สวัสดีค่ะ วันนี้แก้วกลับมาเขียนบทความอีกหนึ่งเรื่องค่ะ ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องของหนึ่งในน้ำมันที่เป็นที่นิยมมาก นั่นก็คือ “น้ำมันโรสฮิป (Rosehips) ค่ะ
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างตามร้านสกินแคร์ ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาหารเสริม หรือแม้แต่ในเวบไซต์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงนางแบบ หรือดาราฮอลลีวู้ด ที่นิยมใช้น้ำมันโรสฮิปเป็นตัวบำรุงผิวหน้าผิวตัวกันค่ะ
และแก้วก็เชื่อว่าความโด่งดังของน้ำมันโรสฮิปนั้น ทำให้เพื่อนๆหลายคนเกิดความสงสัยว่า น้ำมันโรสฮิปมีดีอะไร และควรลองหยิบมาใช้ดูบ้างดีมั้ยน้า
ซึ่งส่วนตัวแก้ว แก้วได้ทดลองใช้น้ำมันโรสฮิปมานาน(มาก) และเป็นอีกหนึ่งในน้ำมันลูกรักของแก้วไปแล้ว เพราะมันช่วยกู้หน้าแก้วกลับมาหลายรอบมากกก แก้วก็เลยสนใจ และอยากทำการรวบรวมข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่าแก้วตั้งใจทำมาแชร์เอง ทดลองใช้เอง ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับแบรนด์ใดค่ะ
และนี่คือข้อมูลน้ำมันโรสฮิปแบบย่อๆที่แก้วทำมาให้เพื่อนๆลองอ่านกันดูค่ะ
เริ่มต้นจาก การมาทำความรู้จักกันก่อนว่าโรสฮิป (Rose hips) คืออะไร บั้นท้ายดอกกุหลาบหรอ อะไรอ่ะ งง อ่านผิดมั้ยเนียะ
อ่านถูกแล้วค่ะ R-O-S-E H-I-P-S
น้ำมันโรสฮิป เป็นน้ำมันที่ถูกสกัดมาจากผลของโรสฮิป ซึ่งอยู่ในสปีชีย์ Rosa แต่ไม่ใช่ดอกกุหลาบนะคะ (อย่าสับสน) ถูกนำมาใช้รักษาโรคต่างๆตั้งแต่สมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคตับ หรืออาการท้องเสีย เพราะเนื่องมาจากโรสฮิปมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ให้ความชุ่มชื้นดี และสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ ปัจจุบันนี้จึงมีการศึกษาค้นคว้า และนำสรรพคุณที่มีในตัวโรสฮิปดังกล่าวมาใช้ในการบำรุงผิวมากขึ้นค่ะ และนี่คือสรรพคุณหลักๆที่แก้วรวบรวมสรุปมาค่ะ
มาเป็นน้ำมันแบบนี้ ต้องให้ความชุ่มชื้นแน่นอนเลยใช่ม้า
ใช่ค่ะ น้ำมันโรสฮิปให้ความชุ่มชื้นกับผิวของเราดีมากกก
น้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่มีเนื้อสัมผัสเบา สามารถซึมลงสู่ผิวเราได้เร็ว และไม่หนักหน้าค่ะ เพราะเนื่องจากมีกรดไขมันที่มีโมเลกุลไม่ใหญ่
โดยกรดไขมันหลักๆในน้ำมันโรสฮิปนั้น จะเป็น Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ค่ะ ซึ่งกรดไขมัน 2 ตัวนี้ เป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในผิวชั้นบน (epidermis) ของเราอีกด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น กรดไขมัน 2 ชนิดนี้ จะทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว(skin barrier) ขอเรา ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ช่วยลดปัญหาสิว หรือผิวอักเสบจากการแพ้ได้ และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ดังนั้นการที่เราเติมกรดไขมัน 2 ตัวนี้สู่ผิวของเรา จึงเท่ากับเป็นการเสริมฤทธิ์ให้กรดไขมันสามารถทำหน้าที่ของมันได้มากขึ้น นั่นก็คือเสริมโครงสร้างผิว(skin barrier)ให้แข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ
และนอกเหนือไปจากกรดไขมัน 2 ตัวนี้แล้วนั้น น้ำมันโรสฮิปยังมี Vitamin E มาช่วยเสริมให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
