เรื่องเกิดขึ้นตอนที่เราอยู่ ปี 5 และกำลังออกฝึกตาม ร.ร. คะ
กลุ่มของเรามีทั้งหมด 5 คน ซึ่งประกอบด้วย เพลง(ก็คือเรา), ขวัญ, ยิ้ม, ฟ่าย และมิ้น (ทั้งหมดเป็นนามสมมติ)
เพลง ขวัญ ยิ้ม และฟ่าย เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ปี 1 ส่วนมิ้นนั้นพึ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่มตอนที่ขึ้นปี 2
ซึ่งพวกเราออกฝึกคนละ ร.ร. กัน เพลง ยิ้ม และมิ้น ฝึก ร.ร. เดียวกัน
ขวัญกับฟ่ายก็ออกฝึกกันอีก ร.ร. ซึ่งห่างไกลพอสมควร
เราต้องยอมรับก่อนเลยว่าเราผิดเต็ม ๆ ที่แอบไปตั้งกลุ่มแชท 4 คน (ไม่มียิ้ม) เพื่อเอาไว้พูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป และเรื่องของยิ้มโดยเฉพาะ และการที่เราไปตั้งกลุ่มแชทใหม่ขึ้นมานั้น ก็เพราะว่ายิ้มเริ่มที่จะเปลี่ยนไปจนพวกเรา 4 คนก็เริ่มรับไม่ได้
ปกติยิ้มเป็นคนเงียบ ๆ และถ้าวันไหนรั่ว ก็จะรั่วแบบทำให้เพื่อนในกลุ่มอารมณ์ดีกับความรั่วของเขาไปด้วย แต่ถ้าวันไหนยิ้มเงียบพวกเราก็จะเงียบเพื่อปล่อยให้ยิ้มใช้เวลากับตัวเองก่อน พอสบโอกาสก็จะถามว่าเป็นอะไร แล้วหลังจากนั้นยิ้มก็จะคุยเหมือนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือถ้ามีปัญหาไม่พอใจอะไรเพื่อนในกลุ่มขึ้นมาจริง ๆ ยิ้มจะไม่พูดบอกออกมาตรง ๆ แต่จะใช้การโพสต์ลงเฟสระบายแทน และฟ่ายมักจะเป็นคนเห็นตลอด และจะเปิดประเด็นถามยิ้มทุกครั้งว่าด่าพวกเราเหรอ? ตอนถามยิ้มก็จะปฏิเสธว่าไม่ได้ด่าพวกเรา แต่พอต้อนจนมุมเรื่องระยะเวลาที่ยิ้มโพสต์เป็นช่วงที่อยู่ด้วยกัน ยิ้มก็จะยอมรับว่าใช้ และถึงจะพูดคุยปรับความเข้าใจกัน จนเรากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และเป็นอย่างนี้ตลอดทุกครั้งที่ไม่เข้าใจกัน
ถ้าถามว่ายิ้มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เริ่มเล่น ROV เพราะคำแสลงต่าง ๆ เริ่มมีออกมาเรื่อย ๆ เวลาที่เรา 3 คน (เพลง ยิ้ม และมิ้น) พูดคุยกันที่ ร.ร. ซึ่งเมื่อก่อนตั้งแต่คบกันมาพวกเราไม่เคยพูดคำหยาบอย่าง เ_ี้ย _ัตว์ _ึง หรือ _ู เลย จะมีพูดบ้างตอนที่จะตบมุข หรือชงอะไรแบบนี้ หรืออยู่ในห้วงอารมณ์ที่โมโห หรือหงุดหงิดคนอื่น ซึ่งไม่บ่อย และไม่ตลอด แต่หลัง ๆ ยิ้มมักพูดคำพวกนี้ในคำแสลงทับคำ อย่าง ฟวย สตอ อีพวกตัวเงินตัวทอง ผัว สลิด ซึ่งช่วงแรก ๆ พวกเราไม่อะไรเลยออกจะเฉย ๆ ที่ยิ้มพูดออกมา แต่หลัง ๆ ชักเยอะจนรับไม่ได้ หรือบางทีจะชอบทำหน้านิ่งพูดนิ่ง ๆ จนเราไม่กล้าที่จะคุยกับยิ้ม หรือเริ่มคุยไม่ถูก จนกลายเป็นว่าวันนั้นทั้งวันต่างฝ่ายต่างเงียบ จนไม่ได้คุยกันจนหมดวันก็มี
