สวัสดีเทศกาลลอยกระทงค่ะ ในวันที่อากาศเย็นเป็นใจ
ขอให้คืนนี้ใครที่มีคุ่ก็ออกไปลอยกระทง หรือเดินเล่นชิลๆ เก็บเกี่ยวบรรยากาศเย็นๆที่ยากจะมาให้สัมผัสกันนะคะ
ใครที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมว จะออกไปข้างนอกก็ปิดรั้วให้ดีๆ เดี๋ยวนายท่านทั้งหลายจะตกใจเสียงประทัดเตลิดหนีหายออกจากบ้านกันไปซะหมด
แต่เอาเข้าจริงๆ อยู่บ้านเป็นเพื่อนหมา เป็นเพื่อนแมว อ่านกระทู้นี้ไปพลางๆก็ได้นะจ๊ะ ตั้งใจทำมาให้
เมื่อ 2 ปีก่อนเราได้เขียนกระทู้เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึงในประวัติศาสตรของวงการดาราศาสตร์เอาไว้
ใครใคร่อ่านก็เข้าไปอ่านตรงนี้เน๊าะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาว่าด้วยอะไรหลายๆอย่าง โดยรวมๆแต่ดีเทลสองกระทู้จะเพิ่มเติมกันนิดหน่อยค่ะ
https://ppantip.com/topic/34399153
ใช่ค่ะ วันนี้เมื่อ 60 ปีก่อน หมาน้อยตัวนึงได้เสียสละเพื่อวิทยาศาสตร์
"ไลก้า หมาอวกาศตัวแรก"
วันนี้ก็จะยกมาเล่าซ้ำเรียบเรียงใหม่ซะหน่อย ขอแยกเป็นกระทู้ใหม่ว่า
" 10 Facts ของไลก้า"
10 - ไลก้าเป็นหมาข้างถนน
ก่อนจะเข้าโปรเจคนี้ ไลก้าเป็นเพียงหมาพันธุ์ผสมเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนในมอสโก
ขณะที่อเมริกาคิดว่าใช้ลิงน่าจะดีกว่า แต่โซเวียตกลับิคดว่า หมาเนี้ยแหละ ฝึกง่ายกว่าเย้อ
จึงไม่ใช่แค่ไลก้าตัวเดียวที่ถูกพามาเข้าโครงการ โซเวียตจึงมีทีมค้นหาเพชรข้างถนนมาฝึก
โซเวียตคิดว่าลำพังอยู่ข้างถนนในมอสโกก็ลำบากจะแย่ มีชีวิตรอดมาได้ขนาดนี้คงไม่ธรรมดาแล้วหละ
ความลำบากเนี้ยแหละจะทำให้แกร่งพอจะเอามาฝึกโหดๆ และทนต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายในอวกาศไหว
ไลก้าไม่ใช่หมาตัวแรกที่โซเวียตจับล่ามไว้ในกระสวย
ก่อนหน้านี้มี "อัลไบน่า" ซึ่งเคยถูกส่งออกไปโคจรได้แค่ครึ่งทางและกลับมาได้ อัลไบน่าถูกเลือกให้เป็น Back up Plan
จริงๆแล้วมีหมาที่เกือบจะมาทำหน้าที่นี้แทนไลก้าอีกตัวชื่อ มุชก้า
แต่มุชก้าไม่สามารถทนต่อความกดดันจากการฝึกได้จนไม่ยอมกินอาหาร
หน้าที่นี้จึงเป็นไลก้ารับไป
9-โซเวียตรู้ว่ายังไงไลก้าก็ต้องตาย
ต่างจากอัลไบน่า กระสวยของไลก้าถูกสร้างขึ้นมาเป็นแบบ "เที่ยวเดียว"
ตัวกระสวยไม่ได้ติดตังอุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆเพื่อให้กลับมาลงจอดบนพื้นโลกได้อย่างปลอดภัย
โซเวียตวางแผนให้ไลก้าโคจรอยู่นอกโลกซัก 2-3 วัน ก่อนจะให้กินยาพิษเพื่อจบภารกิจ
ภารกิจหายนะของไลก้าถูกประณามจากต่างชาติอย่างสหราชอาณาจักร มีการรณรงค์เพื่อจะยับยั้งภารกิจนี้
สื่อสิ่งพิมพ์อย่าง The daily mirrior พาดหัวข่าวว่า "หมาตัวนั้นต้องตาย และเราก็ช่วยมันไม่ได้"
องค์กรพิทักษ์สัตว์เชิญชวนให้ผู้คนโทรไปยังสถานทูตโซเวียตแล้วคอมเพลน หรือไม่ก็ถือสายไว้เงียบๆทุกวันตอน 11 โมงเป็นการประท้วง
แต่โซเวียตก็ยังตีมึนว่า นี่พวกเอ็งจะอะไรกันนักกันหนาว้า คนรัสเซียรักหมาจะตาย ((ดูปูตินอุ้มหมาจากผู้นำเติร์กสิ!!))
