สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ท่องเที่ยวแรกของเรา โดยเส้นทางการเดินทางเริ่มตั้งแต่ 13 ตค 2017-29 ตค 2017 โดยเริ่มจาก UAE-EGYPT-JORDAN-ISRAEL กระทู้นี้จะอัดแน่นไปด้วยเทคนิคแพรวพราวในการดีลกับแขก เอาตัวรอดแบบไทยแลนด์แดนสมาย ราคาของบริการและสินค้าที่ควรจะเป็น และลูกเล่นมากมาย โดยขอแบ่งกระทู้ออกเป็น 5 ตอน
1. Review การขอวีซ่าอิสราเอลและเส้นทางการเข้าออกแบบreentry โดยใช้single visa!!!
2. Dubai ใครๆ ก็ว่าอร่อย
3. EGYPT ทริปเผ็ชๆ
4. Jordan แดนมหัศจรรย์
5. ISRAEL
ทั้งนี้ เราขออุทิศกุศลผลบุญนี้ให้กับท่านพ่อเราและขอแบ่งบุญกุศลนี้ให้พี่ก้อย (สองคนนี้เป็นคนจุดประกายการเดินทางให้เรา)
อะไรยังไง ไม่ต้องรอแล้วจ้า ไปดูกันเลย
Review การขอวีซ่าอิสราเอลและเส้นทางการเข้าออกแบบreentry โดยใช้single visa!!!
เนื่องจากเราหาแหล่งข้อมูลการขอวีซ่าอิสราเอลในไทยได้ค่อนข้างน้อย จขกท เลยขอแชร์วิธีการขอวีซ่าอิสราเอลด้วยตัวเองแบบละเอียด ชนิดที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลเห็นคำขอแล้วไม่ถามอะไรต่อเลย (จ้างคนอื่นแพงมากกกก ขอทำเองดีกว่า) โดยจะมีประเด็นที่หลายคนสงสัย เช่น
1. ถ้ามีวีซ่าหรือแสตมป์ของอิสราเอลแปะลงในพาสปอตแล้ว จะเข้าประเทศอาหรับอื่นไม่ได้จริงหรือ?
2. ถ้าเราเคยเข้าประเทศอาหรับที่ไม่ค่อยลงรอยกับอิสราเอลมาก่อน จะมีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมั้ย
3. การเลี่ยงไม่ให้มีisrael visa/stamp ในพาสปอต
4. การre-entry เข้าจอร์แดน โดยใช้แค่single entry visa!!
5. หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. ถ้ามีวีซ่าหรือแสตมป์ของอิสราเอลแปะลงในพาสปอตแล้ว จะเข้าประเทศอาหรับอื่นไม่ได้จริงหรือ?
ตอบ จริงค่ะ!!! เช่น อิหร่าน คูเวต เลบานอน ลิเบีย ซาอุฯ ซูดาน ซีเรีย และ/หรือเยเมน
แต่ก็จะมีบางประเทศที่ไม่ได้กีดกันคนที่ถือพาสปอตที่มีตราวีซ่าหรือแสตมป์ (แต่อาจจะต้องตอบคำถามตม มากหน่อย เช่น UAE มาเลเซีย โอมาน โมรอคโค บูรไน etc ทั้งนี้ จขกท ได้พลีชีพ โดยการจับทริปUAE และอิสราเอลเข้าไว้ด้วยกัน โดยที่เที่ยว UAEก่อน แต่เคยมีเพื่อนที่เที่ยวอิสราเอลมาก่อน แล้วนางก็ไปเที่ยวUAEต่อ นางโดนตมUAEถามว่า.... UAEนี่เป็นยังไงบ้าง น่าสนุกมั้ย (เพื่อนบอกว่าไอเหงื่อแตกแทบแย่)
ทั้งนี้ จขกท ไม่ได้ประมาทเลินเล่น ได้โทรไปสอบถามจนทสถานทูตUAE ที่เบอร์ 02-402-4000 เป็นที่เรียบร้อยและจนทก็นั่งยันว่า สามารถเข้าUAEได้ เพราะเค้าพิจารณาความสัมพันธ์กันเป็นคู่ๆ คือไทย-UAE โดยไม่ดูการแทรกแซงจากอิสราเอล
วันที่13 ตค ที่เข้าตม UAE ก็มาถึง...
ต้องยอมรับว่าเป็นสนามบินที่ตรวจจริงจังมาก รู้สึกถึงความปลอดภัยในระดับสูงทีเดียว ในใจนี่ก็ประสาทจะกินเพราะในพาสปอตมีตราวีซ่าอิสราเอลกางหลาเลย สิ่งที่เราทำได้ก็คือ
1. เอาแผนเที่ยวฉบับย่อออกมาเตรียมในตมอ่าน และท่องไว้เลยว่า
2.ไปเที่ยวอิสราเอลเฉยๆ ไม่ใช่ทริปแสวงบุญ (หัวหน้าที่เคยไปบอกว่าถ้าตอบว่าแสวงบุญจะโดนคำถามอื่นๆ ตามมาและเสียเวลาหนักมาก)
3. เตรียมบทอวด Dubai เช่นอยากมาเล่นSkydive Dubai TOP 10 ไรงี้
พอถึงคิวเรา... รู้สึกหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะเรื่องวีซ่านะ แต่ตม.หล่อร้อยลี้มาก อย่างกะแงะออกมาจากนิยาย เค้าก็เปิดพาสปอตดูทุกหน้า แล้วหยุดที่หน้าวีซ่าอิสราเอล ....
