ผมและภรรยาแต่งงานและมีลูกด้วยกัน ตลอดระยะเวลาของการใช้ชีวิตคู่ ผมและภรรยาต้องอยู่ห่างกันมาโดยตลอดอยู่คนละจังหวัด ภรรยาอยู่กับลูก ผมจะอยู่คนเดียวและตลอดระยะเวลา 10 ปี ชีวิตมีความสุขดี ผมไม่สูบบุหรี่ไม่เที่ยวไม่ดื่ม ตั้งใจทำงานส่งเงินไปให้มาโดยตลอด และไม่ได้คิดว่าระยะทางเป็นปัญหาแต่อย่างไร แต่แล้วเนื่องด้วยปัญหาเศษฐกิจและเพิ่งจะซื้อบ้านหลังใหม่ โดยเธอเป็นคนอยากได้ แต่ผมเป็นชื่อผมและผมเป็นคนผ่อน แต่ก็ทำให้เธอต้องเริ่มทำงานเพื่อหารายได้เพิ่ม ก่อนหน้านั้นอยู่บ้านเลี้ยงลูกและขายของเล็กๆน้อยๆ งานที่เธอเริ่มทำนั้นเป็นงานที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆและก็มีบางครั้งต้องนอนห้องเดียวกับรุ่นน้องผู้ชายที่เป็นเพื่อนร่วมงาน
ตรงนี้ผมรับได้และเข้าใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการประหยัดค่าใช้จ่ายหรือเรื่องกลัวผีก็ตาม จะนอนเตียงเดียวกันหรือคนละเตียง หรือภรรยานอนบนเตียง น้องผู้ชายนอนพื้น ผมรับได้และเข้าใจมาโดยตลอดและมั่นใจในตัวภรรยาตัวเองมาทุกครั้ง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกินจะรับได้ เมื่อภรรยาได้พารุ่นน้องร่วมงานคนนั้นมาอยู่ที่บ้านเนื่องด้วยต้องมาช่วยงานของเธอเอง แต่เรื่องมาอยู่เข้าใจและรับได้แต่เรื่องพฤติกรรม ยากที่จะรับได้
เรื่องรุ่นน้องมาอยู่บ้านนี่ ผมถูกทุกคนปิดบังมาตลอดระยะเวลา 3 ปี (ลูกถูกเธอบอกให้โกหกผมด้วยถ้าผมถามอะไรเกี่ยวกับน้องคนนี้) เนื่องจากเวลาผมกลับไปหาเธอและลูก เธอจะให้ผมไปอยู่บ้านแม่ยาย โดยผมก็ไม่เคยคิดระแวงหรือสงสัยอะไรเลย ถึงแม้ว่าเธอจะทิ้งให้ผมนอนอยู่ที่บ้านแม่ยายคนเดียว แล้วเธอไปนอนบ้านนั้น โดยให้เหตุผลว่าไปทำความสะอาดบ้านทั้งวันแล้วเหนื่อยเลยกลับมาบ้านแม่ไม่ไหว ทั้งๆที่ระยะทางไม่เกิน 500 เมตรเอง (มารู้ภายหลังว่า รุ่นน้องคนนั้นอยู่บ้านเธอกลับไปนอนเพราะน้องคนนั้นอยู่)
จนมาถึงวันที่ผมได้ไปเห็นบ้านของผมที่ผมเป็นคนผ่อนอยู่ทุกเดือนๆ (ไปด้วยความบังเอิญเพราะร้านอาหารที่จะไปซื้อมันอยู่แถวนั้นพอดี) สภาพของบ้านเปลี่ยนไปมาก มีการต่อเติมทำบ่อน้ำ บ่อนู้นนี้นั้นเต็มไปหมด และซื้อสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลมาเลี้ยงตัวใหญ่มากเลี้ยงมาเป็นปี ผมเข้าไปเจอทีแรกมันเดินมาหายังต้องยืนนิ่งๆ กลัวมันจะกัด เธอให้เหตุผลกับผมเรื่องบ้านว่าจะ surprise เลยไม่บอก
