ผมเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด สัญญาเช่าซื้อมีกำหนด 48งวด ซึ่งแต่ละงวดจะมีกำหนดส่งค่างวดทุกๆวันที่ 20ของเดือน
แต่ว่าผมจะส่งก่อนกำหนดประมาณ 1-2อาทิตย์ทุกๆครั้งเลย ไม่เคยผิดนัดเลยแม้แต่งวดเดียว มาเดือนนี้ผมก็ส่งค่างวดเดือนสุดท้ายไปแล้วตั้งแต่
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ว่าเมื่อผมจะโอนกรรมสิทธิ์ กลับมีหนังสือแจ้งถึงค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เป็นจำนวนเงิน 1,200บาท
ผมก็เลยคิดว่าผมจะไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเองที่กรมการขนส่ง เพราะว่าเมื่อก่อนนี้ผมเคยผ่อนรถหมดแล้วผมก็รับเอกสารและเล่มทะเบียน
แล้วก็ไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์เองมาแล้ว (แต่ไม่ใช่ลีสซิ่งกสิกรไทย)
มาวันนี้ผมจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่บริษัทลีสซิ่ง ก็ได้รับคำตอบว่าผมจะต้องจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน 5,000บาท และค่าจัดทำเอกสารอีก 300บาท
ผมก็ถามกลับไปว่าทำไมผมถึงต้องจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน เจ้าหน้าที่ตอบว่าตอนนี้ชื่อในเล่มทะเบียนเป็นชื่อลีสซิ่ง ก็ต้องถือว่าเล่มทะเบียนเป็นสมบัติของลีสซิ่ง ถ้าจะเอาเล่มทะเบียนออกไปก็จะต้องมัดจำ แล้วถ้าโอนกรรมสิทธิ์เสร็จแล้วถึงจะคืนค่ามัดจำให้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องมีค่าจำทำเอกสาร
ก็ในเมื่อผมส่งค่างวดจนครบหมดแล้ว ไม่มีติดค้างแล้ว ผมก็ต้องมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในรถคันนี้แล้วนั่นรวมถึงเล่มทะเบียนด้วยมิใช่หรือ
และเมื่อผมไปรับเล่มทะเบียนกับชุดโอนที่มีการลงลายเซ็นต์และประทับตรารวมถึงใบมอบอำนาจจากลีสซิ่งแล้ว ถ้าผมไปทำหาย ไม่ไปโอนตามระยะเวลาที่กฏหมายได้กำหนด มันก็จะเป็นความรับผิดชอบของผมแต่เพียงผู้เดียวนี่ครับ ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับลีสซิ่งแล้ว
นี่เท่ากับว่าลีสซิ่งได้ดอกเบี้ยไปจากผมเป็นเวลา 4ปีแล้วยังไม่พอใช่ไหม จะต้องมาเอาค่าโอนอีก 1,200บาท พอผมจะโอนเองก็ต้องหาเงิน
มาจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน กับต้องเสียเงินค่าออกเอกสารอีกใช่ไหม คือจะกินให้ได้จนหยดสุดท้ายเลยหรือ ไม่อิ่มหรือ เอาของไปจำนำ
เมื่อถึงเวลาไปไถ่ ถ้าจ่ายดอกเบี้ยครบก็เอาของกลับไปได้เลย ไม่ต้องเสียค่านู่นค่านี่อีก (ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่ความรู้สึก จะได้บอกให้เพื่อนๆและญาติๆให้ห่างๆจากลีสซิ่งกสิกร)
ขอเข้าคำถามครับ ลีสซิ่งมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เล่มทะเบียนกับเราได้ไหม มีกฏหมายข้อไหนบ้างที่ระบุเอาใว้ถึงเรื่องนี้ สามารถแจ้งกับ สคบ.ได้ไหม
ขอแท็กที่ห้องรัชดาด้วยครับ เพราะคิดว่าต้องมีหลายๆคนที่ผ่อนรถจนหมดแล้ว แล้วก็ผ่านการโอนกรรมสิทธิ์กันแล้วครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า เมื่อผ่อนจบครบกำหนดแล้วถ้าลูกค้าต้องการให้ดำเนินการโอนให้ด้วยก็เก็บค่าบริการจากลูกค้าไป
