คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
เรื่องนี้ถ้าอ่านให้มันดีๆ ก็จะพบว่ามันโกหกตั้งแต่หัวข้อข่าวแล้วละครับ
เปิดหัวข่าวให้ตื่นเต้นด้วยคำว่า "The world's most" เสร็จแล้วก็มาอ้อมแอ้มด้วยตัวเล็กที่บรรทัดล่างว่า "selected countries"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อมาถ้าลองขุดกันจริงๆ ไปถึงต้นรากของงานวิจัยฉบับนี้ จะพบว่าข้อมูลอ้างอิง (data reference) ที่เอามาวิจัยก็เอามาจากไม่กี่ประเทศ ไม่ใช่จากทั้งโลกตามที่กล่าวอ้างอีกต่างหาก แถมข้อมูลที่เอามาเปรียบเทียบก็เอาจากปีที่แตกต่างกันด้วยซ้ำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่น่าตลกที่สุดคือ ในฉบับสรุปย่อของงานวิจัยกลับแสดงถึงข้อมูลของประเทศ "ลิเบีย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งๆ ที่งานวิจัยนี้บอกว่าเอาข้อมูลจาก IMF และ World Wealth and Income Database: www.wid.world แต่ทั้ง 2 แหล่งกลับไม่มีข้อมูลของประเทศลิเบียแสดงอยู่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อมาเจาะจงถึงข้อมูลที่งานวิจัยฉบับนี้บอกว่าเอามาจากประเทศไทย กลับเป็นแบบสอบถามที่ถามถึงทรัพย์สินและหนี้สินของครัวเรือนประมาณหมื่นกว่าคนจากทั้งประเทศ ซึ่งไม่ได้บ่งบอกถึงการถือครองมูลค่าทรัพย์สินของคนรวย 1% ของประเทศแม้แต่น้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และข้อมูลจาก World Wealth and Income Database: www.wid.world ก็ไม่ได้แสดงถึงมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทยอีกด้วย
ดังนั้นยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นอีกว่าข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทย ที่งานวิจัยฉบับนี้เอามาแสดงนั้น
ผู้วิจัยได้เอาตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทย มาจากแหล่งข้อมูลใดกันแน่ ????
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วอีกอย่างผลการศึกษาของงานวิจัยนี้กลับสวนทางกับข้อมูลของทั้ง World bank และ IMF ที่แสดงในรูปแบบ GINI index ของประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาตลอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เปิดหัวข่าวให้ตื่นเต้นด้วยคำว่า "The world's most" เสร็จแล้วก็มาอ้อมแอ้มด้วยตัวเล็กที่บรรทัดล่างว่า "selected countries"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อมาถ้าลองขุดกันจริงๆ ไปถึงต้นรากของงานวิจัยฉบับนี้ จะพบว่าข้อมูลอ้างอิง (data reference) ที่เอามาวิจัยก็เอามาจากไม่กี่ประเทศ ไม่ใช่จากทั้งโลกตามที่กล่าวอ้างอีกต่างหาก แถมข้อมูลที่เอามาเปรียบเทียบก็เอาจากปีที่แตกต่างกันด้วยซ้ำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่น่าตลกที่สุดคือ ในฉบับสรุปย่อของงานวิจัยกลับแสดงถึงข้อมูลของประเทศ "ลิเบีย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งๆ ที่งานวิจัยนี้บอกว่าเอาข้อมูลจาก IMF และ World Wealth and Income Database: www.wid.world แต่ทั้ง 2 แหล่งกลับไม่มีข้อมูลของประเทศลิเบียแสดงอยู่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อมาเจาะจงถึงข้อมูลที่งานวิจัยฉบับนี้บอกว่าเอามาจากประเทศไทย กลับเป็นแบบสอบถามที่ถามถึงทรัพย์สินและหนี้สินของครัวเรือนประมาณหมื่นกว่าคนจากทั้งประเทศ ซึ่งไม่ได้บ่งบอกถึงการถือครองมูลค่าทรัพย์สินของคนรวย 1% ของประเทศแม้แต่น้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และข้อมูลจาก World Wealth and Income Database: www.wid.world ก็ไม่ได้แสดงถึงมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทยอีกด้วย
ดังนั้นยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นอีกว่าข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทย ที่งานวิจัยฉบับนี้เอามาแสดงนั้น
ผู้วิจัยได้เอาตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองโดยคนรวย 1% ของประเทศไทย มาจากแหล่งข้อมูลใดกันแน่ ????
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วอีกอย่างผลการศึกษาของงานวิจัยนี้กลับสวนทางกับข้อมูลของทั้ง World bank และ IMF ที่แสดงในรูปแบบ GINI index ของประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาตลอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับ 3 ของโลก จริงหรือครับ?
http://themomentum.co/successful-datalab-thailand-inequality-2016-by-oxfam
https://www.thairath.co.th/content/802316
เห็นข่าวพวกนี้เขียนว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศอันดับ 3 ที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก เลยลองเข้าไปหาข้อมูลใน report จากใน source ข่าวก็หาไม่เจอว่าจัดอันดับตรงไหนยังไง เข้าไปดู gini index by country ไทยก็แค่ประมาณ 39% ในขณะที่เพื่อนบ้านเราส่วนใหญ่ได้คะแนนมากกว่าหรือเท่าๆไทยด้วยซ้ำ เลยสงสัยว่าข่าวที่รายงานมานี่น่าเชื่อถือขนาดไหนครับ