เรื่องสุนัขเธอบอกว่า รุ่นน้องคนนั้นให้มา เขามีฟาร์ม (มารู้ภายหลังว่า รุ่นน้องคนนั้นแนะนำให้เธอทำบ่อเลี้ยงกบ ต่อเติมบ้านทุกอย่างและสุนัขตัวนั้นก็ไปซื้อมาไม่ได้มีฟาร์ม เพราะสุนัขตัวเก่าที่บ้านองน้องเขาตายและเขาได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วจึงไปซื้อมาเลี้ยงใหม่ แถมยังขับรถไปรับสุนัขถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชกัน 2 คน) โดยเรื่องสุนัขผมเตือนเธอว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกและแม่อย่ามาเสียใจทีหลัง และเธอก็ได้ให้รุ่นน้องคนนั้นเอากลับไปแล้วแต่ก็หลายเดือนกว่าจะดำเนินการ
รุ่นน้องคนนี้ยังได้ถ่ายรูป selfie บ้านผมและสวนผลไม้ของผมไปลงใน facebook ตัวเองว่า เป็นของเขาเอง นี่บ้านเขาเอง สวนเขาเองกำลังจะทำนั้นทำนี่ ให้เพื่อนในเฟซตัวเองมาอวย เพื่อนเขาทุกคนต่างคิดว่าเขาได้เมียรวย ได้ดิบได้ดี ในคอมเม้นมีญาติๆ มาถามเมื่อไรจะได้เลี้ยงลูก โทรศัพท์ตกพื้นพัง เพื่อนบอกให้เมียซื้อให้ (แล้วก็ซื้อจริงๆแต่เป็นเครื่องมือสอง แต่เธอโกหกผมว่าซื้อมาใช้งาน) แถมยังมาไหว้พระบรมศพในหลวง ร.9 กัน 2 คน โดยที่ไม่มีการโทรบอกผม ไม่ชวนผมทั้งๆที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปในตอนนั้น ทุกเรื่องราวที่เธอโกหก ความจริงมันไปอยู่ในเฟซน้องคนนั้นหมด เหลืออย่างเดียวคือ เขาระวังไม่ให้มีรูปคู่หลุดออกมา แต่ก็รับรู้ได้ว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน 24 ชม. เป็นเวลา 3 ปี
แล้วที่ร้ายไปกว่านั้นคือเคยนอนห้องเดียวกัน บนเตียงเดียวกันในบ้านของผมเตียงของผม ใต้ผ้าห่มเดียวกันรึป่าวไม่แน่ใจ เรื่องนี้ผมมาทราบทีหลังเพราะลูกเริ่มโตและเริ่มรับรู้อะไรได้มากขึ้น จึงเกิดคำถามในใจแล้วมาถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนผมได้รับรู้ว่า เคยนอนบนเตียงด้วยกัน ในบางครั้งลูกก็นอนตรงกลางบ้างนอนบนพื้นบ้าง แต่เธอและน้องคนนั้นจะนอนบนเตียงทุกครั้ง โดยการมานอน เธอจะให้เหตุผลกับลูกแตกต่างกันไป แต่ระยะหลังไม่มีแล้วจะมีมานอนในช่วงแรกๆ และยังให้น้องคนนั้นทำโทษลูกผมด้วยการตีด้วยไม้แขวนเสื้อ
โดยเธอบอกว่าก็ลูกดื้อทำผิดแต่เธอไม่อยากตี แต่กลับให้คนอื่นมาตีลูกแทน จนในตอนนี้กลายเป็นว่าลูกผมกลัวน้องคนนั้น เกรงใจเขาไปแล้ว กลายเป็นมามีอิทธิพลกับลูกผม เวลาผมโทรไปคุยกับลูก ถ้าน้องคนนั้นอยู่ ลูกจะเงียบไม่กล้าคุยกับผม ผมรับรู้ได้ ก็ได้แต่บอกว่าโอเคพ่อเข้าใจ
ในตอนนี้ผมเริ่มสับสนในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ เพราะหน้าฉากหน้าจะเป็นคนแสดงออกซึ่งเป็นคน มีศีลมีธรรม ใจบุญมีเมตตา ช่วยเหลือผู้คนมากมาย เธอบอกให้ผมเชื่อใจเธอ และผมก็เชื่อใจมาโดยตลอด แต่พอมาเจอกับเรื่องราวโกหกแบบนี้ ทำให้ผมลังเลและสับสนมาก จะเลิกก็สงสารลูก เคยเกริ่นๆกับลูก แต่ลูกก็ร้องไห้แล้วบอกว่าไม่อยากให้เลิกกัน ทุกวันนี้จึงอดทนเพื่อลูก
แค่อยากระบาย.....
