คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การรัดคอหลักๆจะมีกลไก 2 ประเภท ก็คือการรัดไม่ให้เลือดไปเลี้ยงสมองที่มักเรียกกันว่า Blood Choke หรือการรัดเพื่อจำกัดอากาศหายใจหรือ Air Choke (บางทีก็จะเรียก Trachea Choke เพราะการรัดแบบนี้มักจะทำลายหลอดลมไปในตัว) แต่ทั้ง 2 กลไกก็ส่งผลในการตัดไม่ให้ Oxygen ไปเลี้ยงสมองทั้งคู่ โดย Blood Choke จะตัด Oxygen โดยการจู่โจมระบบหมุนเวียนโลหิต (เพราะเลือดจะนำ Oxygen ไปเลี้ยงสมอง) ผ่านการกดเส้นเลือด Carotid ส่วน Air Choke นั้นจะเล่นงานระบบหายใจ ที่เอาอากาศและ Oxygen ไปเลี้ยงสมองผ่านการสูดหายใจ แต่โดยส่วนมากแล้วเวลารัดคอด้วย Air Choke & Trachea Choke ก็มักจะเล่นงานเส้นเลือด Carotid ไปในตัวด้วย เนื่องจากลักษณะท่าการรัดจะใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ที่การสร้าง Pressure กดเส้นเลือด Carotid จากข้างๆลำคอ หรือการใช้ Pressure กดขยี้เข้าที่คอหอยด้วยสันกระดูกจากด้านหน้าของคอ
ลักษณะการรัดคอแบบ Blood Choke:
ลักษณะการรัดคอแบบ Air Choke หรือ Trachea Choke:
ตามหลักการแล้วการใช้ Blood Choke มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่า (และมักปลอดภัยแก่ผู้โดนรัดกว่า) Air Choke เพราะคนเราปกติสามารถกลั้นหายใจไม่ให้อากาศหรือ Oxygen เข้าไปเลี้ยงร่างกายได้นานกว่าจะสลบ แต่การตัดเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงสมองนั้น ถ้าทำถูกวิธีและไม่มีการป้องกันเกิดขึ้น แค่รัด 1-3 วินาทีแรกก็วูบแล้วครับ ถ้าคนปกติที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเป็นพิเศษ (หรือป้องกันการรัดทำให้รัดได้ยังไม่สุด) ใช้เวลาประมาณ 5 วินาทีก็สลบแล้วครับ แต่ถ้าปล่อยหรือคลายการรัดปีบก็จะค่อยๆฟื้นขึ้นมาทันที
ส่วน Trachea Choke นั้นมักจะมีความรุนแรงและอันตรายมากกว่า (แม้ประสิทธิภาพการตัด Oxygen สู่สมองให้สลบอาจไม่ดีเท่า Blood Choke) ก็เพราะว่าการรัดคอแบบนี้มักสร้างความเสียหายให้แก่หลอดลมของผู้โดนรัด ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากกว่า และในกรณีที่รุนแรงก็อาจทำให้หลอดลมหักหรือกระดูกคอเสียหายได้ ดังนั้นถ้าต้องการรัดเพื่อสังหาร จึงอาจเลือกใช้การรัดคอแบบนี้มากกว่า Blood Choke ที่เน้นเป็นการรัดเพื่อหยุดยั้งแบบไม่ให้ผู้โดนรัดเสี่ยงกับการตายจากความเสียหายของหลอดลมและกระดูกคอครับ
แต่ตัว Blood Choke เองหากรัดค้างไว้นานๆก็ทำให้ตายได้ เพราะคนส่วนมากสมองจะเสียหายแบบถาวรหรือสมองตายหากขาด Oxygen เป็นเวลามากกว่า 5 นาทีขึ้นไปครับ แต่ก็มีกรณีที่บางทีมีคนใช้ Blood Choke ไม่กี่วินาทีแล้วปล่อย แต่คนที่โดนรัดก็เกิดอาการชักและหัวใจวายตายก็เคยมีครับ แต่จะเป็นส่วนน้อย และมักเกิดกับคนโดนรัดที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคหัวใจ หรือระบบหมุนเวียนโลหิตและความดันมีปัญหาครับ
ซึ่งแบบการรัดที่ GSP ใช้กับ Bisping คือแบบ Blood Choke ครับ
ลักษณะการรัดคอแบบ Blood Choke:
ลักษณะการรัดคอแบบ Air Choke หรือ Trachea Choke:
ตามหลักการแล้วการใช้ Blood Choke มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่า (และมักปลอดภัยแก่ผู้โดนรัดกว่า) Air Choke เพราะคนเราปกติสามารถกลั้นหายใจไม่ให้อากาศหรือ Oxygen เข้าไปเลี้ยงร่างกายได้นานกว่าจะสลบ แต่การตัดเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงสมองนั้น ถ้าทำถูกวิธีและไม่มีการป้องกันเกิดขึ้น แค่รัด 1-3 วินาทีแรกก็วูบแล้วครับ ถ้าคนปกติที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเป็นพิเศษ (หรือป้องกันการรัดทำให้รัดได้ยังไม่สุด) ใช้เวลาประมาณ 5 วินาทีก็สลบแล้วครับ แต่ถ้าปล่อยหรือคลายการรัดปีบก็จะค่อยๆฟื้นขึ้นมาทันที
ส่วน Trachea Choke นั้นมักจะมีความรุนแรงและอันตรายมากกว่า (แม้ประสิทธิภาพการตัด Oxygen สู่สมองให้สลบอาจไม่ดีเท่า Blood Choke) ก็เพราะว่าการรัดคอแบบนี้มักสร้างความเสียหายให้แก่หลอดลมของผู้โดนรัด ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากกว่า และในกรณีที่รุนแรงก็อาจทำให้หลอดลมหักหรือกระดูกคอเสียหายได้ ดังนั้นถ้าต้องการรัดเพื่อสังหาร จึงอาจเลือกใช้การรัดคอแบบนี้มากกว่า Blood Choke ที่เน้นเป็นการรัดเพื่อหยุดยั้งแบบไม่ให้ผู้โดนรัดเสี่ยงกับการตายจากความเสียหายของหลอดลมและกระดูกคอครับ
แต่ตัว Blood Choke เองหากรัดค้างไว้นานๆก็ทำให้ตายได้ เพราะคนส่วนมากสมองจะเสียหายแบบถาวรหรือสมองตายหากขาด Oxygen เป็นเวลามากกว่า 5 นาทีขึ้นไปครับ แต่ก็มีกรณีที่บางทีมีคนใช้ Blood Choke ไม่กี่วินาทีแล้วปล่อย แต่คนที่โดนรัดก็เกิดอาการชักและหัวใจวายตายก็เคยมีครับ แต่จะเป็นส่วนน้อย และมักเกิดกับคนโดนรัดที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคหัวใจ หรือระบบหมุนเวียนโลหิตและความดันมีปัญหาครับ
ซึ่งแบบการรัดที่ GSP ใช้กับ Bisping คือแบบ Blood Choke ครับ
แสดงความคิดเห็น
ท่าที่ GSP ใช้รัดคอ Bisping ถ้านานกว่านี้อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตรึเปล่าคะ
ท่านี้นี่รัดตรงไหน รัดคอตรงหลอดลม หรือรัดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตรงไหน ถ้านานกว่านี้อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตรึเปล่าคะ
ท่านี้ให้ผลเหมือนการโดนบีบคอรึเปล่า
ตามลิ้งนี้อ่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้