปิดประมาณกลางปีที่แล้ว หรือกลางปี 2559 เองค่ะ


โดยเป็นโรงเรียนต้นแบบสายวิทยาศาสตร์ระบบนานาชาติแห่งแรกของไทย ภายใต้การดูแลของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) หลักสูตรนานาชาติจากประเทศอเมริกาผสมกับหลักสูตรแกนกลางของไทยและหลักสูตร STEAM แน่นอนว่าไม่ใช่โปรแกรมเล่นเกมส์นะคะ แต่มันคือ
•    Science วิทยาศาสตร์
•    Technology เทคโนโลยี
•    Engineering วิศวกรรมศาสตร์
•    Arts ศิลปะศาสตร์ และ
•    Mathmetics คณิตศาสตร์


โดยเรียนเป็นภาษาอังกฤษจาก Native Speaker ที่มีประสบการณ์การสอนมาก่อน และจบจากสถาบันชั้นนำระดับโลกเท่านั้นค่ะ สำหรับตัว จขกท เองคิดว่าวิชาเหล่านี้ เป็นวิชาที่จำเป็นในการใช้ชีวิตปัจจุบันมาก และการได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันจะยิ่งเป็นการฝึกฝนให้ใช้ได้จริงเวลาทำงาน นอกจากวิชาการแล้ว ยังมุ่งเน้นในการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ด้วยค่ะ


หลังจากที่ได้รับรายละเอียดในงาน จขกท จะพูดถึงหลักสูตรและตารางเรียนที่ชอบมากๆ ก่อนนะคะ ในเกรด 7-9 หรือ มัธยม 1-3 แต่ละวิชาจะเรียนคาบละ 50 นาทีเท่าหลักสูตรไทยค่ะ แต่ในเกรด 10-12 หรือ มัธยม 4-5 จะขยายเวลาเรียนของแต่ละวิชาออกเป็นคาบละ 90 นาที แต่ยังเลิกเรียนประมาณ 16.00 น. เท่ากันค่ะ ซึ่ง จขกท คิดว่าเป็นเวลาเลิกเรียนที่เหมาะสม (สมัย จขกท เด็กวิทย์คณิตเลิกเรียนตั้ง 17.30 น. แหนะค่ะ) ตัวอย่างโครงสร้างหลักสูตร ที่เด็กๆ ต้องเรียนในแต่ละปีค่ะ


โดยวุฒิที่จบจะได้รับทั้งวุฒิ ม.6 หลักสูตรไทยและนานาชาติค่ะ นั่นหมายความว่าถ้าลูกจะเลือกเรียนมหาวิทยาลัยของไทยก็ทำได้ โดยไม่ต้องสอบเทียบ หรือถ้าลูกจะเลือกเรียนมหาวิทยาลัยของต่างประเทศ อย่าง ไอวี่ลีค ก็ทำได้เลยเช่นกันค่ะ นอกจากนี้สำหรับเด็กเกรด 11 และ 12 เด็กๆ ยังสามารถเลือกเรียนวิชาเฉพาะทางพื้นฐานที่จะเรียนตอนมหาวิทยาลัยปี 1 ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ตัวเองสนใจได้ด้วยค่ะ นั่นหมายความว่าหากลูกจะเลือกเรียนต่อที่ สจล. ลูกจะสามารถเรียนในวิชาที่เรียนตอน ปี 1 ได้ล่วงหน้าได้


โรงเรียนได้นำหลักสูตร  STEM With Robotics หลักสูตรพิเศษที่ร่วมมือกับ Carnegie Mellon Robotics Academy ซึ่งเป็นสถาบันหุ่นยนต์ที่อยู่ภายใต้ Carnegie Mellon University โดยทีมพัฒนาของทางมหาวิทยาลัย คือทีมงานที่อยู่ในศูนย์วิศวกรรมหุ่นยนต์แห่งชาติ (National Robotics Engineering Center หรือ NREC) ซึ่งผลิตหุ่นยนต์สำหรับภาคธุรกิจ ภาครัฐบาล และอุตสาหกรรมต่างๆ


เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้ากับหุ่นยนต์ และใช้เป็นสื่อการสอนเด็กๆ ในห้องเรียนค่ะ ณ ตอนนี้แม้โรงเรียนจะเปิดมาแค่ 1 ปีการศึกษาก็ตาม แต่ก็ได้รับรางวัลมาหลากหลายเลยนะคะ


โดยเด็กจะได้เรียนรู้ในเรื่องของการวางแผน ประกอบ และสร้างหุ่นยนต์ ต่อมาในเรื่องของการเขียนโปรแกรมสั่งให้หุ่นทำเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกของไทยที่นำ หุ่นยนต์ มาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนนะคะ


