[CR] *** ทริปครอบครัว ชัวร์หรือไม่ ที่เลือกไปอิหร่าน (1) ***

เกริ่นนำ

ทุกๆ ปีผมจะมีอย่างน้อยหนึ่งทริปที่ไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัว สิ่งที่ยากก็คือการหาวันที่ทุกคนว่างตรงกัน โดยเฉพาะอย่างเมื่อลูกชายทั้งสองทำงานกันแล้ว ปีนี้ใกล้จะปลายปีแล้วก็ยังจัดทริปไม่ได้ แต่แล้วอยู่ดีๆ ลูกสองคนก็มาบอกช่วงที่ว่างตรงกัน ก็เลยตัดสินใจไปอย่างกระทันหัน ส่วนจะไปประเทศไหนก็คงเลือกได้เฉพาะประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าเท่านั้นเพราะเวลาค่อนข้างกระชั้นมาก เท่าที่นึกได้ในก็มี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตุรกี รัสเซีย ฯลฯ ซึ่งก็เคยไปกันมาแล้ว แต่พอพูดไปชื่ออิหร่านก็โผล่ขึ้นมาเพราะว่ามีคนบอกว่าสามารถไปขอวีซ่าที่สนามบินได้ ความคิดในขณะนั้นก็คือ "แล้วประเทศอิหร่านนี่มันอันตรายไหม?" ดูจากแผนที่จะเห็นว่าทางซ้ายเป็นอิรักส่วนทางขวาเป็นอัฟกานิสถาน ดูน่ากลัวเหมือนกันนะ แต่เท่าที่ฟังๆ มาคนที่ไปบอกว่าสงบเรียบร้อยดี และยังเป็นประเทศที่การบินไทยบินไปลงที่เตหะรานด้วย ก็เลยตัดสินใจกันอย่างทันทีทันใด สรุปว่าไปขอวีซ่าเอาที่ที่นั่นเลย คือเป็น Visa on Arrival ส่วนเรื่องที่พักก็จองไปแค่สองคืนแรกก่อน ที่เหลือค่อยไปหาเอาข้างหน้าเพราะว่ายังไม่รู้ว่าจะไปเมืองไหนบ้าง และจะอยู่แต่ละเมืองๆ ละกี่วัน ช่างเป็นทริปครอบครัวที่น่าตื่นเต้นซะจริงๆ!



วันเดินทาง

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง พวกเราขึ้นเครื่องการบินไทยออกจากสุวรรณภูมิบ่ายสามโมงครึ่ง บินตรงสู่กรุงเตหะรานเมืองหลวงของอิหร่านใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ไปถึงที่นั่นเวลา 22:30 น. (เวลาไทย) ซึ่งเวลาที่อิหร่านช้ากว่าไทยสามชั่วโมงครึ่งซึ่งก็คือ 19:00 น.  ตอนเข้าสนามบินก่อนจะถึง ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) มองทางขวาจะเห็นป้ายเขียนว่า Visa ซึ่งถ้าทำประกันภัยการเดินทางมาแล้วก็สามารถเข้าไปติดต่อขอวีซ่าได้เลย แต่ถ้ายังไม่ได้ซื้อประกันมาก็ต้องเดินตรงไปซื้อประกันก่อนแล้วค่อยย้อนมาที่จุดทำวีซ่า ตอนที่ผมไปคนไม่มากเท่าไหร่ใช้เวลาประมาณ 30 - 40 นาที ค่าวีซ่าคนละ 75 ยูโร (ประมาณ 3,000 บาท) ได้วีซ่าแล้วก็ตรงไปที่ช่อง ตม. ซึ่งเปิดทำงานอยู่สามช่อง ปรากฎว่าสองช่องที่พวกผมต่อคิวอยู่นั้นมีปัญหาทั้งสองช่อง ได้ยินว่าเป็นคนจีนที่บอกว่ามาอิหร่านติดต่อเรื่องธุรกิจ (Business Trip) เรื่องก็เลยยาว เห็นซักถามกันมากมายและไม่ยอมปล่อยให้เข้าไป ในที่สุดพวกผมก็ทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนไปเข้าคิวช่องอื่นแทน ซึ่งกว่าจะหลุดจากตรงนั้นไปได้ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่ตอนที่ผมเข้าไปใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น

