''เราได้เปลี่ยนโลกจริงหรือเปล่า หรือว่าโลกเปลี่ยนเรากันแน่''
เป็นหนังจีนคุณภาพอีกเรื่องที่ไม่อยากให้หลายๆคนพลาดกัน หนังเรื่องนี้สะท้อนวงการการศึกษาของจีน สะท้อนวิถีชีวิต ความสู้ชีวิตของคนจีน ความฝันของคนจีน ความไม่ยอมแพ้ หลายคนมีฝันคือ ''ต้องการไปตามล่าฝัน ที่อเมริกา'' ในยุคที่การขอวีซ่าแสนจะยากเย็น
หนังเล่าถึงสามหนุ่มเพื่อนซี้ที่เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษด้วยกันที่ปักกิ่ง และกำลังถูกฟ้องร้องข้อหาขโมยข้อสอบ Toefl มาให้นักเรียนทำก่อนสอบจริง หลังจากนั้นหนังก็เล่าย้อนถึงเรื่องราวของทั้งสามคนก่อนจะมาเป็นเพื่อนกัน
''เหมิงเสี่ยวจวิน'' เด็กหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในกลุ่ม มีความทะเยอทะยาน เเละเป็นคนแรกในกลุ่มที่ได้ผ่านวีซ่าไป ''อเมริกา''
ภายใต้ความแข็งแกร่งของเขาย่อมซ่อนความอ่อนแอไว้ข้างใน ในหลายๆฉากที่หนังบอกเรา การไปอเมริกาของคนจีนในยุคนั้นยากนัก แต่เขาก็ไปได้ แม้จะไปลำบากอยู่ที่อเมริกาก็ตาม และเขาพ่ายแพ้กลับมาในครั้งแรก
''เฉิงตงซิง'' หนุ่มที่เกิดมาในครอบครัวชาวนา เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะไม่ต้องล้มเหลว และกลับมาทำนาเหมือนดั่งพ่อแม่
''หวังหยาง'' หนุ่มนักอุดมการณ์ที่อยากเป็นกวีที่มีชื่อเสียง มีความโรแมนติคออยู่ในตัว เขาตกหลุมรักกับสาวอเมริกัน ก่อนที่สุดท้ายเธอจะตัดสินใจกลับอเมริกาโดยลำพัง
ชีวิตทั้งสามคนล้วนผ่านช่วงเวลาชีวิตที่เรียกว่า ''ล้มเหลว'' มาแล้วทั้งสิ้น
สิ่งหนึ่งที่หนังต้องการจะบอกเราคือ อย่ากลัว ''ความล้มเหลว''
''ความล้มเหลว''ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว สิ่งที่ต้องกลัวคือ ''การกลัวที่จะล้มเหลว''
ทุกๆคนมีความฝันครับ คนเรามาเรียนเพื่อตามล่าความฝัน แต่บางทีความฝันก็วิ่งหนีเรา อยู่ที่ว่าเราจะไล่จับมันทันหรือเปล่า หลายคนทำตามความฝันสำเร็จ หลายคนก็ล้มเลิกกลางทาง ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องมีเพื่อนที่คอยฉุดเราลุกขึ้นมา คอยปลอบไหล่ เราเคียงข้าในวันที่เหมือนจะก้าวต่อไปไม่ไหว
หนังใส่ประโยค วลีเด็ดๆ มาหลายฉากมากๆ
ผมชอบประโยคคำว่า ''สักวันฉันจะอิจฉานาย'' เป็นประโยคเล็กๆ ที่มีแรงผลักดันยิ่งใหญ่มาก ทุกวันนี้ผมเขียนประโยคนี้ติดไว้ใน ''พจนานุกรม'' ส่วนตัวของผม และเชื่อว่ามันใช้ได้จริงๆ
หนังเรื่องนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีใจรักอยากเรียนภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และมีความฝันที่อยากไปอเมริกา ''การที่เราจะเข้าใจภาษาอังกฤษแบบอเมริกันได้ เราต้องคิดแบบอเมริกัน'' ประโยคนี้ก็จริงครับ วัฒนธรรมการพูดของคนอเมริกัน กับเราๆย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเราอยากเข้าใจภาษาของเขา ต้องเข้าใจวัฒนธรรมของเขาก่อน