ข้อดีของการเรียนในโรงเรียนนานาชาตินั้น คือเรื่องของความพร้อมในด้านอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ทันสมัยตามความเป็นจริงที่จะต้องเจอค่ะ สมัยที่ จขกท เรียนทั้งอุปกรณ์และซอฟแวร์บางตัวนั้น คือคนทั่วไปเขาเลิกใช้กันแล้ว แต่ตามหลักสูตรจำเป็นที่จะต้องเรียนเรื่องนี้ แต่ด้วยงบประมาณหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้มีข้อจำกัดมากมายหลายอย่างค่ะ พอเรียนจบสิ่งที่เรียนมากลับไม่ได้ใช้เลย เนื่องจากมันล้าสมัยและเลิกใช้ไปแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะลงมือใช้เวอร์ชั่นหรือซอฟแวร์ใหม่ สิ่งที่ทำให้เสียเวลามากคือ การกลับไปเรียนรู้เรื่องเดิมซ้ำอีกครั้ง เวลาใช้งานจริงมันจึงติดขัด ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น กับการลงทุนในเครื่องมือเครื่องใช้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ใช้ในโรงเรียนนานาชาติค่ะ



เหมือนจะเคร่งเครียดในเรื่องวิชาการ เช่นการเรียนแบบเข้มข้น ก็ต้องเล่นให้หนักด้วยเช่นกันนะคะ สำหรับคาบเรียนที่เด็กๆ จะได้ผ่อนคลายกับสิ่งที่ตัวเองสนใจก็อย่างเช่น ชมรมที่น่าสนใจต่างๆ เช่น ชมรมหุ่นยนต์ ชมรมวิทยาศาสตร์ ชมรมภาพยนตร์ ชมรมเต้น ชมรมดนตรีแจ๊ซ ชมรมเกม ฯลฯ ชมรมเหล่านี้ถือเป็นการผ่อนคลายที่ดี เป็นงานอดิเรกที่สามารถต่อยอดได้เรื่อยๆ แถมยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วยนะคะ



ครูผู้สอนไม่ใช่แค่ Native Speaker ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้เท่านั้น ไม่เหมือนกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษทั่วไปค่ะ แต่จะต้องมีดีกรี จบการศึกษาในสาขาวิชาที่สอนจากสถาบันชั้นนำโดยตรงเท่านั้น เช่น MIT, Harvard, Imperial College London, UCLA, UC Berkeley ,Columbia University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ นอกจากนี้ยังต้องมีประสบการณ์ในการสอนที่โรงเรียนนานาชาติมาแล้วด้วย จึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง อย่าง จขกท ค่อนข้างอุ่นใจว่าลูก จะได้รับความรู้ในเรื่องที่สนใจได้เต็มที่


นอกจากครูผู้สอนจะต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านที่ลูกสนใจแล้ว ทัศนคติของครูและรูปแบบการเรียนการสอนในต้อง ยังต้องมีการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงความคิดเห็นแบบที่ไม่มีผิดไม่มีถูก เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือห้องเรียนในอุดมคติของ จขกท ค่ะ และที่โรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้า ก็ตอบโจทย์นี้อย่างครอบคลุมจริงๆ  


Smart Classroom คือ ห้องเรียนที่มีการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีที่หลากหลาย มีสื่อ วัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีการเข้าถึงเนื้อหาได้ในทุกมิติ มีการทดสอบซึ่งเป็นการวัดคุณภาพ และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครู นักเรียน และเทคโนโลยี แต่ที่โรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้ามีมากกว่า Smart Classroom ค่ะ เพราะมี Super Smart Classroom ที่เทคโนโลยีใหม่และทันสมัยมากที่สุดในระดับของโรงเรียนนานาชาติ สื่อการสอนที่ไม่หยุดนิ่ง มีการพัฒนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็น Active Learning ที่เป็นพื้นที่ของการเรียนรู้แบบไม่มีขอบเขตและไม่จำกัดของเด็กๆ ค่ะ


สำหรับการเข้าเรียนในโรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้า จะเป็นการสอบเข้าเรียนต่อในระดับเกรด 7,8 และ 10 หรือ สอบเข้า ม.1 ม.2 และ ม.4 ค่ะ โดยรอบแรกจะเปิดรับสมัครถึงวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ และต้องชำระค่าสมัครสอบเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท ซึ่งเด็กๆ จะต้องสอบ TOEFL Junior เขียน English Essay และสอบสัมภาษณ์สำหรับสอบเข้ามัธยมต้น และสอบ TOEFL ITP สอบคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และความถนัดทั่วไปเพิ่มเติม ในการสอบเข้ามัธยมปลาย

หากสอบได้แล้วก็ถึงขั้นตอนการจ่ายเงินแล้วนะคะ ต้องชำระเงินส่วนแรกเพื่อนสำรองที่นั่งเป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาทและจากนั้นก็จะต้องชำรนะเงินค่าธรรมเนียมอีก 1 แสน 5 หมื่นบาทค่ะ


โดยค่าเทอมทั้งหมดจะคิดรวมเป็นตัวกลมๆ ได้ดังนี้ค่ะ เป็นการแบ่งจ่ายในปีแรกและปีที่สอง หากดูอย่างนี้ ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงนะคะ แต่ถ้าถามถึงความคุ้มค่า ระหว่างการหาหลักสูตรที่เข้มข้นขนาดนี้ คุณภาพครูเป็นอันดับท็อปของโลก ค่าวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน น่าจะถูกกว่าการส่งลูกไปเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายที่ต่างประเทศเยอะเลยละค่ะ ถ้าถามว่าคุ้มค่าไหม สำหรับ จขกท คิดว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ

ชื่อสินค้า:   โรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่