ตามนั้นเลย แค่อยากแชร์ความรู้สึก
เอาเราก็เป็นวัยทำงานแล้วล่ะนะ
แต่ทว่า เลือกจับนิยายใส่ตระกร้าซะมากเพราะรู้สึกว่าละเลียดตัวหนังสือเล่มละ 200-300 ต่อ 250หน้า มันคุ้มกว่า
เราเอาเงินไปเติมเกิมทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้ชอบเล่นเท่าการอ่าน ทำของนู่นนี้นั้นแต่บอกตรงๆนะว่าป้ายังมองว่าเกมมันไร้สาระ
ไม่ดีเท่าเศษเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในมังงะ เหตุผลที่เติม เพราะอย่าง50-100บาทเราก็ไปทำของได้สัก2-3ชิ้น + ขยันลงดันแล้วเงินจำนวนเล็กนี่บางทีเราสามารถอยู่ได้ทั้งแพท (ก็แล้วแต่คนอะแหละ ความขยัน) เป็นตัวเลือกเรื่องความบันเทิงสำรหรับคนชอบอยู่บ้านอะนะ
แต่มังงะเดี๋ยวนี้เล่มเดียว 60-150-180
บางทีก็ไม่ได้หวังให้เป็นกระดาษกรีนรี้ดเลิศเลอ
ขอแค่ดรอปราคาลงมา ให้ป้า ให้เด็กๆน้องๆได้อ่าน
ตอนนี้การอ่านหนังสือ เหมือนกับคนมีตังเท่านั้น ถึงจะได้อ่าน(พ่อแม่ คนแถวบ้านเรายังเดือนละ10000-15000)
คำว่าขายไต เป็นเรื่องตลก แต่ป้าไม่ตลก ป้ากินใช้ แบ่งครอบครัวดูและบ้าน
เมื่อก่อนที่เล่มละ35-40-50 เรายังตามเก็บนะแต่ตอนนี้มันไม่ไหวจริงๆ
อีกทั้งสำนวนต่างๆนาๆ แย่ บางทีก็แปลตรงตัว คนแปลเข้าใจอยู่คนเดียว
อย่าง
เจ้าสาวผมแดง แปลแบบไม่คิดย้ายช่องเรียงให้มันเข้าใจ ภาษาไม่ดิ้นได้ไม่ยืดหยุ่น
(เกลียดตัวอักษรหนาๆที่ต่อให้เอามาตรฐานมาอ้างก็ขอต่อว่านะว่า มันทำให้ภาษาไร้อารมณ์มาก แข็ง หน้า แล้ววันดีคืนดีก็มีฟ้อนแปลกโผล่มาด้วยนะ)
เราอ่านมังงะเก่าๆเราไม่เคยบ่น เพราะโอเค แปลพลาดเข้าใจ ราคามันรับได้
แต่พอมาราคาปัจจุบันเราก็คาดหวังความเฟอเฟ็กมากขึ้น ซึ่งคุณให้เราไม่ได้
จากที่อ่านทุกค่าย กลายเป็นไม่เชื่อใจเลือกค่ายแคบลงๆ
น่าติที่สุด คือบรรณาธิการ ติคนแปลเป็นหลักที่ลดมูลค่าหนังสือ
ตอนนี้ไปงานหนังสือมา ไม่ได้ไปเพื่อสอยอะไรใหม่ๆเท่าไหร่แล้ว
เราไปเก็บความทรงจำพวกเก่าๆเหลืองๆ แต่ไม่โดนเท
เคยถามน้องๆ บางคนเขาก็รู้จักแค่เซนชู รักพิมพ์อะไรแบบนี้จริงๆนะ
นั้นแสดงว่าคุณอาจจะมีส่วนถ่ายถอดค่านิยม(มอง100-200บาท ใครไม่เปย์คือไม่รักจริง) ภาษาให้คนรุ่นหลังไม่ได้
อย่าลืมว่าถึงยังไง ไอ้เล่มๆนั้น มันก็คือหน้าต่างโลก
ไม่ได้เจาะจงด่าค่ายนะ ระบายแล้วยกตัวอย่าง - -