ดังนั้น ใครที่หน้าแห้ง หรือหน้ามันเพราะเกิดจากการที่ผิวขาดน้ำ อยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือดื่มน้ำน้อยมาก การทาน้ำมันโรสฮิปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกู้ผิวเราให้กลับคืนสู่สมดุลได้ โดยไม่ทำให้เรากลายเป็นคนหน้ามันค่ะ ขอรับรอง
เพราะการลงน้ำมันโรสฮิปที่ผิว จะเป็นการทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ ทำให้ผิวลดการสร้างไขมันออกมาเคลือบหน้าค่ะ ดังนั้นความมันส่วนเกินจะไม่ถูกสร้างขึ้นค่ะ ใครกลัวจะกลายเป็นคนหน้ามัน สบายใจได้ค่ะ
แก้วทดลองใช้ก่อนนอน ตื่นขึ้นมา หน้าจะนิ่มมาก ดูสุขภาพดีขึ้นและดูเต่งตึงมากขึ้นอีกด้วยค่ะ วะวะว้าว
ถือว่าเป็นสรรพคุณที่โดดเด่นมากกก ของน้ำมันโรสฮิป เพราะสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีมาก
แต่ช้าก่อนค่ะ! ก่อนที่เราจะพูดถึงโรสฮิป และฤทธิ์ชะลอริ้วรอยนั้น เราต้องมาเข้าใจกันก่อน ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราเกิดริ้วรอยกัน
เพราะเราแก่ขึ้น? -- แหงล่ะ -- กาลเวลาเป็นปัจจัยที่ทำให้เราแก่ขึ้น มีริ้วรอยเพิ่มมาตามมุมปาก กับหน้าผาก อยู่แล้วล่ะ
-- แต่นอกจากนั้นล่ะ ? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีริ้วรอยเกิดขึ้นเร็วสุดๆ?
รังสี UV นั่นเองค่ะ !
มลพิษนั่นเองค่ะ !
ใช่เลยค่ะ เป็นอะไรที่เราเจออยู่ทุกวันใช่มั้ยคะ !
อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าทุกวันนี้นั้น เรากำลังเผชิญกับสภาวะโลกร้อน ออกจากห้องทีเดียว รู้เรื่องเลย มาครบทั้งรังสี UV ทั้งมลพิษ จบวันนึง มาส่องกระจกดูอีกที อ่าวเฮ้ย ! ผิวหมอง พอผ่านไปสักเดือนนึง อ่าวเฮ้ย! ตีนกา พอผ่านไปสักปีนึง อ่าวเฮ้ย! ทีมตีนกา
ค่ะ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ
รังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบุกทำลายโครงสร้างผิวของเราได้ลึกถึงผิวชั้นใน ที่มีทั้งคอลลาเจน(Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ทำให้โครงสร้างของผิวเสียหาย ขาดตัวเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงเต่งตึง และยืดหยุ่น เปรียบเสมือนตึกที่ถล่มลงมาเพราะเสาค้ำจุนถูกทุบทำลาย
และเมื่อทุกอย่างพังลงมาเป็นกองซากปรักหักพังแล้ว เมื่อนั้นแหละค่ะ การอักเสบของผิว อนุมูลอิสระ ก็จะตามมา แล้วในที่สุด ตีนกา และรอยเหี่ยวย่นทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น เพราะไม่มีคอลลาเจน และอีลาสติน มาทำหน้าที่เสริมผิวให้ดูแข็งแรงยืดหยุ่นเต่งตึงอีกแล้ว และมีการอักเสบกับสารอนูมลอิสระมาทำลายผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การที่จะป้องกัน และชะลอ ให้ผิวไม่เกิดริ้วรอย จึงต้องป้องกันไม่ให้คอลลาเจนกับอีลาสตินถูกทำลาย ต้องป้องกันไม่ผิวจากการถูกรังสี UV ทำลาย ต้องต้านอนุมูลอิสระ และต้องช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นต่อผิวได้
และมันเด็ดตรงที่น้ำมันโรสฮิปสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ทุกข้อค่ะ
น้ำมันโรสฮิปมีสรรพคุณสามารถต้านอนุมูลอิสระได้สูง เนื่องจากมีสารจำพวก polyphenols อยู่มาก ดังนั้น เมื่อผิวถูกรังสีUVทำลาย และเกิดสารอนุมูลอิสระขึ้น น้ำมันโรสฮิปจึงสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาทำลายเซลล์ผิวได้ คอลลาเจนและอีลาสตินจึงไม่ถูกทำลาย และสามารถค้ำจุนผิวให้แข็งแรงต่อไปได้ ไม่เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น