ภาพด้านบนเป็นภาพของเบลก้าและสเตลก้าค่ะ หารูปที่เป็นวันของไลก้าไม่เจอเจอแต่ลิ้งข่าวเรื่องนี้
โซเวียตกล่าวว่า "นี่เป็นสิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ ไม่ใช่เพื่อทารุณกรรม"
แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นไลก้าที่ต้องทำภารกิจนี้ บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าจริงๆมันต้องเป็นอัลไบน่าที่ต้องรับหน้าที่นี้
"เหย แก....ชั้นก็โดนส่งไปรอบนึง แล้วอุส่ารอดตายกลับมาแล้วปะว๊ะ" - อัลไบน่าไม่ได้กล่าว
ก็นั่นแหละนะ รอดตายมาแล้วรอบนึง ถือว่าทำหน้าที่แล้ว ก็เป็นตาไลก้าแล้วหละ
8- ....เพราะพวกเขารีบจนเกินไป
จริงๆไลก้าเกือบจะมีทางรอดอยู่แล้วเพราะตามแผนเดิมคือ ส่งไปแล้วก็ตั้งใจจะเอากลับมาโลก
โซเวียตโม้ไวว้า หูย...ไปกับกระสวยของเรา สบายแน่นอน! กลับบ้านปลอดภัยแน่จ่ะ ไม่ต้องห่วง!
แต่ทั้งหมดนั้นโดนยกเลิก เปลี่ยนแผนไปค่ะ เพราะ Khrushchev (อ่านว่าอะไร ใครสันทัด เขียนแนะนำการออกเสียงทีนะคะ ขอบคุณค่ะ)
Khrushchev มองว่าทริปของไลก้าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ และต้องการเร่งให้สปุตนิก 2 นั้นมีแผนการที่รวดเร็วเพอร์เฟคไว้โฆษณา
เพื่อเอามาตีข่าวครบรอบ 40 ปี การปฏิวัติสังคมนิยมแห่งเดือนตุลาคม
เขาจึงเร่งทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ให้สร้างกระสวยให้เสร็จเพื่อจะได้ทันปล่อยยานตามกำหนด
ส่วนที่ต้องติดตั้งเสริมเพื่อการกลับบ้านของไลก้าจึงต้องล้มพับไปอย่างน่าเสียดาย
ทีมนักวิทยาศาสตร์มีเวลาแค่ 4 อาทิตย์ที่จะสร้างกระสวยที่พอจะบรรจุสิ่งมีชีวิตไปยังวงโคจรได้
แต่ไม่มีเวลามากพอจะสร้างระบบเครื่องมือกลไกต่างๆในการกลับมาผิวโลก
Boris Cherto หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า "ระเบียบขั้นตอนการพัฒนาเทคโลโยีของกระสวยนี่ถูกโยนทิ้งไปเลย
กระสวยถูกสร้างทั้งๆที่ไม่มีดีไซน์เบื้อต้น หรือดีไซน์อะไรทั้งนั้น"
จะบอกว่า เอาทุกอย่างมาตีๆ ประกอบๆกันให้ส่งหมาออกไปนอกโลกได้ก็คือจบแล้วว่างั้น?
((โปรเจคจบป.ตรียังทำเป็นเดือนเลยนะเว้ย))
7-ไลก้าต้องอยู่ในกรงที่เล็กลงเรื่อยๆเป็นอาทิตย์
รูป : ชุดอวกาศสำหรับหมา
เนื่องจากสปุตนิก 2 ใหญ่กว่าเครื่องซักผ้านิดเดียว ลองนึกภาพเอาหมาใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้าสิ....
ไลก้าต้องถูกมัดไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนอยู่ที่จุดๆเดียว กลับตัว หรือพลิกตัวไม่ได้ ทำได้แค่นั่งกับนอนเท่านั้น
เพื่อให้ไลก้าพร้อมจะเจอกับสภาพแบบนี้ ไลก้าและหมาน้อยทั้งหลายจึงต้องฝึกอยู่ในกรง
ไลก้าต้องถูกขังกรงเพื่อให้คุ้นชินกับสภาวะกลัวที่แคบประมาณ 20 วัน
ถึงจะถูกปล่อยออกมา......แล้วไปอยู่กรงที่เล็กกว่าเดิม.....
