เมืองนี้เขาใช้เพชรเป็นวัสดุก่อสร้างกำแพงเหรอ ถึงตั้งชื่อว่ากำแพงเพชร

แสดงว่าต้องเป็นเมืองที่รวยจนเจ้าสัวยังต้องเรียกป๋าแน่ ๆ ถึงมีเพชรเหลือเฟือจนเอามาประดับเล่น ๆ บนกำแพงได้
เปล่าหรอก มันก็จะจินตนาเกรียนหน่อย ๆ ตามประสาคน Gen Why ? อย่าได้ถือสากันเลยนะครับ

คำถามคือ ไปกำแพงเพชรแล้วมีอะไรให้ทำบ้าง
เพราะที่ผ่านมาแทบจะไม่เคยมีนักท่องเที่ยวลิสต์เป็นจุดหมายปลายทางของทริปเลย
ถูกมองว่าเป็นแค่เมืองผ่านบนรอยต่อระหว่าง เหนือตอนล่าง กับ กลางตอนบน เท่านั้นเอง
มันช่างน่าน้อยใจยิ่งนักกก

ขอสารภาพตรง ๆ เลยว่า กำแพงเพชรไม่เคยอยู่ในลิสต์ทริปเที่ยวของผมเลย
จริง ๆ ทริปนี้เกิดขึ้นจากโอกาสดี ๆ ที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งหยิบยื่นมาให้ครับ
เขาบอกว่า เขาได้อ่านรีวิวชุมชนท่ามะโอกับบ้านป่าเหมี้ยงที่ลำปางของผมแล้วน่าสนใจ
เลยหลังไมค์ให้ผมมาทำรีวิวเมืองกำแพงเพชรด้วยกันในโปรเจ็กต์พิเศษที่มีชื่อว่า
ตามหาสมบัติเมืองพระร่วง
เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 60 ที่ผ่านมา

ดูรีวิวชุมชนท่ามะโอ จ.ลำปาง ได้ที่ : https://ppantip.com/topic/35474072
ดูรีวิวบ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง ได้ที่ : https://ppantip.com/topic/36194689


EP 0 : จุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้นของทริปนี้คือ ออกเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้ของโครงการในเย็นวันศุกร์ตอน 4 โมงเย็น
ไปถึงตัวเมืองกำแพงเพชร 4 ทุ่มพอดีเป๊ะ ซึ่งในส่วนของผู้ร่วมทริปนั้น ครั้งนี้ผมไม่ได้ Solo แบบทริปที่ผ่านมา
เพราะยังมีเหล่านักท่องเที่ยวที่ถูกคัดเลือกจากทั่วทุกสารทิศมาร่วมจอยกับเราด้วย รวม ๆ แล้วก็เกือบ ๆ 30 ชีวิตเห็นจะได้

ไปถึงที่พักแล้วก็ไม่มีอะไรมากครับ พี่อิ๊กผู้เป็นหัวหน้าโครงการนี้ได้มากล่าวต้อนรับและนัดหมายวันรุ่งขึ้นเพียงชั่วเวลาสายฟ้าแลบเท่านั้น
เพราะทุกคนโดนความง่วงเข้าครอบงำโดยพลันกันหมดแล้ว โอเค แยกย้าย ปิดไฟนอน


EP 1 : จับจุด

ตื่นเช้ามา คนรอบข้างต่างมองหน้ากัน อารมณ์ประมาณว่าตกลงจะให้ทำอะไรยังไงกันแน่
ตอนแรกผมคิดว่า ถ้าจัดทริปแบบไปยกแก๊งรวมทั้งหมดเกือบ ๆ 30 คนนี่ บริษัททัวร์ชัด ๆ เลยนะ
แต่สิ่งที่ผมคิดกับความเป็นจริงก็ไม่ได้ตรงกัน เพราะพี่อิ๊กได้แบ่งกลุ่มพวกเราออกเป็น 4 กลุ่ม
ทั้งกลุ่มซีเนียร์ขั้นเทพ กลุ่มแว่นขยาย กลุ่มลองของ และกลุ่มฮิปสะเต๋อ