นอกจากนี้ กรดไขมัน 2 ชนิดที่พบมากในน้ำมันโรสฮิป อย่าง Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น นอกจากให้ความชุ่มชื้นกับผิวแล้ว ยังสามารถต้านการอักเสบให้กับผิวได้อีกด้วย เพราะเนื่องจากว่ากรดไขมันทั้งสองสามารถเพิ่มสารที่มีชื่อว่า Eicosanoids ได้ค่ะ
ซึ่ง Eicosanoids ตัวนี้นี่เอง จะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไม่ให้เกิดกระบวนการอักเสบ จึงสามารถช่วยให้ผิวไม่อักเสบหลังจากถูกรังสีUV ลดปัจจัยกระตุ้นไม่ให้ผิวอักเสบ เสียหายเกิดเป็นริ้วรอยได้ค่ะ
และนอกเหนือจากนี้ ยังพบว่าน้ำมันโรสฮิปมี Vitamin A และ Vitamin C อีกด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นตัวสำคัญในการชะลอริ้วรอยมากกก เพราะทั้ง Vitamin A และ Vitamin C สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้ค่ะ
ดังนั้นแล้ว การที่บำรุงผิวด้วยน้ำมันโรสฮิปที่มีฤทธิ์ป้องกันผิวเสียหายจากรังสีUV ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงเป็นการบำรุงให้ผิวแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์ และลดริ้วรอยเกิดขึ้นได้ดีมากค่ะ
ซึ่งแน่นอนว่าไม่เห็นผลภายในวันสองวันค่ะ แต่หลังจากใช้ไปประมาณหนึ่งเดือน จะเริ่มเห็นผลว่าริ้วรอยดูลดลงจริงๆ และผิวดูกระชับเต่งตึงมากค่ะ
ใครที่คิดว่าตัวเองยังอายุไม่เยอะ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบำรุงริ้วรอยก่อนวัย -- ลองคิดดูใหม่ค่ะ-- และใครที่อยากลองตัวบำรุงริ้วรอย แก้วแนะนำน้ำมันโรสฮิปเลยค่ะ ได้ผลจริง
มาถึงปัญหาโลกแตกของผิว
รอยดำ!!!
ถ้าพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ “รอยดำสิวววว” -- ใช่มั้ยคะ
ดูเหมือนรอยดำจะเป็นปัญหาสำหรับคนทุกคน โดยเฉพาะหลังเป็นสิวอักเสบ หรือเป็นแผลมาก่อน เพราะเราทุกคนเรียนรู้จากความเจ็บปวดมาแล้ว ว่ารอยดำที่เกิดขึ้นนั้น จะใช้เวลานานมากกก กว่าจะหายไป -- บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันจะอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ
สาเหตุที่รอยดำเกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะหลังจากที่มีกระบวนการอักเสบเกิดขึ้นแล้ว จะมีการกระตุ้นการทำงานเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin)ตามไปด้วย จึงทำให้เม็ดสีถูกสร้างขึ้น เกิดเป็นรอยดำขึ้นมา และกว่ารอยดำนั้นจะหายไป ก็ใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะกว่าเซลล์ผิวจะผลัดทิ้งรอยดำไปได้ ก็ใช้เวลาประมาณ 28 วันเข้าไปแล้ว
แต่ทุกวันนี้มีการศึกษาที่ค้นพบวิธีอื่นที่สามารถลดรอยดำได้ และหนึ่งในนั้นก็คือการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดเมลานิน เมื่อถูกยับยั้งแล้ว เม็ดสีก็จะไม่ถูกสร้างขึ้น รอยดำก็จะไม่เกิดขึ้นค่ะ
และน้ำมันโรสฮิป ก็มีสารสำคัญชื่อ Quercetin ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ตัวนี้ได้ ทำให้รอยดำที่เกิดจากสิว หรือแผล สามารถจางหายไปได้เร็วขึ้น หรือป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำหลังเป็นแผลอักเสบได้ค่ะ
ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน เป็นเดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้วทดลองใช้มาเป็นเดือนๆ รอยดำและรอยแดงจางหายไปได้เร็วขึ้นจริงๆค่ะ