เมื่อถูกขังเป็นเวลานานๆ หมาจะเริ่มมีอาการท้องผูก ไม่ขับถ่ายแม้จะให้กินเยอะขนาดไหนก็ตาม
นักวิทยาศาสตร์พบวิธีการแก้ปัญหานี้ว่า "ถ้าจับหมาขังไว้ให้นานๆ นานพอจะให้มันลืมว่ามันเคย
อยู่ที่ไหนมาก่อน จนรู้สึกว่า อือ...ต่อไปนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้แหละ"
สรุปง่ายๆ.... ขังจนต้องยอมรับชะตากรรม
6- นักวิทยาศาสตร์คนนึงพาไลก้ากลับไปบ้าน เล่นกับลูกๆของเขา
รูป : ดร. วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้ หัวหน้าทีมฝึกสุนัข
ช่วง 4 อาทิตย์ก่อนวันปล่อยกระสวย ดร. วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้ พาไลก้ากลับบ้าน
เขาใกล้ชิดกับไลก้ามากที่สุดในโปรเจคนี้ ยาซดอฟสกี้เป็นคนเลือกไลก้าเข้าโครงการ
ฝึกไลก้า และเป็นคนเลือกไลก้าให้ทำภารกิจนี้ด้วยตัวเอง
ยาซดอฟสกี้พาไลก้ากลับบ้านไปเล่นกับลูกๆของเขาช่วงเวลาสั้นๆที่เหลืออยู่บนโลก เพื่อให้ครั้งนึงในชีวิต
"ไลก้าจะได้สัมผัสความรู้สึกว่าเป็นหมามีครอบครัวที่รักมันเป็นยังไง"
ยาซดอฟสกี้กล่าวว่า "ผมอยากทำอะไรดีๆให้เธอ เวลาของเธอเหลือน้อยแล้ว"
วันรุ่งขึ้น ไลก้าจะต้องถูกพาขึ้นยานสปุตนิก 2 ส่งไปนอกโลกและไม่มีวันกลับมา ยาซดอฟสกี้และทีมพาไลก้าไปส่งและร่ำลา
หนึ่งในทีมกล่าวว่า "พอเราพาไลก้าขึ้นยาน เราจูบจมูกเธอและอวยพรให้เธอโชคดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะไม่รอด"
5 - ไลก้านั้นหวาดกลัว
ตามกำหนดการสปุตนิก 2 ต้องถูกปล่อยวันที่ 31 ตุลา มีปัญหาด้านอุปกรณืที่ต้องซ่อมแซม การปล่อยตัวจึงล่าช้าออกไป
ท่ามกลางอากาศเย็นเยียบ ไลก้าต้องแหง่กอยู่ในกระสวยแคบๆ ขยับตัวไม่ได้รออยู่อย่างนั้น
นักวิทยาศาสตร์พยายามดูแลไลก้าให้ดีที่สุด ต่อท่ออากาศอุ่นๆเข้าไปให่กระสวยเพื่อป้องกันไม่ให้ไลก้าหนาวตาย
ยาซดอฟสกี้สั่งให้ลูกทีมคอยจับตาดูไลก้าตลอดเวลา จนกระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายน สปุตนิก 2 ก็พุ่งออกจากผิวโลก
เมื่อยานพุ่งออกจากพื้นโลก ไลก้าตกใจอย่างมากจนอัตราการเต้นของหัวใจพุ่งขึ้นเป็นสามเท่า(เป็นอย่างน้อย)จากปกติ
เจ้าหมาน้อยน่าสงสารไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเจอกับสภาวะไร้น้ำหนัก ไลก้าเหมือนจะสงบลง
เป็นครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตจากบนโลกได้เข้าสู่ห้วงอวกาศที่แท้จริง หัวใจของไลก้าเต้นช้าลง เหมือนจะผ่อนคลายลงมาหน่อย
แต่หัวใจของไลก้าไม่กลับมาเต้นจังหวะเดิมเหมือนที่เคยอยู่บนโลกอีกเลย
4-ไลก้าตายอย่างน่าอนาถ
หลังจากภารกิจ 1 ปี โซเวียตออกมารายงานผลว่า ไลก้ารอดชีวิต 1 วันแรกหลังจากเข้าสู่วงโคจร
และล่องลอยอยู่อย่างนั้นอีกสองสามวัน และในวันสุดท้ายไลก้ากินอาหารผสมยาพิษที่เตรียมไว้เพื่อจบภารกิจ
แต่ความจริงนั้นถูกเปิดเผยเมื่อปี 2002 เมื่อนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งนามว่า Dimitri Malashenkov
ออกมาเปิดเผยชะตากรรมอันน่าเศร้าที่แท้จริงของไลก้าว่ามันตายหลังจากปล่อยกระสวยได้แค่ 7 ชม.
ประมาณช่วงที่โคจรรอบโลกรอบที่ 4 ...... ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณ
ระบบควบคุมอุณหภูมิของกระสวยที่สร้างขึ้นมาแบบลวกๆเพราะเร่งรีบเกิดทำงานผิดปกติ
ภายในกระสวยร้อนขึ้นจาก 40 องศาเซลเซียส พุ่งพรวดจนร้อนระอุอย่างสาหัสภายในเวลาสั้นๆ
ไลก้าที่เพิ่งสงบลงเล็กน้อยจากสภาวะไร้น้ำหนักจึงตื่นกลัวอีกครั้ง
ตอนอยู่บนโลกไลก้าจะมีครูฝึกคอยปลอบโยนเมื่อต้องเจอกับสภาวะที่กดดัน
แต่ตอนนั้น นักวิทยาศาสตร์ทำได้แค่ดูข้อมูลที่ถูกส่งมาว่า หัวใจของไลก้าเต้นแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้น
....จนกระทั่งไม่ได้รับสัญญาณชีพอีกแล้ว.....