ปรากฏว่าผมถูกเลือกให้เข้ากลุ่มลองของ ถ้าจะเรียกให้มันชิค ๆ คูล ๆ แบบเป็นทางการหน่อยก็จะเรียกว่า
E x p e r i e n c e  C r e a t o r
แปลว่า นักเรียนรู้สร้างสรรค์ประสบการณ์ด้วยตัวเอง
ง่าย ๆ คือเที่ยวแบบมั่วซั่วว่างั้นเถอะ เดี๋ยวก็รู้ 555 ซึ่งเป็นอะไรที่บังเอิญสลัส
เพราะสมาชิกทุกคนที่ถูกหลอกมา เอ๊ย! คัดเลือกมา แมร่งเคมีเดียวกันเลยว่ะ
ช่วงอายุเดียวกัน อาชีพสไตล์เดียวกันอีกต่างหาก ทำกราฟิก ทำอีเวนต์ ทำบริษัททัวร์ เป็นครีเอทีฟ เขียนคอนเทนต์ บลาๆๆ



ไม่พูดพล่ามละ ทำแพลนดีกว่า
ในกลุ่มไม่มีใครเคยมาเที่ยวกำแพงเพชรแบบจริงจังเลย ข้อมูลท่องเที่ยวพี่อิ๊กก็เพิ่งให้สด ๆ ร้อน ๆ เลย งานด้นสดก็ต้องมา มีเวลาให้แพลนราว ๆ 15 นาที ก็ขีด ๆ เขียน ๆ ในแผนที่วนไปสิว่าจะไปไหนยังไง ตีกันไปตีกันมา สุดท้ายก็ได้ใจความสำคัญว่า

ที่เที่ยวในกำแพงเพชรแบ่งเป็น 2 โซนหลักคือ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร กับ ชุมชนนครชุม
ตอนเช้าไปซึมซับความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษในอุทยานประวัติศาสตร์กันก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยไปสโลว์ไลฟ์ในนครชุม
เอ้าลุกสิรออะไร !

ปล. รถตู้โครงการคือเพื่อนอีกคนที่จะอยู่กับพวกเราตลอด 2 วันนาจ้า (รูปนี้ยืมจากเพื่อนในกลุ่มมา)


EP 2 : หยาดฝนบนก้อนศิลาสีส้ม

ตอนแรกที่แพลนกันไว้ เราจะเข้าไปเก็บจุดสำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรต่อไปนี้

รวมแล้วก็จัดทริปไหว้พระ 9 วัดได้พอดี


อากาศ ณ ตอนนั้น เวลาเกือบ ๆ จะ 9 โมงเช้า ฟ้าก็ยังครึ้ม ๆ เหมือนฝนเตรียมพร้อมจะเทกระจาดทุกเมื่อ



อ้าว ๆ ๆ เขาเดินไปกันหมดแล้วยังจะถ่ายอีก

มาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรต้องเสียค่าเข้าด้วยเน้อ 20 บาทไม่ขาดไม่เกิน
ตอนแรกว่าจะเช่าจักรยานแก๊งแฟนฉันปั่นรอบอุทยานฯ แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าตรงหน้าทางเข้ามีจักรยานไม่พอ
แถมรู้สึกว่าเริ่มมีหยดน้ำเม็ดเล็ก ๆ ลงมาสัมผัสกายทีละเม็ดสองเม็ด
ก็เป็นอันรู้กันนะจ๊ะ ทำเวลา ๆ ขึ้นรถไปที่  วั ด อ า ว า ส ใ ห ญ่  ที่อยู่ใกล้ทางเข้าที่สุดก่อน









พระอุโบสถวัดอาวาสใหญ่



เทวดาอาจจะกำลังสะเด็ดน้ำอยู่ วัดแรกที่พวกเรากำลังเช็คอินอยู่จึงยังเข้าที ไม่มีอะไรต้องกลัว




อ่างกักเก็บน้ำ แลนด์มาร์กสำคัญของวัดอาวาสใหญ่
ทั้งหมดก็จะประมาณนี้ครับ เดี๋ยวเราไปต่อวัดที่สองกันนะฮะ


วั ด ช้ า ง ร อ บ
โบราณสถานที่อลังการที่สุดในอุทยานฯ แล้ว ทำไมถึงชื่อวัดนี้ เหตุผลตามภาพเลยครับ