ตม: ยูจะไปอิสราเอลด้วยหรอ
เรา: ใช่ เราอยากไปเที่ยวมานานแล้ว ถ้าไปแล้วจะกลับมาบอกนะ
ตม: นี่ ยูอายุเท่าไหร่กันแน่ แล้วทำงานอะไร
เรา: อ้อ 27 ตอนนี้เป็นทนายความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักรนะ ยูเอานามบัตรไปม่ะ เพื่อขึ้นศาลไทย (ปล่อยชั้นไปเถอะพี่ชาย ชั้นลุ้นนนนนนนน)
ตม: (ขำหนักมาก ทำตาหวานอีก พ่อคุณ) แล้วนางก็ประทับตราขาเข้าบนหน้าที่ถัดจากวีซ่าอิสราเอล ...(เยสสสสสสสสสส)
ฉะนั้น จขกทขอยืนยันว่าได้ค่ะ
2. ถ้าเราเคยเข้าประเทศอาหรับที่ไม่ค่อยลงรอยกับอิสราเอลมาก่อน จะมีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมั้ย
ตอบ ไม่จริงค่ะ!!! คือพาสปอตของ จขกท มีรอยแสตมป์การเข้ามาเลเซียหลาอยู่หน้าแรกของพาสปอตเลย (บอกตรงๆๆว่ากลัวมากว่าจะโดนปฎิเสธคำขอ) แต่ปรากฏว่า ในวันยื่นคำขอ จนทเปิดมาเจอแสตมป์มาเลเซีย ก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรและปล่อยผ่านไปเลยค่ะ
นอกจากนี้ จขกท ยังได้ส่งอีเมลไปถามจนทสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และจนทเค้าน่ารักมาก โทรกลับมาอธิบายด้วย!! โดยกล่าวว่าหากท่านใดที่เคยเดินทางไปอิหร่าน คูเวต เลบานอน ลิเบีย ซาอุฯ ซูดาน ซีเรีย และ/หรือเยเมน โดยปรากฏพวกรอยวีซ่าหรือแสตมป์ไว้ ก็ไม่มีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมากนัก แต่อาจจะต้องตอบคำถามมากหน่อย (แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะถามว่าอะไร) ส่วนประเทศอื่นนอกจากนี้ นางจะไม่อะไรมากปล่อยไป
3. การเลี่ยงไม่ให้มีisrael visa/stamp ในพาสปอตสำหรับผู้ถือพาสปอตไทย
ตอบ มีหลักและข้อยกเว้นดังนี้
หลัก: การขอวีซ่าอิสราเอล ก็จะต้องมีการแปะตราอิสราเอลไว้ในพาสปอตเลย
ข้อยกเว้น: การที่เราจะขอให้เค้าออกวีซ่าเป็นเอกสารแยกต่างหากจากพาสปอตนั้น เราต้องมี ครบ2ข้อ
1) “หลักฐานที่เป็นทางการและชัดเจน” ว่าเราอาจจะต้องเดินทางไปในประเทศที่เค้ากีดกันผู้ถือพาสปอตที่มีแสตมป์อิสราเอล ฉะนั้นการที่เราอ้างว่าเราอาจจะเดินทางไปเที่ยวในประเทศเหล่านั้นยังฟังไม่ขึ้นนะคะ และ
2) จะต้องเป็นการขอที่ประเทศอิสราเอลเท่านั้น เช่น ให้ญาติหรือหัวหน้าหรือผู้ที่มีความสัมพันธ์ยื่นให้ จนทอิสราเอลที่ไทยไม่มีอำนาจและดุลพินิจแยกออกต่างหากให้ค่ะ
ฉะนั้น จขกท ก็เลยต้องยอมให้วีซ่าอิสราเอลกางหลาอยู่ในเล่มจนปัจจุบัน
4. การre-entry เข้าจอร์แดน โดยใช้แค่single entry visa!!
ตอบ
เกริ่นนะคะ เราสามารถเดินทางเข้าอิสราเอลได้หลายทางมาก
1. Allenby Bridge / King Hussein Bridge (ข้อดีคือre-entry เข้าจอร์แดนได้โดยใช้single entry visaที่มากับแพคเกจJordan Pass สาเหตุที่มันre-entry ได้เพราะ จนทจะประทับตราขาออกจอร์แดนลงบนjordan pass ไม่ลงในพาสปอต นั่นทำให้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเคยออกจากจอร์แดน นั่นทำให้มันจึงเกิดเป็นre-entry โดยปริยาย/// ข้อเสียคือจ่ายจุกจิกและต้องมีวีซ่าเข้าจอร์แดนอยู่แล้ว!! จะไม่มีการออกตราวีซ่าจอร์แดนให้ที่ด่านนี้)
2. Eilat/Aqaba (ข้อดีคือใกล้ทะเล ติดที่เที่ยวคือWadirum-Eilat ///ข้อเสีย มันจะre-entry เข้าจอร์แดนโดยใช้single entry visaที่มากับแพคเกจJordan Passไม่ได้!!)
