ขอวิธีการเก็บเงินสำหรับค่าสินสอดจากมนุษย์เงินเดือนทั่วไปหน่อยครับ

สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ
เนื่องจาก จขกท. เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆคนนึง
เงินเดือน23-26k อายุ25-27ปี
มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง หักค่าชำระหนี้ต่อเดือนประมาณ10k (ซึ่งคาดว่าหนี้จะหมดภายในปี2019เป็นอย่างช้า)
แบ่งเงินให้ที่บ้านอีกเดือนละ 5k
ใช้เงินไปทำงานตกเดือนละ 4k
โดยค่าสินสอดที่คิดว่าจะให้อยู่ที่ประมาณ 400k ไม่รวมค่าจัดงาน

จากรายละเอียดข้างต้นแล้ว อยากมาขอคำแนะนำจากชาวพันทิพครับ ว่าถ้าเป็นตัวท่านเองจะมีวิธีเก็บเงินอย่างไรบ้าง
หรือท่านที่เคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาแล้ว ใช้วิธีการอย่างไรถึงผ่านไปได้
รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ ส่วนเรื่องจะแต่งอายุเท่าไหร่ ยังไม่ได้ fix ครับ เนื่องจากรอแค่สินสอดพร้อมก็แต่งเลย
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ

**หมายเหตุ ขอบอกอายุ, เงินเดือนเป็น range เอานะครับ เนื่องจากกลัวว่าเพื่อนที่ทำงานจะมาเห็นกระทู้แล้วจำได้ มันจะผิดกฏบริษัทเอาได้ครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คุยกับแฟนไปเลยครับว่าไม่เอาสินสอดได้ไหม     ส่วนเราเป็นผู้ชายเก็บเงินเอาไว้เป็นค่าจัดงานแต่งงานส่วนนี้ก้พอ          สมัยนี้แล้วมีหลายคู่แล้วที่ไม่เรียกสินสอด            แต่ถ้าเรียกสินสอดเขาคืนให้ไหมถ้าคืนให้ก็อาจจะกู้มาแต่งก่อนแล้วรีบคืนเลย  แบบนี้จะช่วยให้แต่งงานได้เร็วขึ้นสร้างครอบครัวได้เร็ว              เพราะมัวแต่เก็บเงินกว่าจะแต่งมันเสียเวลาหลายปีที่ผ่านมาหลายปีมันไม่ได้อะไรนอกจากเสียเวลา แถมเสียโอกาสสร้างฐานะไปด้วย           แต่ถ้าทุกอย่างไม่ลงตัวแนะนำคุยกับแฟนตรง  ๆ  ว่าขอแยกทางเลิกกันดีกว่า   ยกเว้นคุณยอมทุกอย่างก็รอต่อไป


ตอบ คต 1-1  
ผมแต่งงานแล้วครับ    ตอนผมแต่งงานแฟนเป็นฝ่ายขอผมแต่งครับ    เวลานั้นผมมีเงินเก็บ 1.2 แสนบาท   เธอบอกว่าไม่ได้เรียกสินสอดถ้าไม่พร้อมจะแต่งงานก็ให้เลิกกันไป      ผมก็เลยตกลงแต่งกันตอนนั้นจัดงานที่ สโมสร รร นายเรือ ด้วยงบเท่านั้นละ     ตอนตกลงแต่งงานผมกับแฟนก็ตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวหลังนึง 3 ล้าน  พอจัดงานแต่งงานเสร็จก็ไม่ขาดทุนเหลือเงินนิดหน่อย  แฟนก็เอาไปซื้อสลากออมสิน   เท่ากับว่าเราเริ่มต้นชีวิตคู่โดยไม่มีหนี้สิน  จะมีก็แค่หนี้บ้านที่เริ่มซื้อ      นับถอยหลังไป ผมแต่งงานได้ 8 ปีแล้วเวลานั้นผมเงินเดือน 3-4 หมื่นบาทไม่รวมโบนัส 4-5 เดือนขึ้นไปทุกปี    แฟนเป็นข้าราชการเงินเดือน 3x,xxx บาท          
-   ปัจจุบันผมมีรายได้จากงานบริษัท 6-7 หมื่นบาท ไม่รวมโบนัส
-   แฟนราชการเงินเดือน + รายได้ 4x,xxx  บาท  ไม่รวมงานพิเศษข้างนอก  
-  เรา 2 คน มีรายได้อื่นอีกเดือนละ 2 แสนบาท เป็นเงินเก็บทุกเดือน   จาการที่ไม่มีหนี้สินตอนแต่งงาน  ก็ตัดสินใจกู้มาลงทุนทำกิจการ
- ปัจจุบันผ่อนทาวเฮ้าส์หมดแล้ว 1 หลัง ได้ค่าเช่าทุกเดือนตั้งแต่ผ่อนเดือนละ 7500 บาท
- บ้านที่ซื้ออยู่ตอนแต่งงานผ่อนหมดและขายไปแล้วตอนต้นปี  3.2 ล้าน  เพราะอยากได้บ้านใหม่ที่จอดรถได้เยอะ ๆ  
        https://ppantip.com/topic/36104228
- ปัจจุบันซื้อบ้านใหม่แล้ว 4.x ล้าน  จะผ่อนหมดในเดือนธันวาคม 2560 นี้กับ ธอส
- เงินจาการขายบ้านหลังแรก 3 ล้าน + กับเงินเก็บอีก 1 ล้าน   แบ่งไปซื้อสลากออมสิน สลาก ธกส กับฝากสหกรณ์ของแฟน ที่ทำงานราชการ
- เงินส่วนนึงไปซื้อที่ดิน ตจว ทางอีสานบ้านพ่อตา