พอเดินขึ้นไปยังฐานเจดีย์ รู้เรื่องเลยครับ
รู้เรื่องวัดเหรอ ? เปล่า รู้แล้วว่าทำไมถึงชื่อเมืองกำแพงเพชร เพราะลื่นล้มไปโดนก้อนอิฐไง
ตอนแรกคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก แต่พอเดินสำรวจรอบ ๆ ฐานเจดีย์แล้วรู้สึกทำไมแสบ ๆ ส้นเท้าจัง
ยกเท้าขึ้นมาดู เท่านั้นแหละครับ ได้เลือดเลยสาจจจจจ ตลกปะวะ แค่ลื่นล้มไปโดนก้อนอิฐเนี่ยนะ

คือมันไม่ใช่ก้อนอิฐธรรมดาน่ะสิ แต่เป็นก้อนอิฐศิลาแลง ถ้าลองจับก้อนอิฐของวัดนี้ดูแล้วรู้สึกคม ๆ นั่นแหละ ใช่เลย
มาพิสูจน์ได้นะ 555



ตอนขึ้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงระวังกันด้วยเน้อ โดยเฉพาะตอนฝนตกคือแบบ โคตรลื่นสึส ๆ
แต่ความชันถือว่ายังโหดน้อยกว่าพระปรางค์วัดอรุณนะ


เดินดูรอบ ๆ วัดช้างรอบอยู่ดี ๆ อ้าวเฮ้ย ฝนเทกระจาดลงมาแบบไม่บอกกล่าวกันเลยเหรอวะ
ดีนะที่น้องเจมส์ พี่เลี้ยงประจำกลุ่มแจกเสื้อกันฝนไว้ก่อนแล้ว
แต่ปัญหาคือคนสู้ แต่กล้องถ่ายรูปดันไม่สู้น่ะสิ บอกผมและเพื่อน ๆ ว่าอย่าเสี่ยงเลย ไม่คุ้มหรอกน้อง
งั้นขึ้นไปตั้งหลักบนรถตู้ก่อนว่าจะเอายังไง ฝนเทขนาดนี้ ลองขับตระเวนในอุทยานฯ
ปรากฏว่าไม่มีจุดไหนที่ให้ร่มไม้ใหญ่พอที่จะหลบฝนได้เลย
และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเมื่อไหร่ สรุปคือไปหลบฝนที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฯ ก่อน ที่เหลือค่อยว่ากันใหม่


EP 3 : ภายใต้ท้องฟ้าสีหมอก

ตอนแรกตั้งใจว่าแค่หลบฝนก็พอ แต่ก็แบบ...นะ ไหน ๆ ก็เข้ามาใช้สถานที่แล้ว (เสียค่าบัตรด้วย 20 บาท) เข้าไปดูขำ ๆ พอเป็นพิธีละกัน








แต่พอเข้าไปจริง ๆ ไม่ขำแล้วล่ะครับ เพราะพอเห็นโบราณวัตถุต่าง ๆ และนิทรรศการที่บอกพัฒนาการ
ทางสังคมและวัฒนธรรมภายในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ผมว่าต้องดูแล้วล่ะ แต่ดูในส่วนของประวัติศาสตร์แบบพอผ่าน ๆ นะ
มาโฟกัสเก็บข้อมูลจริง ๆ จัง ๆ ในส่วนของวิถีชีวิต ข้อมูลประชากร และวัฒนธรรมนี่แหละ (ภาพจะเล่าเรื่องเองครับ)
เพื่อจะได้หาที่เที่ยวที่เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประเด็นพวกนี้ไปในตัวด้วย



รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสต้นที่กำแพงเพชรด้วย






เมื่อก่อนพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเป็นที่รกร้าง (บริเวณที่ราบ) แล้วก็มีคนจากหลายถิ่นมาตั้งรกรากที่นี่
ทั้งจากทางเหนือ อีสาน ภาคกลาง และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ถ้าคุยกับคนพื้นที่จะพบว่า สำเนียงภาษามีหลากหลายมาก

เดินดูจนครบแล้วก็เอาไงต่อ จะให้นั่งตบยุงรอฝนหยุดแล้วไปต่อก็ไม่ใช่ Experience Creator ปะ
เพราะฉะนั้น เราต้องวิ่งฝ่าฝนไปพิพิธภัณฑ์เรือนไทยที่อยู่ใกล้ ๆ เสื้อกันฝนก็มี กลัวไรล่ะ
(ไว้มาต่อตอนพิพิธภัณฑ์เรือนไทยตอนหน้านะครับ พอดีพื้นที่เต็ม 555)