3. Tel aviv (ค่าตั๋วบินคือ แพงมากกกกกก มากแบบ ตกใจอ่ะ คูณเข้าไปสองเท่าเช่น ตั๋วบินขึ้นลงอัมมานราคา 25,000 ตั๋วบินขึ้นลงtel aviv คือ50,000 นี่ขนาดดูล่วงหน้า 3-4เดือนตามสูตรตั๋วถูกนะ) และที่สำคัญเวลาไม่สวย
แผนของจขกท คือ ร่อนลงที่อัมมานจอร์แดนก่อน แล้วเดินทางข้ามพรมแดนทาง Allenby Bridge / King Hussein Bridge เพราะจขกทจำเป็นต้องre-entryเข้าจอร์แดนอีกรอบ แต่ทั้งนี้ จขกทจะต้องกระทำดังต่อไปนี้
1. เข้าและออก Allenby Bridge / King Hussein Bridge เท่านั้น จะเข้าหรือออกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
2. จ่ายค่า Jordan departure tax 8 JD ที่ด่านจอร์แดนตอนขาออก และ Israel departure tax 173 NIS ($55 USD) ตอนขาออกจากอิสราเอล
3. จ่าย Shuttle 7 JD และมีค่ากระเป๋าใบละ 1.5 JD ตอนข้ามพรมแดนปาเลสไตน์ ... คืองี้ เท่าที่อ่านมานะ พอเราเข้าไปถึงตมอิสราเอลแล้วสัมภาษณ์ผ่านหมดแล้ว เค้าจะให้เราขึ้นรถบัสที่จนทจัดมาให้โดยต้องจ่ายค่ารถเพื่อข้ามแดนปาเลสไตน์ ถ้ามีสัมภาระก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีก พอข้ามพ้นปุ๊ป ก็หาแท็กซี่หรือรถตู้แชร์เข้าjerusalem
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงไม่เข้าใจว่า ทำไมsingle visa for Jordan ถึงใช้ในกรณีre-entry ได้
ง่ายๆ คือ เวลาที่ข้ามแดน Allenby Bridge / King Hussein Bridge ตมอิสราเอลเค้าจะใช้กระดาษใบเล็ก สีฟ้าและชมพูแทนการเข้าออก โดยที่จะมีการประทับตราลงวันที่ มีลายเซ็นจนทบนกระดาษพวกนั้น โดยจนทจะไม่เขียนอะไรลงพาสปอตเราเลย (ขนาดหน้าที่มีตราวีซ่าอิสราเอล เค้ายังไม่ประทับอะไรเลย)
พอไม่มีการเขียนอะไรลงพาสปอต มันเลยไม่มีหลักฐานแบบชัดเจนว่ามีการออกจากจอร์แดนหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสันนิษฐานไปได้ว่า เรายังไม่เคยออกจากจอร์แดนมาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ต้องใช้ Multi visa
ปล Multi visaไม่สามารถขอได้ในไทยนะ เพราะปัจจุบันเราไม่มีสถานทูตจอร์แดนในไทย (เราถึงต้องส่งอีเมลไปถามสถานทูตไทยในจอร์แดนแทน) เรามีทางคือ
1) ไปซื้อวีซ่าสดที่หน้าตมจอร์แดน 40JD
2) ซื้อJordan pass ที่เป็นตั๋วสำเร็จรูป ประเสริฐเลิศศรีมณีเด้งมาก เพราะมีการรวม single visa + ค่าเข้าPetra+Wadi Rum etcไว้หมด ยกเว้น Mount of Nebo/ Madaba
จบแล้วภาคทฤษฎี มาดูภาคปฏิบัติกัน (จากประสบการณ์จริงอย่างละเอียด)
ขาออก Jordan to Israel
1. หารถไปด่าน Allenby Bridge / King Hussein Bridge หากเริ่มจากRoman theater ในอัมมาน ค่ารถแท็กซี่ทั้งคัน 25JD หรือjett busซึ่งออกเวลา 06.30 ราคาประมาณ 10JD
2. รถทุกคันจะต้องจอดส่งคนที่ประตูคอนกรีตสีขาว ให้ลากกระเป๋าไปที่ตึกขาArrival เพื่อสแกนกระเป๋าเพราะตึกขาออกไม่มีเครื่องสแกน
3. สแกนกระเป๋าเสร็จ ลากร่างไปตึกขาออก (สังเกตง่ายๆ ว่าเป็นตึกที่ตรงข้ามป้อมจ่ายเงินค่า Border Transfer และท่าจอดรถJett Bus (อย่าสับสน คือJett Busเค้ามีบริการ2 อย่าง 1.Amman-Border และ2. Border transfer โดยที่เค้าจะไม่ให้รถสาธารณะขนส่งคนข้ามแดน ยกเว้นJettbus และรถสำหรับทัวร์ ฉะนั้นคนที่เที่ยวเองก็ต้องอาศัยป้าJett Bus นี่แหละ สโลแกนป้าคือเต็มแล้วออก)