❤ ROSEHIP OIL : เหตุผลว่าทำไมถึงควรลองใช้น้ำมันโรสฮิป! : มันคืออะไร และมีดีอะไร ! ❤
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างตามร้านสกินแคร์ ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาหารเสริม หรือแม้แต่ในเวบไซต์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงนางแบบ หรือดาราฮอลลีวู้ด ที่นิยมใช้น้ำมันโรสฮิปเป็นตัวบำรุงผิวหน้าผิวตัวกันค่ะ
และแก้วก็เชื่อว่าความโด่งดังของน้ำมันโรสฮิปนั้น ทำให้เพื่อนๆหลายคนเกิดความสงสัยว่า น้ำมันโรสฮิปมีดีอะไร และควรลองหยิบมาใช้ดูบ้างดีมั้ยน้า
ซึ่งส่วนตัวแก้ว แก้วได้ทดลองใช้น้ำมันโรสฮิปมานาน(มาก) และเป็นอีกหนึ่งในน้ำมันลูกรักของแก้วไปแล้ว เพราะมันช่วยกู้หน้าแก้วกลับมาหลายรอบมากกก แก้วก็เลยสนใจ และอยากทำการรวบรวมข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่าแก้วตั้งใจทำมาแชร์เอง ทดลองใช้เอง ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับแบรนด์ใดค่ะ
และนี่คือข้อมูลน้ำมันโรสฮิปแบบย่อๆที่แก้วทำมาให้เพื่อนๆลองอ่านกันดูค่ะ
เริ่มต้นจาก การมาทำความรู้จักกันก่อนว่าโรสฮิป (Rose hips) คืออะไร บั้นท้ายดอกกุหลาบหรอ อะไรอ่ะ งง อ่านผิดมั้ยเนียะ
อ่านถูกแล้วค่ะ R-O-S-E H-I-P-S
น้ำมันโรสฮิป เป็นน้ำมันที่ถูกสกัดมาจากผลของโรสฮิป ซึ่งอยู่ในสปีชีย์ Rosa แต่ไม่ใช่ดอกกุหลาบนะคะ (อย่าสับสน) ถูกนำมาใช้รักษาโรคต่างๆตั้งแต่สมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคตับ หรืออาการท้องเสีย เพราะเนื่องมาจากโรสฮิปมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ให้ความชุ่มชื้นดี และสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ ปัจจุบันนี้จึงมีการศึกษาค้นคว้า และนำสรรพคุณที่มีในตัวโรสฮิปดังกล่าวมาใช้ในการบำรุงผิวมากขึ้นค่ะ และนี่คือสรรพคุณหลักๆที่แก้วรวบรวมสรุปมาค่ะ
มาเป็นน้ำมันแบบนี้ ต้องให้ความชุ่มชื้นแน่นอนเลยใช่ม้า
ใช่ค่ะ น้ำมันโรสฮิปให้ความชุ่มชื้นกับผิวของเราดีมากกก
น้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่มีเนื้อสัมผัสเบา สามารถซึมลงสู่ผิวเราได้เร็ว และไม่หนักหน้าค่ะ เพราะเนื่องจากมีกรดไขมันที่มีโมเลกุลไม่ใหญ่
โดยกรดไขมันหลักๆในน้ำมันโรสฮิปนั้น จะเป็น Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ค่ะ ซึ่งกรดไขมัน 2 ตัวนี้ เป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในผิวชั้นบน (epidermis) ของเราอีกด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น กรดไขมัน 2 ชนิดนี้ จะทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว(skin barrier) ขอเรา ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ช่วยลดปัญหาสิว หรือผิวอักเสบจากการแพ้ได้ และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ดังนั้นการที่เราเติมกรดไขมัน 2 ตัวนี้สู่ผิวของเรา จึงเท่ากับเป็นการเสริมฤทธิ์ให้กรดไขมันสามารถทำหน้าที่ของมันได้มากขึ้น นั่นก็คือเสริมโครงสร้างผิว(skin barrier)ให้แข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ
และนอกเหนือไปจากกรดไขมัน 2 ตัวนี้แล้วนั้น น้ำมันโรสฮิปยังมี Vitamin E มาช่วยเสริมให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
