[CR] ห า ย ไ ป พั ก : หยุดเวลา และ ไปเมืองฮิปสเตอร์ “ปีนัง”

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกคน ห่างหายไปสักพักกับการที่ผมไม่ได้เขียนเล่าเรื่องราวที่พบเจอระหว่างท่องเที่ยว (เป็นรีวิวที่ 2) ซึ่งแน่นอนครับ ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเขียนเรื่องราวต่างๆ ทริปนี้ของผมคงเสร็จสิ้นไปแล้ว  และตัวผมก็คงนั่งอยู่ในสถานที่สบายๆ พร้อมกับกาแฟถ้วยโปรด และ สองมือที่กำลังบรรเลงพิมพ์เรื่องราวต่างๆ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเขียนเล่าเรื่องราว คือ การนึกถึงสิ่งที่เราพบเจอ และ ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยวนั่นเอง และ วันนี้ผมจะพาทุกคน “ห า ย ไ ป พั ก” กันที่ “ปีนัง” ครับ

แน่นอนครับและนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เที่ยวปีนัง ซึ่งปีนัง หรือ ถ้าเรียกให้ถูกคือ “รัฐปีนัง” เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย มีเมืองหลวง คือ จอร์จทาวน์ (George Town) เป็นเมืองเล็กๆ ติดริมทะเล ที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าๆสวยๆ ซึ่งได้รับการออกแบบสถาปัตยกรรม สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ทั่วทั้งเมือง  จุดเด่นของปีนัง คือ เป็นเมืองแห่งศิลปะบนกำแพง หรือ ที่เราเรียกกันติดปาก คือ “Graffiti” และ มันดียังไงละ? มัน feel good ยังไงละ? ทำไมผู้คนต่างๆ จึงชอบมากัน? และ ทำไมมีรีวิวมากมายในโลกออนไลน์? งั้นเราไปดูกันครับ ไปหาคำตอบด้วยกันครับ


วันที่ 21 ตุลาคม 2560
สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ก็มีจุดเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองเช่นเคยครับ การเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นถือว่าสะดวกและเร็วที่สุดครับ (เริ่มเดินทางได้ครับ)

หลังจากที่ผ่าน ตม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากวันนี้มาก่อนเวลาพอสมควรเพราะกลัวคนเยอะ เลยมีเวลาเหลือให้เดินชมรอบสนามบินครับ

สิ่งที่ผมชอบเวลามาสนามบิน คือ การที่เราได้เห็นพบเห็นผู้คนต่างๆ ที่กำลังจะเดินทางเหมือนเราครับ

เที่ยวบินของเราวันนี้ อยู่ที่ Gate 4 ครับ คนเยอะใช้ได้เลยครับ เวลาบินของเราคือ 10:50 ครับ

ซึ่งการขึ้นเครื่องในครั้งนี้เราต้องต่อรถในสนามบินเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องครับ

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงเจ้านกเหล็กลำนี้ ที่จะพาเราสู่จุดหมายในวันนี้ครับ ฟ้าวันนี้สดใสเป็นใจให้ “หายไปพัก” จริงๆครับ (Airbus 320)

โชคดีได้นั่งริมหน้าต่าง สบายละคราวนี้ ได้ถ่ายรูปจากบนท้องฟ้าแน่นอน และ เวลา 10:50 เครื่องก็ออกเดินทาง ตรงเวลาจริงๆครับ

หลังจากเครื่องขึ้นได้ไม่นานก็ขอเก็บภาพท้องฟ้าที่สดใสซะหน่อย

หลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม. เราก็มาถึงจุดหมายครับ กับ เมืองฮิปสเตอร์ “ปีนัง”

ลงเครื่องแล้วสิ่งแรกๆที่ต้องทำ คือ 1. ซื้อ sim มือถือ และ 2. นั่ง Taxi ไปโรงแรมเพื่อเก็บของต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มเที่ยวกันครับ การนั่ง Taxi ในครั้งนี้เราใช้บริการ Grab Taxi ครับ เดี๋ยวท้ายเรื่องจะมาพูดข้อดีให้ฟังครับ ว่าทำไมถึงสะดวก และ ดีมากๆ ครับ