3-ร่างของไลก้าแหลกสลาย
5 เดือนหลังจากนั้น 2,570 รอบวงโคจรรอบโลก กระสวยที่กลายเป็นโลงศพของไลก้าก็ตกลงสู่พื้นโลก
พุ่งผ่านฟากฟ้าขณะที่คนทั้งโลกเฝ้ามอง (ให้อเมริกันชนตกใจเล่นๆไปแว้บหนึ่ง)
ช่วงหลังเที่ยงคืนของคืนวันที่ 14 เมษายน 1958 มีการรายงานการพบเห็น UFO จากพยานที่น่าเชื่อถือหลายคน
จากบริเวณฝั่งตะวันออกของอเมริกา พยานให้การว่ามีวัตถุสีน้ำเงิน-ขาว สว่างๆเคลื่อนผ่านท้องฟ้าอย่างเร้วผิดปกติ
จากนั้นก้กลายเป็นสีแดงๆ มีสะเก็ดแตกตัวออกแยกจากชิ้นหลัก แล้วก็วาบหายไป
UFO ที่ว่าคือ สปุตนิก 2 ส่วนที่แตกแยกออกมาก็คือชิ้นส่วนประกอบของยานที่หลุดออกเป็นชิ้นๆขณะตกสู่พื้นโลก
ไลก้าและแคปซูลที่มันถูกบรรจุเสียดสีกับอากาศลุกไหม้ขณะร่วงลงสู่พื้น
ไม่มีเศษเสี้ยวใดของไลก้าได้กลับมาสัมผัสพื้นโลก
2-มุชก้าตายหลังจากนั้นไม่นาน
จำมุซก้าได้มั๊ย? มุซก้าถูกส่งขึ้นไปยังอวกาศหลังจากไลก้าไม่นาน โดยรอบของมุซก้าถูกส่งไปพร้อมกับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย
อย่างกินนีพิก หนูแรท หนูไมส์ แมลงหวี่และต้นไม้ เพื่อศึกษาผลของการแผ่รังสีอวกาศ (Cosmic Radiation)
ในขณะที่มุซก้ากำลังจะกลับสู่พื้นโลก ระบบจรวดที่ต้องทำให้กระสวยช้าลงตอนกลับเกิดทำงานผิดปกติ
มุซก้าจึงหลุดออกจากวิถีกระสุน และกำลังจะพุ่งเข้าโหม่งโลก ทางโซเวียตไม่รุ้ว่ามุซก้าจะไปตกลงตรงไหน
และเกิดกลัวว่าจะไปตกแถวๆอเมริกา
ตามบันทึกรายงานที่แถๆ โซเวียตกล่าวว่ายานของมุซก้าเกิดลุกไหม้ขณะกลับสู่โลก แต่ความจริงยานของมุซก้าระเบิด
เพราะโซเวียตกลัวว่าข้อมูลจะตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง นักวิทยาศาสตร์โซเวียตจึงตัดสินใจระเบิดยานทิ้ง ฆ่าทุกชีวิตทิ้งไป
1-เราไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขนาดนั้น
"ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เรายิ่งเสียใจมากเท่านั้น เราไม่น่าทำแบบนั้นเลย
เราไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขนาดนั้นจากการตายของไลก้า" - Oleg Gazenko หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ สปุตนิก 2
การเดินทางของไลก้าเป็นนัยยะแฝงอย่างอื่นมากกว่าเชิงวิทยาศาตร์ มันพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตสามารถถูกส่งไปดำรงชีวิตอยู่นอกโลกได้
และยิ่งไปกว่านั้น โซเวียตเป็นชาติแรกที่ทำได้ การตัดสินใจที่จะสละไลก้าเทียบกับการประกาศศักดาต่อชาวโลก
นักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์คนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ต่อวิทยาศาสตร์อย่างไร้ข้อกังขา"
อย่างน้อยไลก้าก็เป็นค่าใบเบิกทางให้กับเทคโนโลยีการเดินทางให้ห้วงอวกาศ
หลังจากพุ่งทะยานจากพื้นโลกของไลก้า 4 ปี ยูริ กาการินกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ไปอวกาศ
.....และกลับบ้านอย่างปลอดภัย......