ประเด็นความรัก หนังก็ยังใส่เข้ามา ''ความรัก'' ก็ถือเป็นอีกแรงผลักดัน ให้คนเรามีแรงทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรัก ''ด้านบวก'' หรือ ''ด้านลบ'' ก็ตาม
หนังใส่เพลงประกอบเพราะทั้งภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษเพราะๆมาหลาเพลง ฟังเพลินกันเลยทีเดียว
และสุดท้ายจะบอกว่าแม้ประเด็นจะเยอะ แต่หนังเดินเรื่องได้อย่างสนุกมาก กระชับ ตัดต่อรวดเร็วฉับไว ดูง่าย สนุก มีทั้งดราม่า โรแมนติค คอมเมดี้ และข้อคิดเพียบ ครบรสมาก
อยากแนะนำให้หามาดูให้ได้เลยครับ อันนี้ยืนยันว่าหนังดีจริงๆ
ผมเคยดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ครั้งที่แล้วผมก็ชอบมาก เคยเขียนลงเพจเก่าและให้คะแนนไว้ที่ 9/10 ซึ่งครั้งนี้เอากลับมาดูอีกรอบ พบว่าชอบมากยิ่งขึ้น ประทับใจมากยิ่งขึ้น และโดนมากยิ่งขึ้นครับ
ผมจึงให้คะแนนความชอบส่วนตัวไว้ที่ 10/10 เป็นหนังจากฝั่งจีนไม่กี่เรื่องที่ให้คะแนนเต็ม (นอกจากนี้ส่วนให้เต็มแค่ สองคนสองคม และ โหดเลวดีภาคแรก เท่านั้น)
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพลาดอีกแล้วครับกับหนังเรื่องนี้ แล้วคุณจะได้อะไรเยอะเลย
สุดท้ายแล้วผมพบว่า
''ที่จริงเราไม่ได้เปลี่ยนโลกหรอกครับ แต่โลกต่างหากที่เปลี่ยนเรา''
ถ้าชอบติดตามรีวิวอื่นต่อได้ที่
https://www.facebook.com/Chekie-1067083510064457/
[CR] American Dreams In China (2013) สามซ่ากล้าท้าฝัน หนังดีที่อยากบอกต่อ!!!
''เราได้เปลี่ยนโลกจริงหรือเปล่า หรือว่าโลกเปลี่ยนเรากันแน่''
เป็นหนังจีนคุณภาพอีกเรื่องที่ไม่อยากให้หลายๆคนพลาดกัน หนังเรื่องนี้สะท้อนวงการการศึกษาของจีน สะท้อนวิถีชีวิต ความสู้ชีวิตของคนจีน ความฝันของคนจีน ความไม่ยอมแพ้ หลายคนมีฝันคือ ''ต้องการไปตามล่าฝัน ที่อเมริกา'' ในยุคที่การขอวีซ่าแสนจะยากเย็น
หนังเล่าถึงสามหนุ่มเพื่อนซี้ที่เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษด้วยกันที่ปักกิ่ง และกำลังถูกฟ้องร้องข้อหาขโมยข้อสอบ Toefl มาให้นักเรียนทำก่อนสอบจริง หลังจากนั้นหนังก็เล่าย้อนถึงเรื่องราวของทั้งสามคนก่อนจะมาเป็นเพื่อนกัน
''เหมิงเสี่ยวจวิน'' เด็กหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในกลุ่ม มีความทะเยอทะยาน เเละเป็นคนแรกในกลุ่มที่ได้ผ่านวีซ่าไป ''อเมริกา''
ภายใต้ความแข็งแกร่งของเขาย่อมซ่อนความอ่อนแอไว้ข้างใน ในหลายๆฉากที่หนังบอกเรา การไปอเมริกาของคนจีนในยุคนั้นยากนัก แต่เขาก็ไปได้ แม้จะไปลำบากอยู่ที่อเมริกาก็ตาม และเขาพ่ายแพ้กลับมาในครั้งแรก
''เฉิงตงซิง'' หนุ่มที่เกิดมาในครอบครัวชาวนา เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะไม่ต้องล้มเหลว และกลับมาทำนาเหมือนดั่งพ่อแม่
''หวังหยาง'' หนุ่มนักอุดมการณ์ที่อยากเป็นกวีที่มีชื่อเสียง มีความโรแมนติคออยู่ในตัว เขาตกหลุมรักกับสาวอเมริกัน ก่อนที่สุดท้ายเธอจะตัดสินใจกลับอเมริกาโดยลำพัง