พอเข้าไปในตึก จะเห็นด้านหลังเค้าเตอร์สีขาวลักษณะคล้ายป้อมยามรปภ ให้เดินทะลุมาด้านหน้า
3.1 หย่อนพาสปอตลงช่อง Passport Drop off
3.2 จ่ายค่า Jordan departure tax 8 JD ($12 USD) ที่ด่านจอร์แดนตอนขาออก จะได้ใบเสร็จสีเขียวอ่อนมา
3.3 เอาใบเสร็จสีเขียวอ่อนหย่อนลงช่อง Passport Pick Up
3.4 นั่งรอเค้าเรียกชื่อ พอสักพัก.... Miss ..Miss… Misss… Oh man!!! Miss Thailand!! (อ่านชื่อไม่ออกเลยสถาปนาตำแหน่งให้เลย555+)
3.5 เดินตามเจ้าหน้าที่ไป (นางจะกุมพาสปอตเราไว้แล้วไปแจกบนJett Bus) นางก็พาเรามาซื้อตั๋วรถแล้วก็แจกพาสปอตบนรถ ค่า Shuttle 7 JD และมีค่ากระเป๋าใบละ 1.5 JD (เฉพาะใบที่โหลดลงใต้ท้องรถ)
** ตอนแจกพาสปอต จะมีใบเล็กๆ สีฟ้า อิใบนี้ห้ามหาย (ขีดเส้นใต้500เส้น) เพราะมันจะต้องใช้ตอนเชคอินโรงแรมและสแกนบาร์โค้ด หายนี่ชีวิตเปลี่ยน
4. นั่งรถประมาณ 15 นาที ก็มาถึงตม อิสราเอล ลงจากรถพร้อมลากกระเป๋าเองเข้าตม ผ่านการสแกนอย่างหนักหน่วง ล้วงตัว (ขอใช้คำว่าล้วงตัวแบบจัดหนัก) แล้วก็เข้าแถวรอตมอิสราเอลสัมภาษณ์ (งานเหงื่อแตกก็มาเพราะจขกท เคยเข้าUAE Dubai มาแล้ว)
5. พอถึงคิว จนท. เปิดดูพาสปอตทุกหน้า หยุดอยู่ที่UAE Stamp แล้วก็ถามอาชีพ พอเราบอกว่าเป็นทนายความ แม่เป็นอาจารย์ ตมก็มีสีหน้าเป็นมิตรขึ้น 10 เท่า แล้วนางก็เริ่มถามแผนเที่ยว
สิ่งที่ควรเตรียมเพื่อตอบตม อิสราเอล
1) แผนเที่ยวเป็นตารางมาให้นางอ่าน ทั้งนี้ เราไม่ควรระบุที่เที่ยวในเขตปาเลสไตน์ลงไป เช่นBethlehem /Jericho เพราะมันจะเกิดคำถามเยอะเกินไป แล้วถ้าลูกทัวร์ไม่แม่น อาจจะพากัน
ได้
2) ตอบว่า เที่ยวค่ะซิส ไม่ใช่ทริปแสวงบุญนะ
3) ถ้าใครเป็นข้าราชการหรือาชีพที่ดูน่าเชื่อถือ กรุณาพกนามบัตรของท่านมาด้วย
6. พอพ้นด่านตมลากเลือดมาแล้วนั้น ก็ออกจากอาคาร .... ณ จุดๆ นี้ตั้งสติค่ะ เพราะจะโดนแขกรุม
รถที่จะเข้าJerusalem
1) Sherut (รถตู้แบบเต็มแล้วออกแบบบ้านเรา) คันสีเหลืองๆ คาดขาว ราคา 42-50 เชคเคิล โดยถ้าเราหันหลังให้อาคารตม มันจะอยู่ทางด้านขวามือ ให้เดินผ่านแขก ป้อม รถแท็กซี่ ทุกอย่าง มาจนถึงถนนโค้งๆ เราก็จะเริ่มเห็นคนท้องถิ่นมายืนรอกัน
2) แท็กซี่เหมา (นั่งได้4-5คน) ราคาทั้งคันคือ 80 JD!!!! (ประมาณ4000 บาทไทย) แพงสึดดดดดด แต่ตอนนั้นเราโชคดีตรงที่ชวนครอบครัวจีน-แคลิฟอเนียคุย มาตลอดทางตามสไตล์ญไทยใจงาม เค้าเลยชวนมานั่งเหมาด้วยกัน สรุปเรากะแม่จ่ายไป 38JD (แพงกว่านั่งSherutประมาณ1000 บาทไทย แต่จุดๆ นั้นคือยอมเพื่อไม่ให้เสียเวลา)
สิริรวมเวลาข้ามฝั่ง นั่งแท็กซี่ไปด่าน 1ชม ผ่านสองด่าน1.30 ชม นั่งแท็กซี่ไปJerusalem 45 นาที ถือว่าเร็วเพราะปกติข้ามฝั่งฟาดไป4-5 ชั่วโมง แนะนำว่าไปแต่เช้า ด่านเปิด8.00 ให้ไปรถจ่อประตูตอนนั้นเลย
จะมาต่อขาออก Israel to Jordan นะ
[CR] Review การขอวีซ่าอิสราเอลและเส้นทางการเข้าออกแบบreentry โดยใช้single visa!!!