ขอบคุณครับ
หมายเหตุ
เข้ามาแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องราวบ่างส่วนครับ
ถ้าคุณรู้ว่าภรรยาของคุณนอนในห้องและบนเตียงเดียวกันกับชายอื่นคุณจะทำอย่างไร
ตรงนี้ผมรับได้และเข้าใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการประหยัดค่าใช้จ่ายหรือเรื่องกลัวผีก็ตาม จะนอนเตียงเดียวกันหรือคนละเตียง หรือภรรยานอนบนเตียง น้องผู้ชายนอนพื้น ผมรับได้และเข้าใจมาโดยตลอดและมั่นใจในตัวภรรยาตัวเองมาทุกครั้ง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกินจะรับได้ เมื่อภรรยาได้พารุ่นน้องร่วมงานคนนั้นมาอยู่ที่บ้านเนื่องด้วยต้องมาช่วยงานของเธอเอง แต่เรื่องมาอยู่เข้าใจและรับได้แต่เรื่องพฤติกรรม ยากที่จะรับได้
เรื่องรุ่นน้องมาอยู่บ้านนี่ ผมถูกทุกคนปิดบังมาตลอดระยะเวลา 3 ปี (ลูกถูกเธอบอกให้โกหกผมด้วยถ้าผมถามอะไรเกี่ยวกับน้องคนนี้) เนื่องจากเวลาผมกลับไปหาเธอและลูก เธอจะให้ผมไปอยู่บ้านแม่ยาย โดยผมก็ไม่เคยคิดระแวงหรือสงสัยอะไรเลย ถึงแม้ว่าเธอจะทิ้งให้ผมนอนอยู่ที่บ้านแม่ยายคนเดียว แล้วเธอไปนอนบ้านนั้น โดยให้เหตุผลว่าไปทำความสะอาดบ้านทั้งวันแล้วเหนื่อยเลยกลับมาบ้านแม่ไม่ไหว ทั้งๆที่ระยะทางไม่เกิน 500 เมตรเอง (มารู้ภายหลังว่า รุ่นน้องคนนั้นอยู่บ้านเธอกลับไปนอนเพราะน้องคนนั้นอยู่)
จนมาถึงวันที่ผมได้ไปเห็นบ้านของผมที่ผมเป็นคนผ่อนอยู่ทุกเดือนๆ (ไปด้วยความบังเอิญเพราะร้านอาหารที่จะไปซื้อมันอยู่แถวนั้นพอดี) สภาพของบ้านเปลี่ยนไปมาก มีการต่อเติมทำบ่อน้ำ บ่อนู้นนี้นั้นเต็มไปหมด และซื้อสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลมาเลี้ยงตัวใหญ่มากเลี้ยงมาเป็นปี ผมเข้าไปเจอทีแรกมันเดินมาหายังต้องยืนนิ่งๆ กลัวมันจะกัด เธอให้เหตุผลกับผมเรื่องบ้านว่าจะ surprise เลยไม่บอก
เรื่องสุนัขเธอบอกว่า รุ่นน้องคนนั้นให้มา เขามีฟาร์ม (มารู้ภายหลังว่า รุ่นน้องคนนั้นแนะนำให้เธอทำบ่อเลี้ยงกบ ต่อเติมบ้านทุกอย่างและสุนัขตัวนั้นก็ไปซื้อมาไม่ได้มีฟาร์ม เพราะสุนัขตัวเก่าที่บ้านองน้องเขาตายและเขาได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วจึงไปซื้อมาเลี้ยงใหม่ แถมยังขับรถไปรับสุนัขถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชกัน 2 คน) โดยเรื่องสุนัขผมเตือนเธอว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกและแม่อย่ามาเสียใจทีหลัง และเธอก็ได้ให้รุ่นน้องคนนั้นเอากลับไปแล้วแต่ก็หลายเดือนกว่าจะดำเนินการ