ที่พักของเราในครั้งนี้ คือ ที่นี่ครับ “Chulia Heritate Hotel” ซึ่งผมคิดว่าก่อนหน้านี้ที่นี่น่าเคยเป็น Hostel มาก่อน และ ก็นำมาปรับปรุงใหม่ การตกแต่งแน่นอนครับ Heritage สมชื่อจริงๆครับ

โรงแรมมีแค่ 2 ชั้นเท่านั้น เดินบันได ได้อย่างเดียวครับ และ ห้องน้ำจะเป็นแบบแชร์ ซึ่งถ้าใครไม่สะดวกจะแบ่งห้องน้ำกับใครก็เปลี่ยนที่ครับ แต่สำหรับผมนั้นไม่มีปัญหาขอแค่ห้องน้ำสะอาดก็เพียงพอละครับ (ห้องที่เปิดประตูทางซ้าย คือ ห้องพักของผมเองครับ)

หลังจากที่เราเก็บของกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันละครับ แต่ ก่อนที่จะไปเที่ยวได้ ขอเติมพลังก่อนนะครับ หิว

ระหว่างเดินไปหาอะไรทาน ก็เจอศิลปะ บนผนังแล้วครับ

มื้อแรกที่นี่ คือ บะหมี่แห้งครับ ด้วยความที่ว่า หิว เร็ว ไม่แพง และ รีบอยากไปเที่ยว จัดไปหนึ่งชาม ตามด้วย Coke เย็นๆ มีแรงเที่ยวละครับ

หลังจากอิ่มท้อง เราก็เดินทางไปเที่ยวกันที่แรกเลยครับกับวัดแห่งนี้ “เก็กลกสี่ (Kek Lok Si)” หรือ รู้จักกันในอีกชื่อหนี่งคือ Temple of Supreme Bliss ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ยังเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงของปีนัง

วิวจากวัดหันเข้าเมืองครับ

หลังจากเสร็จจากวัดเก็กลกสี่แล้ว เราก็จะไปเที่ยวยังจุดที่สองที่ถือว่าเป็น Hightlight ของปีนังเลยก็ว่าได้ กับที่นี่ครับ “Penang Hill” Penang Hill เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของปีนัง และ ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในปีนังเช่นกัน โดยมีความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล ถึง 712 เมตร สวยงามจริงๆ ครับ

การที่จะขึ้นไปบน Penang Hill ได้นั้น ก็ไม่ได้ยากอะไรครับแค่เสียค่าขึ้นโดยการนั่งรถรางขึ้นไปครับ ซึ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปจะเสียค่าใช้จ่ายคนละ 30RM ต่อ 2 รอบ (ขึ้นและลง) แต่ถ้าเป็นนักศึกษาอยู่ละก็อย่าลืมพกบัตรนักศึกษาไปนะครับ ลดค่าเสียหายไปได้ครึ่งนึงเหลือแค่ 15RM ครับ

หลังจากชมวิวเสร็จก็ได้ถึงเวลาลงละครับ ซึ่งการลงไปนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาก ทำให้การจะลงไปข้างล่างนั้นต้องต่อคิวและใช้ระยะเวลาการรอที่นานเหมือนกันครับ ผมเองก็รอจนหิวมากๆ พอลงได้ละก็มุ่งหน้าหาของกิน
บะหมี่อีกแล้ว ก็มันหาง่ายนี่หน่า

ชามนี้คือก๋วยเตี๋ยวแกงครับ รสชาติ คือ แกงกะหรี่ นี่เอง

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จก็ถึงเวลาพักผ่อนยามค่ำคืน คืนนี้เราเลือกที่จะไปนั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันที่ถนน “Love Lane” ซึ่งถนนสายนี้ถือว่าเป็นถนนสายเดียวที่ผมเห็นว่ามีร้านชิวๆ ให้นั่งกินนั่งดื่ม และ ฟังเพลง

ฟังเพลงเบาๆ กับบรรยากาศชิวๆ

จบไปกับวันแรกครับ ยิ้ม เดี๋ยวมาต่อนะครับ
ชื่อสินค้า:   หายไปพักปีนัง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่