1. Review การขอวีซ่าอิสราเอลและเส้นทางการเข้าออกแบบreentry โดยใช้single visa!!!
2. Dubai ใครๆ ก็ว่าอร่อย
3. EGYPT ทริปเผ็ชๆ
4. Jordan แดนมหัศจรรย์
5. ISRAEL
ทั้งนี้ เราขออุทิศกุศลผลบุญนี้ให้กับท่านพ่อเราและขอแบ่งบุญกุศลนี้ให้พี่ก้อย (สองคนนี้เป็นคนจุดประกายการเดินทางให้เรา)
อะไรยังไง ไม่ต้องรอแล้วจ้า ไปดูกันเลย
Review การขอวีซ่าอิสราเอลและเส้นทางการเข้าออกแบบreentry โดยใช้single visa!!!
เนื่องจากเราหาแหล่งข้อมูลการขอวีซ่าอิสราเอลในไทยได้ค่อนข้างน้อย จขกท เลยขอแชร์วิธีการขอวีซ่าอิสราเอลด้วยตัวเองแบบละเอียด ชนิดที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลเห็นคำขอแล้วไม่ถามอะไรต่อเลย (จ้างคนอื่นแพงมากกกก ขอทำเองดีกว่า) โดยจะมีประเด็นที่หลายคนสงสัย เช่น
1. ถ้ามีวีซ่าหรือแสตมป์ของอิสราเอลแปะลงในพาสปอตแล้ว จะเข้าประเทศอาหรับอื่นไม่ได้จริงหรือ?
2. ถ้าเราเคยเข้าประเทศอาหรับที่ไม่ค่อยลงรอยกับอิสราเอลมาก่อน จะมีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมั้ย
3. การเลี่ยงไม่ให้มีisrael visa/stamp ในพาสปอต
4. การre-entry เข้าจอร์แดน โดยใช้แค่single entry visa!!
5. หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. ถ้ามีวีซ่าหรือแสตมป์ของอิสราเอลแปะลงในพาสปอตแล้ว จะเข้าประเทศอาหรับอื่นไม่ได้จริงหรือ?
ตอบ จริงค่ะ!!! เช่น อิหร่าน คูเวต เลบานอน ลิเบีย ซาอุฯ ซูดาน ซีเรีย และ/หรือเยเมน
แต่ก็จะมีบางประเทศที่ไม่ได้กีดกันคนที่ถือพาสปอตที่มีตราวีซ่าหรือแสตมป์ (แต่อาจจะต้องตอบคำถามตม มากหน่อย เช่น UAE มาเลเซีย โอมาน โมรอคโค บูรไน etc ทั้งนี้ จขกท ได้พลีชีพ โดยการจับทริปUAE และอิสราเอลเข้าไว้ด้วยกัน โดยที่เที่ยว UAEก่อน แต่เคยมีเพื่อนที่เที่ยวอิสราเอลมาก่อน แล้วนางก็ไปเที่ยวUAEต่อ นางโดนตมUAEถามว่า.... UAEนี่เป็นยังไงบ้าง น่าสนุกมั้ย (เพื่อนบอกว่าไอเหงื่อแตกแทบแย่)
ทั้งนี้ จขกท ไม่ได้ประมาทเลินเล่น ได้โทรไปสอบถามจนทสถานทูตUAE ที่เบอร์ 02-402-4000 เป็นที่เรียบร้อยและจนทก็นั่งยันว่า สามารถเข้าUAEได้ เพราะเค้าพิจารณาความสัมพันธ์กันเป็นคู่ๆ คือไทย-UAE โดยไม่ดูการแทรกแซงจากอิสราเอล
วันที่13 ตค ที่เข้าตม UAE ก็มาถึง...
ต้องยอมรับว่าเป็นสนามบินที่ตรวจจริงจังมาก รู้สึกถึงความปลอดภัยในระดับสูงทีเดียว ในใจนี่ก็ประสาทจะกินเพราะในพาสปอตมีตราวีซ่าอิสราเอลกางหลาเลย สิ่งที่เราทำได้ก็คือ
1. เอาแผนเที่ยวฉบับย่อออกมาเตรียมในตมอ่าน และท่องไว้เลยว่า
2.ไปเที่ยวอิสราเอลเฉยๆ ไม่ใช่ทริปแสวงบุญ (หัวหน้าที่เคยไปบอกว่าถ้าตอบว่าแสวงบุญจะโดนคำถามอื่นๆ ตามมาและเสียเวลาหนักมาก)
3. เตรียมบทอวด Dubai เช่นอยากมาเล่นSkydive Dubai TOP 10 ไรงี้
พอถึงคิวเรา... รู้สึกหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะเรื่องวีซ่านะ แต่ตม.หล่อร้อยลี้มาก อย่างกะแงะออกมาจากนิยาย เค้าก็เปิดพาสปอตดูทุกหน้า แล้วหยุดที่หน้าวีซ่าอิสราเอล ....