แต่ถ้าลูกค้าต้องการที่จะไปดำเนินการโอนด้วยตัวเอง ก็จะต้องดำเนินการตามความสมัครใจของลูกค้าครับ
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อจนครบแล้ว
แต่ว่าผมจะส่งก่อนกำหนดประมาณ 1-2อาทิตย์ทุกๆครั้งเลย ไม่เคยผิดนัดเลยแม้แต่งวดเดียว มาเดือนนี้ผมก็ส่งค่างวดเดือนสุดท้ายไปแล้วตั้งแต่
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ว่าเมื่อผมจะโอนกรรมสิทธิ์ กลับมีหนังสือแจ้งถึงค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เป็นจำนวนเงิน 1,200บาท
ผมก็เลยคิดว่าผมจะไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเองที่กรมการขนส่ง เพราะว่าเมื่อก่อนนี้ผมเคยผ่อนรถหมดแล้วผมก็รับเอกสารและเล่มทะเบียน
แล้วก็ไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์เองมาแล้ว (แต่ไม่ใช่ลีสซิ่งกสิกรไทย)
มาวันนี้ผมจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่บริษัทลีสซิ่ง ก็ได้รับคำตอบว่าผมจะต้องจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน 5,000บาท และค่าจัดทำเอกสารอีก 300บาท
ผมก็ถามกลับไปว่าทำไมผมถึงต้องจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน เจ้าหน้าที่ตอบว่าตอนนี้ชื่อในเล่มทะเบียนเป็นชื่อลีสซิ่ง ก็ต้องถือว่าเล่มทะเบียนเป็นสมบัติของลีสซิ่ง ถ้าจะเอาเล่มทะเบียนออกไปก็จะต้องมัดจำ แล้วถ้าโอนกรรมสิทธิ์เสร็จแล้วถึงจะคืนค่ามัดจำให้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องมีค่าจำทำเอกสาร
ก็ในเมื่อผมส่งค่างวดจนครบหมดแล้ว ไม่มีติดค้างแล้ว ผมก็ต้องมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในรถคันนี้แล้วนั่นรวมถึงเล่มทะเบียนด้วยมิใช่หรือ
และเมื่อผมไปรับเล่มทะเบียนกับชุดโอนที่มีการลงลายเซ็นต์และประทับตรารวมถึงใบมอบอำนาจจากลีสซิ่งแล้ว ถ้าผมไปทำหาย ไม่ไปโอนตามระยะเวลาที่กฏหมายได้กำหนด มันก็จะเป็นความรับผิดชอบของผมแต่เพียงผู้เดียวนี่ครับ ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับลีสซิ่งแล้ว
นี่เท่ากับว่าลีสซิ่งได้ดอกเบี้ยไปจากผมเป็นเวลา 4ปีแล้วยังไม่พอใช่ไหม จะต้องมาเอาค่าโอนอีก 1,200บาท พอผมจะโอนเองก็ต้องหาเงิน
มาจ่ายค่ามัดจำเล่มทะเบียน กับต้องเสียเงินค่าออกเอกสารอีกใช่ไหม คือจะกินให้ได้จนหยดสุดท้ายเลยหรือ ไม่อิ่มหรือ เอาของไปจำนำ
เมื่อถึงเวลาไปไถ่ ถ้าจ่ายดอกเบี้ยครบก็เอาของกลับไปได้เลย ไม่ต้องเสียค่านู่นค่านี่อีก (ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่ความรู้สึก จะได้บอกให้เพื่อนๆและญาติๆให้ห่างๆจากลีสซิ่งกสิกร)
ขอเข้าคำถามครับ ลีสซิ่งมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เล่มทะเบียนกับเราได้ไหม มีกฏหมายข้อไหนบ้างที่ระบุเอาใว้ถึงเรื่องนี้ สามารถแจ้งกับ สคบ.ได้ไหม
ขอแท็กที่ห้องรัชดาด้วยครับ เพราะคิดว่าต้องมีหลายๆคนที่ผ่อนรถจนหมดแล้ว แล้วก็ผ่านการโอนกรรมสิทธิ์กันแล้วครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า เมื่อผ่อนจบครบกำหนดแล้วถ้าลูกค้าต้องการให้ดำเนินการโอนให้ด้วยก็เก็บค่าบริการจากลูกค้าไป
แต่ถ้าลูกค้าต้องการที่จะไปดำเนินการโอนด้วยตัวเอง ก็จะต้องดำเนินการตามความสมัครใจของลูกค้าครับ