รูป : ยูริ กาการินหลังเสร็จสิ้นภารกิจ
แปลจาก : 10 Tragic Facts About Laika, The First Dog In Space
https://listverse.com/2017/01/14/10-tragic-facts-about-laika-the-first-dog-in-space/
ครบรอบ "60ปี สปุตนิก 2" กับ 10 Facts ของไลก้า หมาอวกาศ
ขอให้คืนนี้ใครที่มีคุ่ก็ออกไปลอยกระทง หรือเดินเล่นชิลๆ เก็บเกี่ยวบรรยากาศเย็นๆที่ยากจะมาให้สัมผัสกันนะคะ
ใครที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมว จะออกไปข้างนอกก็ปิดรั้วให้ดีๆ เดี๋ยวนายท่านทั้งหลายจะตกใจเสียงประทัดเตลิดหนีหายออกจากบ้านกันไปซะหมด
แต่เอาเข้าจริงๆ อยู่บ้านเป็นเพื่อนหมา เป็นเพื่อนแมว อ่านกระทู้นี้ไปพลางๆก็ได้นะจ๊ะ ตั้งใจทำมาให้
เมื่อ 2 ปีก่อนเราได้เขียนกระทู้เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึงในประวัติศาสตรของวงการดาราศาสตร์เอาไว้
ใครใคร่อ่านก็เข้าไปอ่านตรงนี้เน๊าะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใช่ค่ะ วันนี้เมื่อ 60 ปีก่อน หมาน้อยตัวนึงได้เสียสละเพื่อวิทยาศาสตร์
"ไลก้า หมาอวกาศตัวแรก"
วันนี้ก็จะยกมาเล่าซ้ำเรียบเรียงใหม่ซะหน่อย ขอแยกเป็นกระทู้ใหม่ว่า
" 10 Facts ของไลก้า"
10 - ไลก้าเป็นหมาข้างถนน
ก่อนจะเข้าโปรเจคนี้ ไลก้าเป็นเพียงหมาพันธุ์ผสมเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนในมอสโก
ขณะที่อเมริกาคิดว่าใช้ลิงน่าจะดีกว่า แต่โซเวียตกลับิคดว่า หมาเนี้ยแหละ ฝึกง่ายกว่าเย้อ
จึงไม่ใช่แค่ไลก้าตัวเดียวที่ถูกพามาเข้าโครงการ โซเวียตจึงมีทีมค้นหาเพชรข้างถนนมาฝึก
โซเวียตคิดว่าลำพังอยู่ข้างถนนในมอสโกก็ลำบากจะแย่ มีชีวิตรอดมาได้ขนาดนี้คงไม่ธรรมดาแล้วหละ
ความลำบากเนี้ยแหละจะทำให้แกร่งพอจะเอามาฝึกโหดๆ และทนต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายในอวกาศไหว
ไลก้าไม่ใช่หมาตัวแรกที่โซเวียตจับล่ามไว้ในกระสวย
ก่อนหน้านี้มี "อัลไบน่า" ซึ่งเคยถูกส่งออกไปโคจรได้แค่ครึ่งทางและกลับมาได้ อัลไบน่าถูกเลือกให้เป็น Back up Plan
จริงๆแล้วมีหมาที่เกือบจะมาทำหน้าที่นี้แทนไลก้าอีกตัวชื่อ มุชก้า
แต่มุชก้าไม่สามารถทนต่อความกดดันจากการฝึกได้จนไม่ยอมกินอาหาร
หน้าที่นี้จึงเป็นไลก้ารับไป
9-โซเวียตรู้ว่ายังไงไลก้าก็ต้องตาย
ต่างจากอัลไบน่า กระสวยของไลก้าถูกสร้างขึ้นมาเป็นแบบ "เที่ยวเดียว"
ตัวกระสวยไม่ได้ติดตังอุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆเพื่อให้กลับมาลงจอดบนพื้นโลกได้อย่างปลอดภัย
โซเวียตวางแผนให้ไลก้าโคจรอยู่นอกโลกซัก 2-3 วัน ก่อนจะให้กินยาพิษเพื่อจบภารกิจ
ภารกิจหายนะของไลก้าถูกประณามจากต่างชาติอย่างสหราชอาณาจักร มีการรณรงค์เพื่อจะยับยั้งภารกิจนี้
สื่อสิ่งพิมพ์อย่าง The daily mirrior พาดหัวข่าวว่า "หมาตัวนั้นต้องตาย และเราก็ช่วยมันไม่ได้"
องค์กรพิทักษ์สัตว์เชิญชวนให้ผู้คนโทรไปยังสถานทูตโซเวียตแล้วคอมเพลน หรือไม่ก็ถือสายไว้เงียบๆทุกวันตอน 11 โมงเป็นการประท้วง
แต่โซเวียตก็ยังตีมึนว่า นี่พวกเอ็งจะอะไรกันนักกันหนาว้า คนรัสเซียรักหมาจะตาย ((ดูปูตินอุ้มหมาจากผู้นำเติร์กสิ!!))