ผ่าน ตม. ออกมาก็รีบลงไปเอากระเป๋าที่ตั้งรออยู่บริเวณสายพานนานเป็นชั่วโมงแล้ว พอเดินออกมาก็พบคนชูป้ายชื่อนามสกุลผม เป็นเพราะผมบอกกับทางที่พักที่จองไว้ว่าต้องการให้มารับที่สนามบินด้วย เขาคิดค่ารถมารับ 25 ยูโร ซึ่งเช็คดูแล้วเแพงกว่าใช้แท็กซี่เล็กน้อย แต่เห็นว่าน่าจะสะดวกกว่า รถที่เขาเอามารับสภาพรถไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือคนขับค่อนข้างจะซิ่งพอสมควร ขับออกจากสนามบินขึ้นไฮเวยได้ไม่นานพี่แกก็ออก Exit มาวิ่งทางเล็กบอกว่าจะไปปั๊มเติมแก๊ส (แล้วทำไมไม่เติมมาให้เรียบร้อยก่อนนะ) สนามบินกับตัวเมืองเตหะรานอยู่ห่างกัน 30 กม. โฮสเตล (Hostel) ที่ผมจองไว้ในเตหะรานเป็นโฮสเตลที่อ่านเจอใน Trip Advisor และใน Pantip ชื่อ Iran Cozy Hostel ผมจองห้องสี่เตียงเอาไว้ในราคาคืนละ 70 ยูโร (ประมาณ 2,800 บาท) สองคืนก็ 140 ยูโร บวกค่ารถอีก 25 ยูโร รวมเป็น 165 ยูโร โฮสเตลนี้มีทั้งหมดสามชั้น มี 8 ห้องนอน ใช้ห้องน้ำร่วมกันที่ชั้นสอง ห้องที่พวกผมพักอยู่ชั้นล่าง ดีตรงที่ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันได แต่ห้องนี้อยู่ติดกับโถงเอนกประสงค์ (ตรงที่ใช้นั่งคุยกันและทานอาหารเช้า) ก็เลยไม่ค่อยเงียบสงบเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรคืนแรกก็ผ่านไปอย่างไร้ปัญหาเพราะว่าเหนื่อยอ่อนมาจากการเดินวันนี้

โถงหน้าห้องพัก ที่เห็นประตูตรงกลางคือห้องที่พวกผมพัก

เที่ยววันแรก

อาหารเช้าของโฮสเทลพร้อมเสริฟตั้งแต่เวลาเจ็ดนาฬิกา อาหารก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไข่ต้ม 1 ฟอง ขนมปัง “แฟลตเบรด (Flatbread)” แยมลูกพีชหรือแอปปริคอต (ไม่แน่ใจ) เนย (ดูเหมือน Goat Cheese) และชาหนึ่งถ้วย

แฟลตเบรด (Flatbread)

กินเสร็จก็ปรึกษาป้าเจ้าของโฮสเตลเรื่องที่เที่ยวในเมือง ป้าแกเขียนให้อย่างละเอียดละออ แถมบอกด้วยว่ามื้อเที่ยงนี้ควรกินที่ไหน และควรสั่งเมนูอะไร พร้อมย้ำด้วยว่าสั่งมาสองเซ็ทกินสี่คนพอดี ถ้าสั่งมาสี่เซ็ทรับรองกินกันไม่หมดแน่