หมดแรงซื้อมังงะแล้ว
เอาเราก็เป็นวัยทำงานแล้วล่ะนะ
แต่ทว่า เลือกจับนิยายใส่ตระกร้าซะมากเพราะรู้สึกว่าละเลียดตัวหนังสือเล่มละ 200-300 ต่อ 250หน้า มันคุ้มกว่า
เราเอาเงินไปเติมเกิมทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้ชอบเล่นเท่าการอ่าน ทำของนู่นนี้นั้นแต่บอกตรงๆนะว่าป้ายังมองว่าเกมมันไร้สาระ
ไม่ดีเท่าเศษเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในมังงะ เหตุผลที่เติม เพราะอย่าง50-100บาทเราก็ไปทำของได้สัก2-3ชิ้น + ขยันลงดันแล้วเงินจำนวนเล็กนี่บางทีเราสามารถอยู่ได้ทั้งแพท (ก็แล้วแต่คนอะแหละ ความขยัน) เป็นตัวเลือกเรื่องความบันเทิงสำรหรับคนชอบอยู่บ้านอะนะ
แต่มังงะเดี๋ยวนี้เล่มเดียว 60-150-180
บางทีก็ไม่ได้หวังให้เป็นกระดาษกรีนรี้ดเลิศเลอ
ขอแค่ดรอปราคาลงมา ให้ป้า ให้เด็กๆน้องๆได้อ่าน
ตอนนี้การอ่านหนังสือ เหมือนกับคนมีตังเท่านั้น ถึงจะได้อ่าน(พ่อแม่ คนแถวบ้านเรายังเดือนละ10000-15000)
คำว่าขายไต เป็นเรื่องตลก แต่ป้าไม่ตลก ป้ากินใช้ แบ่งครอบครัวดูและบ้าน
เมื่อก่อนที่เล่มละ35-40-50 เรายังตามเก็บนะแต่ตอนนี้มันไม่ไหวจริงๆ
อีกทั้งสำนวนต่างๆนาๆ แย่ บางทีก็แปลตรงตัว คนแปลเข้าใจอยู่คนเดียว
อย่างเจ้าสาวผมแดง แปลแบบไม่คิดย้ายช่องเรียงให้มันเข้าใจ ภาษาไม่ดิ้นได้ไม่ยืดหยุ่น
(เกลียดตัวอักษรหนาๆที่ต่อให้เอามาตรฐานมาอ้างก็ขอต่อว่านะว่า มันทำให้ภาษาไร้อารมณ์มาก แข็ง หน้า แล้ววันดีคืนดีก็มีฟ้อนแปลกโผล่มาด้วยนะ)
เราอ่านมังงะเก่าๆเราไม่เคยบ่น เพราะโอเค แปลพลาดเข้าใจ ราคามันรับได้
แต่พอมาราคาปัจจุบันเราก็คาดหวังความเฟอเฟ็กมากขึ้น ซึ่งคุณให้เราไม่ได้
จากที่อ่านทุกค่าย กลายเป็นไม่เชื่อใจเลือกค่ายแคบลงๆ
น่าติที่สุด คือบรรณาธิการ ติคนแปลเป็นหลักที่ลดมูลค่าหนังสือ
ตอนนี้ไปงานหนังสือมา ไม่ได้ไปเพื่อสอยอะไรใหม่ๆเท่าไหร่แล้ว
เราไปเก็บความทรงจำพวกเก่าๆเหลืองๆ แต่ไม่โดนเท
เคยถามน้องๆ บางคนเขาก็รู้จักแค่เซนชู รักพิมพ์อะไรแบบนี้จริงๆนะ
นั้นแสดงว่าคุณอาจจะมีส่วนถ่ายถอดค่านิยม(มอง100-200บาท ใครไม่เปย์คือไม่รักจริง) ภาษาให้คนรุ่นหลังไม่ได้
อย่าลืมว่าถึงยังไง ไอ้เล่มๆนั้น มันก็คือหน้าต่างโลก
ไม่ได้เจาะจงด่าค่ายนะ ระบายแล้วยกตัวอย่าง - -