ภาพด้านบนเป็นภาพของเบลก้าและสเตลก้าค่ะ หารูปที่เป็นวันของไลก้าไม่เจอเจอแต่ลิ้งข่าวเรื่องนี้
โซเวียตกล่าวว่า "นี่เป็นสิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ ไม่ใช่เพื่อทารุณกรรม"
แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นไลก้าที่ต้องทำภารกิจนี้ บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าจริงๆมันต้องเป็นอัลไบน่าที่ต้องรับหน้าที่นี้
"เหย แก....ชั้นก็โดนส่งไปรอบนึง แล้วอุส่ารอดตายกลับมาแล้วปะว๊ะ" - อัลไบน่าไม่ได้กล่าว
ก็นั่นแหละนะ รอดตายมาแล้วรอบนึง ถือว่าทำหน้าที่แล้ว ก็เป็นตาไลก้าแล้วหละ
8- ....เพราะพวกเขารีบจนเกินไป
จริงๆไลก้าเกือบจะมีทางรอดอยู่แล้วเพราะตามแผนเดิมคือ ส่งไปแล้วก็ตั้งใจจะเอากลับมาโลก
โซเวียตโม้ไวว้า หูย...ไปกับกระสวยของเรา สบายแน่นอน! กลับบ้านปลอดภัยแน่จ่ะ ไม่ต้องห่วง!
แต่ทั้งหมดนั้นโดนยกเลิก เปลี่ยนแผนไปค่ะ เพราะ Khrushchev (อ่านว่าอะไร ใครสันทัด เขียนแนะนำการออกเสียงทีนะคะ ขอบคุณค่ะ)
Khrushchev มองว่าทริปของไลก้าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ และต้องการเร่งให้สปุตนิก 2 นั้นมีแผนการที่รวดเร็วเพอร์เฟคไว้โฆษณา
เพื่อเอามาตีข่าวครบรอบ 40 ปี การปฏิวัติสังคมนิยมแห่งเดือนตุลาคม
เขาจึงเร่งทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ให้สร้างกระสวยให้เสร็จเพื่อจะได้ทันปล่อยยานตามกำหนด
ส่วนที่ต้องติดตั้งเสริมเพื่อการกลับบ้านของไลก้าจึงต้องล้มพับไปอย่างน่าเสียดาย
ทีมนักวิทยาศาสตร์มีเวลาแค่ 4 อาทิตย์ที่จะสร้างกระสวยที่พอจะบรรจุสิ่งมีชีวิตไปยังวงโคจรได้
แต่ไม่มีเวลามากพอจะสร้างระบบเครื่องมือกลไกต่างๆในการกลับมาผิวโลก
Boris Cherto หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า "ระเบียบขั้นตอนการพัฒนาเทคโลโยีของกระสวยนี่ถูกโยนทิ้งไปเลย
กระสวยถูกสร้างทั้งๆที่ไม่มีดีไซน์เบื้อต้น หรือดีไซน์อะไรทั้งนั้น"
จะบอกว่า เอาทุกอย่างมาตีๆ ประกอบๆกันให้ส่งหมาออกไปนอกโลกได้ก็คือจบแล้วว่างั้น?
((โปรเจคจบป.ตรียังทำเป็นเดือนเลยนะเว้ย))
7-ไลก้าต้องอยู่ในกรงที่เล็กลงเรื่อยๆเป็นอาทิตย์
รูป : ชุดอวกาศสำหรับหมา
เนื่องจากสปุตนิก 2 ใหญ่กว่าเครื่องซักผ้านิดเดียว ลองนึกภาพเอาหมาใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้าสิ....
ไลก้าต้องถูกมัดไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนอยู่ที่จุดๆเดียว กลับตัว หรือพลิกตัวไม่ได้ ทำได้แค่นั่งกับนอนเท่านั้น
เพื่อให้ไลก้าพร้อมจะเจอกับสภาพแบบนี้ ไลก้าและหมาน้อยทั้งหลายจึงต้องฝึกอยู่ในกรง
ไลก้าต้องถูกขังกรงเพื่อให้คุ้นชินกับสภาวะกลัวที่แคบประมาณ 20 วัน
ถึงจะถูกปล่อยออกมา......แล้วไปอยู่กรงที่เล็กกว่าเดิม.....