ป้าและลุงเจ้าของโฮสเตลแนะนำเรื่องที่เที่ยวในเตหะราน

ป้าวาดแผนที่ให้ว่าจะต้องไปอย่างไร

เสร็จแล้วก็แลกเงินกับลุงเจ้าของโฮสเตลก่อนที่จะออกตะลุยเตหะรานเป็นวันแรก ที่แรกที่จะไปคือพระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) จากที่พักเดินไปลงสถานีรถใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็คือสถานี Shahid Mofateh นั่งไปลงสถานี Panzdah Khordad ค่าตั๋วรถใต้ดินเที่ยวละ 8,000 Rial (เรื่องค่าเงินถ้าอยากจะรู้ว่าประมาณกี่บาทก็ให้ตัดศูนย์สามตัวหลัง ซึ่งก็คิอประมาณ 8 บาทนั่นเอง แต่ที่มันชวนให้สับสนหน่อยก็คือถึงแม้ธนบัตรที่ใช้กันในปัจจุบันจะมีหน่วยเป็นเรียล แต่คนทั่วไปก็ยังติดอยู่กับเงินสกุลเดิมที่เรียกว่าโตมัน (Toman) โดยที่ 1 โตมานจะมีค่าเท่ากับ 10 เรียล เพราะฉะนั้นถ้าเขาบอกราคาของว่า "Ten Thousand (10,000)" โดยไม่พูดหน่วยก็ต้องสอบถามให้แน่ใจว่าเป็นโตมานหรือเรียล แต่ที่ผมเจอมาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นจะหมายถึงโตมัน ตอนจะจ่ายเงินเราก็ต้องเติมศูนย์เข้าไปอีกหนึ่งตัวแล้วหยิบธนบัตรหนึ่งแสนเรียล (100,000 Rial) ให้เขาไป ซึ่งถ้าเป็นเงินไทยมันก็คือแบงค์ร้อยใบหนึ่งเท่านั้น) เรื่องตั๋วรถใต้ดินนี้ถือว่าถูกมากเพราะเที่ยวละ 8 บาทเท่านั้น แล้วยังมารู้ทีหลังอีกว่าถ้าเราซื้อ 10 เที่ยว หรือเติมเงินในบัตร 50 บาท ก็จะตกเที่ยวละ 5 บาท เท่านั้นเอง

มาถึงหน้าวังพวกผมซื้อบัตรเข้าชมเฉพาะบางส่วนในราคาคนละ 200 บาท (200,000 Rial หรือ 20,000 Toman) เพื่อไม่ให้เสียเวลาขอเชิญชมความงดงามของพระราชวังโกเลสตานได้เลยครับ



ออกจากพระราชวังเดินไปยังแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) ซึ่งก็คือตลาดใหญ่ของเตหะราน ไปหาอาหารกลางวันทานกัน ไปหาร้าน Moslem Restaurant ตามที่ป้าเจ้าของโฮสเตลเขียนไว้ในแผนที่ ร้านมีลักษณะคล้ายๆ Cafeteria คือหยิบถาด เลือก Salad หรือ Side Dish ที่ต้องการ สั่ง Main Menu กับแคชเชียร์ คิดเงินแล้วก็ไปหาโต๊ะนั่ง ดูแล้วก็คล้ายร้าน Fast Food คนเยอะมาก พวกผมสั่งเมนูตามที่ป้าแนะนำไว้ และไม่ลืมที่จะสั่งแค่เพียงสองเซ็ทตามที่ป้ากำชับ สั่งอาหารเสร็จแคชเชียร์บอกราคาว่าทั้งหมด "ล้านสองแสนเรียล" แวบแรกฟังแล้วช็อคเหมือนกัน อะไรนะกินมื้อกลางวันกันเป็นหลักล้านเลยหรือ แต่พอตั้งสติได้คิดเป็นเงินไทยมันก็แค่พันสองร้อยบาท แต่ดูๆ แล้วก็ยังทำใจไม่ได้เพราะที่สั่งไปก็แค่สองเซ็ท แล้วก็มีสลัดถ้วยเล็กๆ มีโยเกริตท์ กับน้ำดื่มเท่านั้น ราคาไม่น่าจะถึงหลักพันเลย ลูกชายพยายามจะให้เขาบอกราคาของแต่ละรายการที่สั่งไป แต่แคชเชียร์พูดอังกฤษไม่ได้ ต้องไปตามคนที่พูดได้มาเคลียร์ แล้วปรับเปลี่ยนอาหารที่สั่งบางอย่าง ในที่สุดก็ออกมาว่าค่าอาหารทั้งหมด 80,000 โตมัน ซึ่งเท่ากับ 800,000 เรียล หรือ 800 บาทไทย