ดังนั้น ใครที่หน้าแห้ง หรือหน้ามันเพราะเกิดจากการที่ผิวขาดน้ำ อยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือดื่มน้ำน้อยมาก การทาน้ำมันโรสฮิปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกู้ผิวเราให้กลับคืนสู่สมดุลได้ โดยไม่ทำให้เรากลายเป็นคนหน้ามันค่ะ ขอรับรอง
เพราะการลงน้ำมันโรสฮิปที่ผิว จะเป็นการทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ ทำให้ผิวลดการสร้างไขมันออกมาเคลือบหน้าค่ะ ดังนั้นความมันส่วนเกินจะไม่ถูกสร้างขึ้นค่ะ ใครกลัวจะกลายเป็นคนหน้ามัน สบายใจได้ค่ะ
แก้วทดลองใช้ก่อนนอน ตื่นขึ้นมา หน้าจะนิ่มมาก ดูสุขภาพดีขึ้นและดูเต่งตึงมากขึ้นอีกด้วยค่ะ วะวะว้าว
ถือว่าเป็นสรรพคุณที่โดดเด่นมากกก ของน้ำมันโรสฮิป เพราะสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีมาก
แต่ช้าก่อนค่ะ! ก่อนที่เราจะพูดถึงโรสฮิป และฤทธิ์ชะลอริ้วรอยนั้น เราต้องมาเข้าใจกันก่อน ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราเกิดริ้วรอยกัน
เพราะเราแก่ขึ้น? -- แหงล่ะ -- กาลเวลาเป็นปัจจัยที่ทำให้เราแก่ขึ้น มีริ้วรอยเพิ่มมาตามมุมปาก กับหน้าผาก อยู่แล้วล่ะ
-- แต่นอกจากนั้นล่ะ ? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีริ้วรอยเกิดขึ้นเร็วสุดๆ?
รังสี UV นั่นเองค่ะ !
มลพิษนั่นเองค่ะ !
ใช่เลยค่ะ เป็นอะไรที่เราเจออยู่ทุกวันใช่มั้ยคะ !
อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าทุกวันนี้นั้น เรากำลังเผชิญกับสภาวะโลกร้อน ออกจากห้องทีเดียว รู้เรื่องเลย มาครบทั้งรังสี UV ทั้งมลพิษ จบวันนึง มาส่องกระจกดูอีกที อ่าวเฮ้ย ! ผิวหมอง พอผ่านไปสักเดือนนึง อ่าวเฮ้ย! ตีนกา พอผ่านไปสักปีนึง อ่าวเฮ้ย! ทีมตีนกา
ค่ะ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ
รังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบุกทำลายโครงสร้างผิวของเราได้ลึกถึงผิวชั้นใน ที่มีทั้งคอลลาเจน(Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ทำให้โครงสร้างของผิวเสียหาย ขาดตัวเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงเต่งตึง และยืดหยุ่น เปรียบเสมือนตึกที่ถล่มลงมาเพราะเสาค้ำจุนถูกทุบทำลาย
และเมื่อทุกอย่างพังลงมาเป็นกองซากปรักหักพังแล้ว เมื่อนั้นแหละค่ะ การอักเสบของผิว อนุมูลอิสระ ก็จะตามมา แล้วในที่สุด ตีนกา และรอยเหี่ยวย่นทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น เพราะไม่มีคอลลาเจน และอีลาสติน มาทำหน้าที่เสริมผิวให้ดูแข็งแรงยืดหยุ่นเต่งตึงอีกแล้ว และมีการอักเสบกับสารอนูมลอิสระมาทำลายผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การที่จะป้องกัน และชะลอ ให้ผิวไม่เกิดริ้วรอย จึงต้องป้องกันไม่ให้คอลลาเจนกับอีลาสตินถูกทำลาย ต้องป้องกันไม่ผิวจากการถูกรังสี UV ทำลาย ต้องต้านอนุมูลอิสระ และต้องช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นต่อผิวได้
และมันเด็ดตรงที่น้ำมันโรสฮิปสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ทุกข้อค่ะ
น้ำมันโรสฮิปมีสรรพคุณสามารถต้านอนุมูลอิสระได้สูง เนื่องจากมีสารจำพวก polyphenols อยู่มาก ดังนั้น เมื่อผิวถูกรังสีUVทำลาย และเกิดสารอนุมูลอิสระขึ้น น้ำมันโรสฮิปจึงสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาทำลายเซลล์ผิวได้ คอลลาเจนและอีลาสตินจึงไม่ถูกทำลาย และสามารถค้ำจุนผิวให้แข็งแรงต่อไปได้ ไม่เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น