ชีวิตทั้งสามคนล้วนผ่านช่วงเวลาชีวิตที่เรียกว่า ''ล้มเหลว'' มาแล้วทั้งสิ้น
สิ่งหนึ่งที่หนังต้องการจะบอกเราคือ อย่ากลัว ''ความล้มเหลว''
''ความล้มเหลว''ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว สิ่งที่ต้องกลัวคือ ''การกลัวที่จะล้มเหลว''
ทุกๆคนมีความฝันครับ คนเรามาเรียนเพื่อตามล่าความฝัน แต่บางทีความฝันก็วิ่งหนีเรา อยู่ที่ว่าเราจะไล่จับมันทันหรือเปล่า หลายคนทำตามความฝันสำเร็จ หลายคนก็ล้มเลิกกลางทาง ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องมีเพื่อนที่คอยฉุดเราลุกขึ้นมา คอยปลอบไหล่ เราเคียงข้าในวันที่เหมือนจะก้าวต่อไปไม่ไหว
หนังใส่ประโยค วลีเด็ดๆ มาหลายฉากมากๆ
ผมชอบประโยคคำว่า ''สักวันฉันจะอิจฉานาย'' เป็นประโยคเล็กๆ ที่มีแรงผลักดันยิ่งใหญ่มาก ทุกวันนี้ผมเขียนประโยคนี้ติดไว้ใน ''พจนานุกรม'' ส่วนตัวของผม และเชื่อว่ามันใช้ได้จริงๆ
หนังเรื่องนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีใจรักอยากเรียนภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และมีความฝันที่อยากไปอเมริกา ''การที่เราจะเข้าใจภาษาอังกฤษแบบอเมริกันได้ เราต้องคิดแบบอเมริกัน'' ประโยคนี้ก็จริงครับ วัฒนธรรมการพูดของคนอเมริกัน กับเราๆย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเราอยากเข้าใจภาษาของเขา ต้องเข้าใจวัฒนธรรมของเขาก่อน
ประเด็นความรัก หนังก็ยังใส่เข้ามา ''ความรัก'' ก็ถือเป็นอีกแรงผลักดัน ให้คนเรามีแรงทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรัก ''ด้านบวก'' หรือ ''ด้านลบ'' ก็ตาม
หนังใส่เพลงประกอบเพราะทั้งภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษเพราะๆมาหลาเพลง ฟังเพลินกันเลยทีเดียว
และสุดท้ายจะบอกว่าแม้ประเด็นจะเยอะ แต่หนังเดินเรื่องได้อย่างสนุกมาก กระชับ ตัดต่อรวดเร็วฉับไว ดูง่าย สนุก มีทั้งดราม่า โรแมนติค คอมเมดี้ และข้อคิดเพียบ ครบรสมาก
อยากแนะนำให้หามาดูให้ได้เลยครับ อันนี้ยืนยันว่าหนังดีจริงๆ
ผมเคยดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ครั้งที่แล้วผมก็ชอบมาก เคยเขียนลงเพจเก่าและให้คะแนนไว้ที่ 9/10 ซึ่งครั้งนี้เอากลับมาดูอีกรอบ พบว่าชอบมากยิ่งขึ้น ประทับใจมากยิ่งขึ้น และโดนมากยิ่งขึ้นครับ
ผมจึงให้คะแนนความชอบส่วนตัวไว้ที่ 10/10 เป็นหนังจากฝั่งจีนไม่กี่เรื่องที่ให้คะแนนเต็ม (นอกจากนี้ส่วนให้เต็มแค่ สองคนสองคม และ โหดเลวดีภาคแรก เท่านั้น)
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพลาดอีกแล้วครับกับหนังเรื่องนี้ แล้วคุณจะได้อะไรเยอะเลย
สุดท้ายแล้วผมพบว่า
''ที่จริงเราไม่ได้เปลี่ยนโลกหรอกครับ แต่โลกต่างหากที่เปลี่ยนเรา''
ถ้าชอบติดตามรีวิวอื่นต่อได้ที่ https://www.facebook.com/Chekie-1067083510064457/