อาหารที่สั่งเซ็ทหนึ่งเป็นไก่ อีกเซ็ทเป็นเนื้อแกะ มีข้าวสีเหลืองๆ ผิวด้านหนึ่งกรอบคล้ายข้าวตังวางปิดบน

ทานมื้อเที่ยงเสร็จเดินไปชม Imam Mosque

เดินผ่านหน้าตลาดได้ยินเสียงอื้ออึงเหมือนกำลังประมูลอะไรกัน

ช่วงเที่ยงในตลาดคนเยอะมากไม่กล้าเข้าไป

เดินผ่านสวนสาธารณะใหญ่ หยุดแวะนั่งเล่นให้หายเหนื่อย แล้วจึงมุ่งหน้าต่อไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่าน (National Museum of Iran) และพิพิธภัณฑ์กระจก (Glass Museum) โชคไม่ดีวันนี้ปิดทั้งสองแห่ง ที่เปิดและอยู่ใกล้ๆ กันนั้นมีเพียงพิพิธภัณฑ์อิหร่านโบราณ (Museum of Ancient Iran) ซึ่งมีสองอาคาร อาคารหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ยุคก่อนการเป็นรัฐอิสลาม (Pre-Islamic Museum) ส่วนอีกอาคารเป็นยุคหลังการเป็นรัฐอิสลาม (Post-Islamic Museum) ลูกชายแยกกันไปเข้าคนละแห่ง แห่งหนึ่งเสียค่าเข้า 300 บาท อีกแห่ง 200 บาท  ผมกับภรรยาไม่ได้เข้าไป นั่งดื่มกาแฟ และถ่ายรูปเล่นอยู่บริเวณสวนใกล้ๆ นั้น ลูกสองคนกลับมาแล้วพูดเหมือนกันว่าเสียดายเงินเพราะข้างในไม่มีอะไรน่าสนใจ

หลังจากนั้นพวกผมก็นั่งรถใต้ดินจากสถานี Emam Khomeini

ไปลงสถานี Ostad Moein เพื่อเดินไปถ่ายรูปหอคอยอาซาดี (Azadi Tower) อนุสาวรีย์ที่ใช้เฉลิมฉลองเสรีภาพของอิหร่านซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในเตหะราน

แล้วนั่งรถใต้ดินต่อไปยังสถานี Shahid Haqqani เดินมุ่งหน้าไปยัง Tabiat Bridge พอไปถึงพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าพอดี อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศา เสื้อกันหนาวที่เตรียมกันมานั้นค่อนข้างบาง ไม่นึกว่าจะเย็นขนาดนี้

วิวที่มองจากสะพาน Tabiat

มองลงไปที่ถนนด้านล่างเห็นรถติดกันเป็นทิวแถว

เดินข้ามสะพานไปจนถึง Ab-o-Atash Park ผ่านหอดูดาว Gonbad Mina Planetarium

เดินกันจนเหนื่อย ท้องเริ่มหิวจึงเดินย้อนกลับมาที่ Food Court ที่อยู่ใกล้ๆ นั้น สั่งเคบับ (Kebab) มาทาน แล้วนั่งรถใต้ดินตามเส้นทางเดิมกลับที่พัก ก่อนถึงที่พักเห็นร้านขายผลไม้หยุดแวะซื้อองุ่นและส้มติดมือกลับไปที่พัก และนอนสลบไสลไปด้วยความเพลีย

อ่านตอนต่อไปได้ที่ https://ppantip.com/topic/37048177
ชื่อสินค้า:   กรุงเทหะราน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่