นอกจากนี้ กรดไขมัน 2 ชนิดที่พบมากในน้ำมันโรสฮิป อย่าง Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น นอกจากให้ความชุ่มชื้นกับผิวแล้ว ยังสามารถต้านการอักเสบให้กับผิวได้อีกด้วย เพราะเนื่องจากว่ากรดไขมันทั้งสองสามารถเพิ่มสารที่มีชื่อว่า Eicosanoids ได้ค่ะ
ซึ่ง Eicosanoids ตัวนี้นี่เอง จะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไม่ให้เกิดกระบวนการอักเสบ จึงสามารถช่วยให้ผิวไม่อักเสบหลังจากถูกรังสีUV ลดปัจจัยกระตุ้นไม่ให้ผิวอักเสบ เสียหายเกิดเป็นริ้วรอยได้ค่ะ
และนอกเหนือจากนี้ ยังพบว่าน้ำมันโรสฮิปมี Vitamin A และ Vitamin C อีกด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นตัวสำคัญในการชะลอริ้วรอยมากกก เพราะทั้ง Vitamin A และ Vitamin C สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้ค่ะ
ดังนั้นแล้ว การที่บำรุงผิวด้วยน้ำมันโรสฮิปที่มีฤทธิ์ป้องกันผิวเสียหายจากรังสีUV ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงเป็นการบำรุงให้ผิวแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์ และลดริ้วรอยเกิดขึ้นได้ดีมากค่ะ
ซึ่งแน่นอนว่าไม่เห็นผลภายในวันสองวันค่ะ แต่หลังจากใช้ไปประมาณหนึ่งเดือน จะเริ่มเห็นผลว่าริ้วรอยดูลดลงจริงๆ และผิวดูกระชับเต่งตึงมากค่ะ
ใครที่คิดว่าตัวเองยังอายุไม่เยอะ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบำรุงริ้วรอยก่อนวัย -- ลองคิดดูใหม่ค่ะ-- และใครที่อยากลองตัวบำรุงริ้วรอย แก้วแนะนำน้ำมันโรสฮิปเลยค่ะ ได้ผลจริง
มาถึงปัญหาโลกแตกของผิว
รอยดำ!!!
ถ้าพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ “รอยดำสิวววว” -- ใช่มั้ยคะ
ดูเหมือนรอยดำจะเป็นปัญหาสำหรับคนทุกคน โดยเฉพาะหลังเป็นสิวอักเสบ หรือเป็นแผลมาก่อน เพราะเราทุกคนเรียนรู้จากความเจ็บปวดมาแล้ว ว่ารอยดำที่เกิดขึ้นนั้น จะใช้เวลานานมากกก กว่าจะหายไป -- บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันจะอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ
สาเหตุที่รอยดำเกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะหลังจากที่มีกระบวนการอักเสบเกิดขึ้นแล้ว จะมีการกระตุ้นการทำงานเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin)ตามไปด้วย จึงทำให้เม็ดสีถูกสร้างขึ้น เกิดเป็นรอยดำขึ้นมา และกว่ารอยดำนั้นจะหายไป ก็ใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะกว่าเซลล์ผิวจะผลัดทิ้งรอยดำไปได้ ก็ใช้เวลาประมาณ 28 วันเข้าไปแล้ว
แต่ทุกวันนี้มีการศึกษาที่ค้นพบวิธีอื่นที่สามารถลดรอยดำได้ และหนึ่งในนั้นก็คือการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดเมลานิน เมื่อถูกยับยั้งแล้ว เม็ดสีก็จะไม่ถูกสร้างขึ้น รอยดำก็จะไม่เกิดขึ้นค่ะ
และน้ำมันโรสฮิป ก็มีสารสำคัญชื่อ Quercetin ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ตัวนี้ได้ ทำให้รอยดำที่เกิดจากสิว หรือแผล สามารถจางหายไปได้เร็วขึ้น หรือป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำหลังเป็นแผลอักเสบได้ค่ะ
ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน เป็นเดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้วทดลองใช้มาเป็นเดือนๆ รอยดำและรอยแดงจางหายไปได้เร็วขึ้นจริงๆค่ะ