ตม: ยูจะไปอิสราเอลด้วยหรอ
เรา: ใช่ เราอยากไปเที่ยวมานานแล้ว ถ้าไปแล้วจะกลับมาบอกนะ
ตม: นี่ ยูอายุเท่าไหร่กันแน่ แล้วทำงานอะไร
เรา: อ้อ 27 ตอนนี้เป็นทนายความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักรนะ ยูเอานามบัตรไปม่ะ เพื่อขึ้นศาลไทย (ปล่อยชั้นไปเถอะพี่ชาย ชั้นลุ้นนนนนนนน)
ตม: (ขำหนักมาก ทำตาหวานอีก พ่อคุณ) แล้วนางก็ประทับตราขาเข้าบนหน้าที่ถัดจากวีซ่าอิสราเอล ...(เยสสสสสสสสสส)
ฉะนั้น จขกทขอยืนยันว่าได้ค่ะ
2. ถ้าเราเคยเข้าประเทศอาหรับที่ไม่ค่อยลงรอยกับอิสราเอลมาก่อน จะมีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมั้ย
ตอบ ไม่จริงค่ะ!!! คือพาสปอตของ จขกท มีรอยแสตมป์การเข้ามาเลเซียหลาอยู่หน้าแรกของพาสปอตเลย (บอกตรงๆๆว่ากลัวมากว่าจะโดนปฎิเสธคำขอ) แต่ปรากฏว่า ในวันยื่นคำขอ จนทเปิดมาเจอแสตมป์มาเลเซีย ก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรและปล่อยผ่านไปเลยค่ะ
นอกจากนี้ จขกท ยังได้ส่งอีเมลไปถามจนทสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และจนทเค้าน่ารักมาก โทรกลับมาอธิบายด้วย!! โดยกล่าวว่าหากท่านใดที่เคยเดินทางไปอิหร่าน คูเวต เลบานอน ลิเบีย ซาอุฯ ซูดาน ซีเรีย และ/หรือเยเมน โดยปรากฏพวกรอยวีซ่าหรือแสตมป์ไว้ ก็ไม่มีผลต่อการขอวีซ่าอิสราเอลมากนัก แต่อาจจะต้องตอบคำถามมากหน่อย (แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะถามว่าอะไร) ส่วนประเทศอื่นนอกจากนี้ นางจะไม่อะไรมากปล่อยไป
3. การเลี่ยงไม่ให้มีisrael visa/stamp ในพาสปอตสำหรับผู้ถือพาสปอตไทย
ตอบ มีหลักและข้อยกเว้นดังนี้
หลัก: การขอวีซ่าอิสราเอล ก็จะต้องมีการแปะตราอิสราเอลไว้ในพาสปอตเลย
ข้อยกเว้น: การที่เราจะขอให้เค้าออกวีซ่าเป็นเอกสารแยกต่างหากจากพาสปอตนั้น เราต้องมี ครบ2ข้อ
1) “หลักฐานที่เป็นทางการและชัดเจน” ว่าเราอาจจะต้องเดินทางไปในประเทศที่เค้ากีดกันผู้ถือพาสปอตที่มีแสตมป์อิสราเอล ฉะนั้นการที่เราอ้างว่าเราอาจจะเดินทางไปเที่ยวในประเทศเหล่านั้นยังฟังไม่ขึ้นนะคะ และ
2) จะต้องเป็นการขอที่ประเทศอิสราเอลเท่านั้น เช่น ให้ญาติหรือหัวหน้าหรือผู้ที่มีความสัมพันธ์ยื่นให้ จนทอิสราเอลที่ไทยไม่มีอำนาจและดุลพินิจแยกออกต่างหากให้ค่ะ
ฉะนั้น จขกท ก็เลยต้องยอมให้วีซ่าอิสราเอลกางหลาอยู่ในเล่มจนปัจจุบัน
4. การre-entry เข้าจอร์แดน โดยใช้แค่single entry visa!!
ตอบ
เกริ่นนะคะ เราสามารถเดินทางเข้าอิสราเอลได้หลายทางมาก
1. Allenby Bridge / King Hussein Bridge (ข้อดีคือre-entry เข้าจอร์แดนได้โดยใช้single entry visaที่มากับแพคเกจJordan Pass สาเหตุที่มันre-entry ได้เพราะ จนทจะประทับตราขาออกจอร์แดนลงบนjordan pass ไม่ลงในพาสปอต นั่นทำให้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเคยออกจากจอร์แดน นั่นทำให้มันจึงเกิดเป็นre-entry โดยปริยาย/// ข้อเสียคือจ่ายจุกจิกและต้องมีวีซ่าเข้าจอร์แดนอยู่แล้ว!! จะไม่มีการออกตราวีซ่าจอร์แดนให้ที่ด่านนี้)
2. Eilat/Aqaba (ข้อดีคือใกล้ทะเล ติดที่เที่ยวคือWadirum-Eilat ///ข้อเสีย มันจะre-entry เข้าจอร์แดนโดยใช้single entry visaที่มากับแพคเกจJordan Passไม่ได้!!)