รุ่นน้องคนนี้ยังได้ถ่ายรูป selfie บ้านผมและสวนผลไม้ของผมไปลงใน facebook ตัวเองว่า เป็นของเขาเอง นี่บ้านเขาเอง สวนเขาเองกำลังจะทำนั้นทำนี่ ให้เพื่อนในเฟซตัวเองมาอวย เพื่อนเขาทุกคนต่างคิดว่าเขาได้เมียรวย ได้ดิบได้ดี ในคอมเม้นมีญาติๆ มาถามเมื่อไรจะได้เลี้ยงลูก โทรศัพท์ตกพื้นพัง เพื่อนบอกให้เมียซื้อให้ (แล้วก็ซื้อจริงๆแต่เป็นเครื่องมือสอง แต่เธอโกหกผมว่าซื้อมาใช้งาน) แถมยังมาไหว้พระบรมศพในหลวง ร.9 กัน 2 คน โดยที่ไม่มีการโทรบอกผม ไม่ชวนผมทั้งๆที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปในตอนนั้น ทุกเรื่องราวที่เธอโกหก ความจริงมันไปอยู่ในเฟซน้องคนนั้นหมด เหลืออย่างเดียวคือ เขาระวังไม่ให้มีรูปคู่หลุดออกมา แต่ก็รับรู้ได้ว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน 24 ชม. เป็นเวลา 3 ปี
แล้วที่ร้ายไปกว่านั้นคือเคยนอนห้องเดียวกัน บนเตียงเดียวกันในบ้านของผมเตียงของผม ใต้ผ้าห่มเดียวกันรึป่าวไม่แน่ใจ เรื่องนี้ผมมาทราบทีหลังเพราะลูกเริ่มโตและเริ่มรับรู้อะไรได้มากขึ้น จึงเกิดคำถามในใจแล้วมาถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนผมได้รับรู้ว่า เคยนอนบนเตียงด้วยกัน ในบางครั้งลูกก็นอนตรงกลางบ้างนอนบนพื้นบ้าง แต่เธอและน้องคนนั้นจะนอนบนเตียงทุกครั้ง โดยการมานอน เธอจะให้เหตุผลกับลูกแตกต่างกันไป แต่ระยะหลังไม่มีแล้วจะมีมานอนในช่วงแรกๆ และยังให้น้องคนนั้นทำโทษลูกผมด้วยการตีด้วยไม้แขวนเสื้อ
โดยเธอบอกว่าก็ลูกดื้อทำผิดแต่เธอไม่อยากตี แต่กลับให้คนอื่นมาตีลูกแทน จนในตอนนี้กลายเป็นว่าลูกผมกลัวน้องคนนั้น เกรงใจเขาไปแล้ว กลายเป็นมามีอิทธิพลกับลูกผม เวลาผมโทรไปคุยกับลูก ถ้าน้องคนนั้นอยู่ ลูกจะเงียบไม่กล้าคุยกับผม ผมรับรู้ได้ ก็ได้แต่บอกว่าโอเคพ่อเข้าใจ
ในตอนนี้ผมเริ่มสับสนในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ เพราะหน้าฉากหน้าจะเป็นคนแสดงออกซึ่งเป็นคน มีศีลมีธรรม ใจบุญมีเมตตา ช่วยเหลือผู้คนมากมาย เธอบอกให้ผมเชื่อใจเธอ และผมก็เชื่อใจมาโดยตลอด แต่พอมาเจอกับเรื่องราวโกหกแบบนี้ ทำให้ผมลังเลและสับสนมาก จะเลิกก็สงสารลูก เคยเกริ่นๆกับลูก แต่ลูกก็ร้องไห้แล้วบอกว่าไม่อยากให้เลิกกัน ทุกวันนี้จึงอดทนเพื่อลูก
แค่อยากระบาย.....
ขอบคุณครับ
หมายเหตุ
เข้ามาแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องราวบ่างส่วนครับ