เมื่อถูกขังเป็นเวลานานๆ หมาจะเริ่มมีอาการท้องผูก ไม่ขับถ่ายแม้จะให้กินเยอะขนาดไหนก็ตาม
นักวิทยาศาสตร์พบวิธีการแก้ปัญหานี้ว่า "ถ้าจับหมาขังไว้ให้นานๆ นานพอจะให้มันลืมว่ามันเคย
อยู่ที่ไหนมาก่อน จนรู้สึกว่า อือ...ต่อไปนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้แหละ"
สรุปง่ายๆ.... ขังจนต้องยอมรับชะตากรรม
6- นักวิทยาศาสตร์คนนึงพาไลก้ากลับไปบ้าน เล่นกับลูกๆของเขา
รูป : ดร. วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้ หัวหน้าทีมฝึกสุนัข
ช่วง 4 อาทิตย์ก่อนวันปล่อยกระสวย ดร. วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้ พาไลก้ากลับบ้าน
เขาใกล้ชิดกับไลก้ามากที่สุดในโปรเจคนี้ ยาซดอฟสกี้เป็นคนเลือกไลก้าเข้าโครงการ
ฝึกไลก้า และเป็นคนเลือกไลก้าให้ทำภารกิจนี้ด้วยตัวเอง
ยาซดอฟสกี้พาไลก้ากลับบ้านไปเล่นกับลูกๆของเขาช่วงเวลาสั้นๆที่เหลืออยู่บนโลก เพื่อให้ครั้งนึงในชีวิต
"ไลก้าจะได้สัมผัสความรู้สึกว่าเป็นหมามีครอบครัวที่รักมันเป็นยังไง"
ยาซดอฟสกี้กล่าวว่า "ผมอยากทำอะไรดีๆให้เธอ เวลาของเธอเหลือน้อยแล้ว"
วันรุ่งขึ้น ไลก้าจะต้องถูกพาขึ้นยานสปุตนิก 2 ส่งไปนอกโลกและไม่มีวันกลับมา ยาซดอฟสกี้และทีมพาไลก้าไปส่งและร่ำลา
หนึ่งในทีมกล่าวว่า "พอเราพาไลก้าขึ้นยาน เราจูบจมูกเธอและอวยพรให้เธอโชคดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะไม่รอด"
5 - ไลก้านั้นหวาดกลัว
ตามกำหนดการสปุตนิก 2 ต้องถูกปล่อยวันที่ 31 ตุลา มีปัญหาด้านอุปกรณืที่ต้องซ่อมแซม การปล่อยตัวจึงล่าช้าออกไป
ท่ามกลางอากาศเย็นเยียบ ไลก้าต้องแหง่กอยู่ในกระสวยแคบๆ ขยับตัวไม่ได้รออยู่อย่างนั้น
นักวิทยาศาสตร์พยายามดูแลไลก้าให้ดีที่สุด ต่อท่ออากาศอุ่นๆเข้าไปให่กระสวยเพื่อป้องกันไม่ให้ไลก้าหนาวตาย
ยาซดอฟสกี้สั่งให้ลูกทีมคอยจับตาดูไลก้าตลอดเวลา จนกระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายน สปุตนิก 2 ก็พุ่งออกจากผิวโลก
เมื่อยานพุ่งออกจากพื้นโลก ไลก้าตกใจอย่างมากจนอัตราการเต้นของหัวใจพุ่งขึ้นเป็นสามเท่า(เป็นอย่างน้อย)จากปกติ
เจ้าหมาน้อยน่าสงสารไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเจอกับสภาวะไร้น้ำหนัก ไลก้าเหมือนจะสงบลง
เป็นครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตจากบนโลกได้เข้าสู่ห้วงอวกาศที่แท้จริง หัวใจของไลก้าเต้นช้าลง เหมือนจะผ่อนคลายลงมาหน่อย
แต่หัวใจของไลก้าไม่กลับมาเต้นจังหวะเดิมเหมือนที่เคยอยู่บนโลกอีกเลย
4-ไลก้าตายอย่างน่าอนาถ
หลังจากภารกิจ 1 ปี โซเวียตออกมารายงานผลว่า ไลก้ารอดชีวิต 1 วันแรกหลังจากเข้าสู่วงโคจร
และล่องลอยอยู่อย่างนั้นอีกสองสามวัน และในวันสุดท้ายไลก้ากินอาหารผสมยาพิษที่เตรียมไว้เพื่อจบภารกิจ
แต่ความจริงนั้นถูกเปิดเผยเมื่อปี 2002 เมื่อนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งนามว่า Dimitri Malashenkov
ออกมาเปิดเผยชะตากรรมอันน่าเศร้าที่แท้จริงของไลก้าว่ามันตายหลังจากปล่อยกระสวยได้แค่ 7 ชม.
ประมาณช่วงที่โคจรรอบโลกรอบที่ 4 ...... ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณ
ระบบควบคุมอุณหภูมิของกระสวยที่สร้างขึ้นมาแบบลวกๆเพราะเร่งรีบเกิดทำงานผิดปกติ
ภายในกระสวยร้อนขึ้นจาก 40 องศาเซลเซียส พุ่งพรวดจนร้อนระอุอย่างสาหัสภายในเวลาสั้นๆ
ไลก้าที่เพิ่งสงบลงเล็กน้อยจากสภาวะไร้น้ำหนักจึงตื่นกลัวอีกครั้ง
ตอนอยู่บนโลกไลก้าจะมีครูฝึกคอยปลอบโยนเมื่อต้องเจอกับสภาวะที่กดดัน
แต่ตอนนั้น นักวิทยาศาสตร์ทำได้แค่ดูข้อมูลที่ถูกส่งมาว่า หัวใจของไลก้าเต้นแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้น
....จนกระทั่งไม่ได้รับสัญญาณชีพอีกแล้ว.....