   ในเวลา 8 ปีหลังจากเริ่มต้นแต่งงานผมมีทรัพย์สินประมาณนี้   มันเริ่มต้นจากการไม่เป็นหนี้สินตั้งแต่ตอนแต่งงาน   เราทั้งคู่ก็พอมีหน้าตาในสังคมการทำงาน     แต่ตอนแต่งงานจัดเล็กสุดใน รร นายเรือ สโมสรนายทหาร ด้วยงบ 1.2 แสนเท่าที่มีในตอนนั้น    เชิญแขกเท่าที่จำเป็น          พ่อตาทำงานการไฟฟ้า ความคิดอ่านดีไม่เรียกสินสอด        ปัจจุบันแม่ยายจะมาซักผ้ารีดผ้าทำความสะอาดบ้านให้อาทิตย์ละครั้ง    ผมนะโคตรเกรงใจแม่ยาย    ไม่ได้อยากให้เขาลำบากต้องมาซักผ้าให้ลูกเขย  แต่เขาเห็นเรากับแฟนทำงานหนักกันทั้งคู่แล้ว กว่าจะกลับบ้านก็เกินเที่ยงคืน  เขาเลยมาทำให้  ดูแลบ้านให้อาทิตย์ละครั้ง      ที่จริงแล้วปัจจุบันนี้ผมมีเงินพอจะจ้างแฟนลูกน้องมาทำให้ วันละ 500 อาทิตย์ละครั้ง  แต่แม่ยายไม่ยอมเลยต้องตามใจ

  -  ส่วนพี่ชายของแฟนผม จบ รร นายเรือ ตอนจบเป็นนายทหารหนุ่มนั้น   ทางบ้านแฟนเขาไม่ได้เรียกสินสอด แถมแม่เขาที่เป็นคนมีฐานะยังช่วยออกเงินแต่งงานให้อีก เพราะทางบ้านแฟนตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีเงิน    ส่วนเงินเดือนนายทหารจบใหม่ก็ไม่มาก    
ปัจจุบัน ตาม คต 4 ในย่อหน้าที่ 2  
https://ppantip.com/topic/37059810/comment5-1

   ปัจจุบันผมจะแนะนำลูกน้องในที่ทำงานเสมอ    หรือ  ถ้ามีการตอบในโซเซี่ยลผมก็จะแนะนำแบบนี้ คือไม่ต้องเรียกสินสอด    คนมีฐานะหลายคนในพันทิปที่มาตอบกระทู้เรื่องสินสอด ส่วนใหญ่ก็ไม่เรียกสินสอดทั้งนั้น             ส่วนที่ผมบอกว่าถ้าไม่มีปัญญาหาสินสอดมาได้ก้ใ้ห้แยกทางกับคนรักซะเลย  เหตุผลคือปล่อยให้ผู้หญิงเขามีโอกาสได้เลือกคนใหม่   เวลาในชีวิตตนเราไม่คอยเราชีวิตเราก็แก่ลงทุกวัน    เราเองก็ควรเปิดโอกาสให้ตนเองไปหาคนใหม่ที่พร้อมสำหรับเราจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งคู่           แต่คน 2 คนยังเป็นเพื่อกันเหมือนเดิม


ส่วน จขกท นี้   ผมแนะนำเวลาเลือกภรรยาให้ดูที่นิสัยใจคอพ่อแม่  การศึกษาพ่อแม่จะได้รู้ว่าเขาเลี้ยงลูกมาดีอย่างไร  มันส่งผลถึงความสุขครอบครัวเราในอนาคต  เดี๋ยวนี้เขาก็ดูโคตรเหง้าของพ่อแม่  ตามคำโบราณนั่นละ  ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูที่แม่  จะดูให้แน่ต้องดูแม่ยาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่