3. Tel aviv (ค่าตั๋วบินคือ แพงมากกกกกก มากแบบ ตกใจอ่ะ คูณเข้าไปสองเท่าเช่น ตั๋วบินขึ้นลงอัมมานราคา 25,000 ตั๋วบินขึ้นลงtel aviv คือ50,000 นี่ขนาดดูล่วงหน้า 3-4เดือนตามสูตรตั๋วถูกนะ) และที่สำคัญเวลาไม่สวย
แผนของจขกท คือ ร่อนลงที่อัมมานจอร์แดนก่อน แล้วเดินทางข้ามพรมแดนทาง Allenby Bridge / King Hussein Bridge เพราะจขกทจำเป็นต้องre-entryเข้าจอร์แดนอีกรอบ แต่ทั้งนี้ จขกทจะต้องกระทำดังต่อไปนี้
1. เข้าและออก Allenby Bridge / King Hussein Bridge เท่านั้น จะเข้าหรือออกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
2. จ่ายค่า Jordan departure tax 8 JD ที่ด่านจอร์แดนตอนขาออก และ Israel departure tax 173 NIS ($55 USD) ตอนขาออกจากอิสราเอล
3. จ่าย Shuttle 7 JD และมีค่ากระเป๋าใบละ 1.5 JD ตอนข้ามพรมแดนปาเลสไตน์ ... คืองี้ เท่าที่อ่านมานะ พอเราเข้าไปถึงตมอิสราเอลแล้วสัมภาษณ์ผ่านหมดแล้ว เค้าจะให้เราขึ้นรถบัสที่จนทจัดมาให้โดยต้องจ่ายค่ารถเพื่อข้ามแดนปาเลสไตน์ ถ้ามีสัมภาระก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีก พอข้ามพ้นปุ๊ป ก็หาแท็กซี่หรือรถตู้แชร์เข้าjerusalem
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงไม่เข้าใจว่า ทำไมsingle visa for Jordan ถึงใช้ในกรณีre-entry ได้
ง่ายๆ คือ เวลาที่ข้ามแดน Allenby Bridge / King Hussein Bridge ตมอิสราเอลเค้าจะใช้กระดาษใบเล็ก สีฟ้าและชมพูแทนการเข้าออก โดยที่จะมีการประทับตราลงวันที่ มีลายเซ็นจนทบนกระดาษพวกนั้น โดยจนทจะไม่เขียนอะไรลงพาสปอตเราเลย (ขนาดหน้าที่มีตราวีซ่าอิสราเอล เค้ายังไม่ประทับอะไรเลย)
พอไม่มีการเขียนอะไรลงพาสปอต มันเลยไม่มีหลักฐานแบบชัดเจนว่ามีการออกจากจอร์แดนหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสันนิษฐานไปได้ว่า เรายังไม่เคยออกจากจอร์แดนมาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ต้องใช้ Multi visa
ปล Multi visaไม่สามารถขอได้ในไทยนะ เพราะปัจจุบันเราไม่มีสถานทูตจอร์แดนในไทย (เราถึงต้องส่งอีเมลไปถามสถานทูตไทยในจอร์แดนแทน) เรามีทางคือ
1) ไปซื้อวีซ่าสดที่หน้าตมจอร์แดน 40JD
2) ซื้อJordan pass ที่เป็นตั๋วสำเร็จรูป ประเสริฐเลิศศรีมณีเด้งมาก เพราะมีการรวม single visa + ค่าเข้าPetra+Wadi Rum etcไว้หมด ยกเว้น Mount of Nebo/ Madaba
จบแล้วภาคทฤษฎี มาดูภาคปฏิบัติกัน (จากประสบการณ์จริงอย่างละเอียด)
ขาออก Jordan to Israel
1. หารถไปด่าน Allenby Bridge / King Hussein Bridge หากเริ่มจากRoman theater ในอัมมาน ค่ารถแท็กซี่ทั้งคัน 25JD หรือjett busซึ่งออกเวลา 06.30 ราคาประมาณ 10JD
2. รถทุกคันจะต้องจอดส่งคนที่ประตูคอนกรีตสีขาว ให้ลากกระเป๋าไปที่ตึกขาArrival เพื่อสแกนกระเป๋าเพราะตึกขาออกไม่มีเครื่องสแกน