3-ร่างของไลก้าแหลกสลาย
5 เดือนหลังจากนั้น 2,570 รอบวงโคจรรอบโลก กระสวยที่กลายเป็นโลงศพของไลก้าก็ตกลงสู่พื้นโลก
พุ่งผ่านฟากฟ้าขณะที่คนทั้งโลกเฝ้ามอง (ให้อเมริกันชนตกใจเล่นๆไปแว้บหนึ่ง)
ช่วงหลังเที่ยงคืนของคืนวันที่ 14 เมษายน 1958 มีการรายงานการพบเห็น UFO จากพยานที่น่าเชื่อถือหลายคน
จากบริเวณฝั่งตะวันออกของอเมริกา พยานให้การว่ามีวัตถุสีน้ำเงิน-ขาว สว่างๆเคลื่อนผ่านท้องฟ้าอย่างเร้วผิดปกติ
จากนั้นก้กลายเป็นสีแดงๆ มีสะเก็ดแตกตัวออกแยกจากชิ้นหลัก แล้วก็วาบหายไป
UFO ที่ว่าคือ สปุตนิก 2 ส่วนที่แตกแยกออกมาก็คือชิ้นส่วนประกอบของยานที่หลุดออกเป็นชิ้นๆขณะตกสู่พื้นโลก
ไลก้าและแคปซูลที่มันถูกบรรจุเสียดสีกับอากาศลุกไหม้ขณะร่วงลงสู่พื้น
ไม่มีเศษเสี้ยวใดของไลก้าได้กลับมาสัมผัสพื้นโลก
2-มุชก้าตายหลังจากนั้นไม่นาน
จำมุซก้าได้มั๊ย? มุซก้าถูกส่งขึ้นไปยังอวกาศหลังจากไลก้าไม่นาน โดยรอบของมุซก้าถูกส่งไปพร้อมกับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย
อย่างกินนีพิก หนูแรท หนูไมส์ แมลงหวี่และต้นไม้ เพื่อศึกษาผลของการแผ่รังสีอวกาศ (Cosmic Radiation)
ในขณะที่มุซก้ากำลังจะกลับสู่พื้นโลก ระบบจรวดที่ต้องทำให้กระสวยช้าลงตอนกลับเกิดทำงานผิดปกติ
มุซก้าจึงหลุดออกจากวิถีกระสุน และกำลังจะพุ่งเข้าโหม่งโลก ทางโซเวียตไม่รุ้ว่ามุซก้าจะไปตกลงตรงไหน
และเกิดกลัวว่าจะไปตกแถวๆอเมริกา
ตามบันทึกรายงานที่แถๆ โซเวียตกล่าวว่ายานของมุซก้าเกิดลุกไหม้ขณะกลับสู่โลก แต่ความจริงยานของมุซก้าระเบิด
เพราะโซเวียตกลัวว่าข้อมูลจะตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง นักวิทยาศาสตร์โซเวียตจึงตัดสินใจระเบิดยานทิ้ง ฆ่าทุกชีวิตทิ้งไป
1-เราไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขนาดนั้น
"ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เรายิ่งเสียใจมากเท่านั้น เราไม่น่าทำแบบนั้นเลย
เราไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขนาดนั้นจากการตายของไลก้า" - Oleg Gazenko หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ สปุตนิก 2
การเดินทางของไลก้าเป็นนัยยะแฝงอย่างอื่นมากกว่าเชิงวิทยาศาตร์ มันพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตสามารถถูกส่งไปดำรงชีวิตอยู่นอกโลกได้
และยิ่งไปกว่านั้น โซเวียตเป็นชาติแรกที่ทำได้ การตัดสินใจที่จะสละไลก้าเทียบกับการประกาศศักดาต่อชาวโลก
นักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์คนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ต่อวิทยาศาสตร์อย่างไร้ข้อกังขา"
อย่างน้อยไลก้าก็เป็นค่าใบเบิกทางให้กับเทคโนโลยีการเดินทางให้ห้วงอวกาศ
หลังจากพุ่งทะยานจากพื้นโลกของไลก้า 4 ปี ยูริ กาการินกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ไปอวกาศ
.....และกลับบ้านอย่างปลอดภัย......
รูป : ยูริ กาการินหลังเสร็จสิ้นภารกิจ
แปลจาก : 10 Tragic Facts About Laika, The First Dog In Space
https://listverse.com/2017/01/14/10-tragic-facts-about-laika-the-first-dog-in-space/