3. สแกนกระเป๋าเสร็จ ลากร่างไปตึกขาออก (สังเกตง่ายๆ ว่าเป็นตึกที่ตรงข้ามป้อมจ่ายเงินค่า Border Transfer และท่าจอดรถJett Bus (อย่าสับสน คือJett Busเค้ามีบริการ2 อย่าง 1.Amman-Border และ2. Border transfer โดยที่เค้าจะไม่ให้รถสาธารณะขนส่งคนข้ามแดน ยกเว้นJettbus และรถสำหรับทัวร์ ฉะนั้นคนที่เที่ยวเองก็ต้องอาศัยป้าJett Bus นี่แหละ สโลแกนป้าคือเต็มแล้วออก)
พอเข้าไปในตึก จะเห็นด้านหลังเค้าเตอร์สีขาวลักษณะคล้ายป้อมยามรปภ ให้เดินทะลุมาด้านหน้า
3.1 หย่อนพาสปอตลงช่อง Passport Drop off
3.2 จ่ายค่า Jordan departure tax 8 JD ($12 USD) ที่ด่านจอร์แดนตอนขาออก จะได้ใบเสร็จสีเขียวอ่อนมา
3.3 เอาใบเสร็จสีเขียวอ่อนหย่อนลงช่อง Passport Pick Up
3.4 นั่งรอเค้าเรียกชื่อ พอสักพัก.... Miss ..Miss… Misss… Oh man!!! Miss Thailand!! (อ่านชื่อไม่ออกเลยสถาปนาตำแหน่งให้เลย555+)
3.5 เดินตามเจ้าหน้าที่ไป (นางจะกุมพาสปอตเราไว้แล้วไปแจกบนJett Bus) นางก็พาเรามาซื้อตั๋วรถแล้วก็แจกพาสปอตบนรถ ค่า Shuttle 7 JD และมีค่ากระเป๋าใบละ 1.5 JD (เฉพาะใบที่โหลดลงใต้ท้องรถ)
** ตอนแจกพาสปอต จะมีใบเล็กๆ สีฟ้า อิใบนี้ห้ามหาย (ขีดเส้นใต้500เส้น) เพราะมันจะต้องใช้ตอนเชคอินโรงแรมและสแกนบาร์โค้ด หายนี่ชีวิตเปลี่ยน
4. นั่งรถประมาณ 15 นาที ก็มาถึงตม อิสราเอล ลงจากรถพร้อมลากกระเป๋าเองเข้าตม ผ่านการสแกนอย่างหนักหน่วง ล้วงตัว (ขอใช้คำว่าล้วงตัวแบบจัดหนัก) แล้วก็เข้าแถวรอตมอิสราเอลสัมภาษณ์ (งานเหงื่อแตกก็มาเพราะจขกท เคยเข้าUAE Dubai มาแล้ว)
5. พอถึงคิว จนท. เปิดดูพาสปอตทุกหน้า หยุดอยู่ที่UAE Stamp แล้วก็ถามอาชีพ พอเราบอกว่าเป็นทนายความ แม่เป็นอาจารย์ ตมก็มีสีหน้าเป็นมิตรขึ้น 10 เท่า แล้วนางก็เริ่มถามแผนเที่ยว
สิ่งที่ควรเตรียมเพื่อตอบตม อิสราเอล
1) แผนเที่ยวเป็นตารางมาให้นางอ่าน ทั้งนี้ เราไม่ควรระบุที่เที่ยวในเขตปาเลสไตน์ลงไป เช่นBethlehem /Jericho เพราะมันจะเกิดคำถามเยอะเกินไป แล้วถ้าลูกทัวร์ไม่แม่น อาจจะพากัน
2) ตอบว่า เที่ยวค่ะซิส ไม่ใช่ทริปแสวงบุญนะ
3) ถ้าใครเป็นข้าราชการหรือาชีพที่ดูน่าเชื่อถือ กรุณาพกนามบัตรของท่านมาด้วย
6. พอพ้นด่านตมลากเลือดมาแล้วนั้น ก็ออกจากอาคาร .... ณ จุดๆ นี้ตั้งสติค่ะ เพราะจะโดนแขกรุม
รถที่จะเข้าJerusalem
1) Sherut (รถตู้แบบเต็มแล้วออกแบบบ้านเรา) คันสีเหลืองๆ คาดขาว ราคา 42-50 เชคเคิล โดยถ้าเราหันหลังให้อาคารตม มันจะอยู่ทางด้านขวามือ ให้เดินผ่านแขก ป้อม รถแท็กซี่ ทุกอย่าง มาจนถึงถนนโค้งๆ เราก็จะเริ่มเห็นคนท้องถิ่นมายืนรอกัน
2) แท็กซี่เหมา (นั่งได้4-5คน) ราคาทั้งคันคือ 80 JD!!!! (ประมาณ4000 บาทไทย) แพงสึดดดดดด แต่ตอนนั้นเราโชคดีตรงที่ชวนครอบครัวจีน-แคลิฟอเนียคุย มาตลอดทางตามสไตล์ญไทยใจงาม เค้าเลยชวนมานั่งเหมาด้วยกัน สรุปเรากะแม่จ่ายไป 38JD (แพงกว่านั่งSherutประมาณ1000 บาทไทย แต่จุดๆ นั้นคือยอมเพื่อไม่ให้เสียเวลา)
สิริรวมเวลาข้ามฝั่ง นั่งแท็กซี่ไปด่าน 1ชม ผ่านสองด่าน1.30 ชม นั่งแท็กซี่ไปJerusalem 45 นาที ถือว่าเร็วเพราะปกติข้ามฝั่งฟาดไป4-5 ชั่วโมง แนะนำว่าไปแต่เช้า ด่านเปิด8.00 ให้ไปรถจ่อประตูตอนนั้นเลย
จะมาต่อขาออก Israel to Jordan นะ