เหตุการณ์แรก นั่งประชุมกันอยู่ ครูในหมวดเอาของว่างมาให้ก็คือขนมปัง กับนมเปรี้ยว ซึ่งมีรสส้ม 1 กล่อง กับรสสตอเบอรี่ 2 กล่อง ยิ้มหยิบเอารสส้มไปก่อน ก่อนจะบอกให้เรากับมิ้นเอานมสตอเบอรี่ไป พร้อมกับพูดเน้นย้ำคำว่าสตออยู่หลายครั้ง จนเราโมโหตอกกลับไปว่ารสส้มก็สตอไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
เหตุการณ์สอง วันนั้นเป็นวันที่เด็กสอบ และพวกเรา 3 คนมีหน้าที่เป็นกรรมการคุมสอบสำรอง ระหว่างที่นั่งรออยู่ในห้อง ยิ้มที่พึ่งมาถึงก็เดินเข้ามาหน้านิ่ง ๆ พร้อมกับพูดว่าวันนี้เขาไม่ไปคุมสอบนะ เล่ม ปพ. เด็กยังไม่เสร็จ เรากับยิ้มก็เออ..ไม่เป็นไรให้เพื่อนทำให้เสร็จ เพราะเขาก็เร่งใหส่งเหมือนกัน ทีนี้พอครูในหมวดเดินเข้ามาถามว่าช่วงเช้านี้มีใครไม่ไปคุมสอบบ้างมั้ย ครูจะฝากให้ดูเด็กที่จะมาทำงานย้อนหลังหน่อย เพราะครูเขาต้องไปเป็นคนคุมสอบ ด้วยความที่ไม่มีใครตอบออกมา เราก็เลยบอกครูไปว่ายิ้มว่าง เพราะยิ้มบอกเราเองว่าจะไม่ไปคุมสอบวันนี้ แต่พอเราตอบไปเท่านั้นแหละ ยิ้มก็สวนกลับมาเลยว่าบอกตอนไหน เราก็ตอบกลับไปว่าก็เมื่อกี้พึ่งบอกว่าจะไม่ไป แล้วยิ้มก็บอกว่าบ้างทีพูดเล่นพูดจริงก็คิดบ้างนะ หน้าทีเป็นหน้าที่ เป็นคนมีหน้าที่ก็ต้องทำ ไม่ใช่ไม่ทำ เราเลยย้อนกลับไปอีกว่าถ้าคราวหลังจะพูดเล่นก็ไม่ต้องพูด และเรื่องก็จบด้วยการที่เราทั้งคู่เงียบใส่กัน ทีนี้พอเราไปลงชื่อและรอคำสั่งให้ไปคุมสอบแทน ปรากฏว่าวันนั้นไม่ต้องเข้าคุมสอบแทน พวกเราก็เลยเดินกลับมาที่ห้องหมวด พอเข้าไปในห้องยิ้มก็นั่งทำเล่ม ปพ. ที่ค้าง จนกระทั่งเที่ยง มิ้นก็ถามขึ้นว่าเราไปกินข้าวกันมั้ยเที่ยงแล้ว เราก็นั่งเงียบ ๆ รอให้ยิ้มตอบ แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร ทิ้งช่วงไว้สักพักมิ้นก็ถามขึ้นอีกรอบ ยิ้มก็เงียบเหมือนเดิมราวกับไม่ได้ยินอะไร และไม่นานยิ้มก็ลุกขึ้นแล้วถามเรา 2 คนว่าไปกินข้าวกันมั้ย มิ้นรีบตอบเลยว่าไป ๆ เราก็เก็บของ หากระเป๋าตังค์เตรียมไปกินข้าวด้วย แต่เราดันหูดีไปได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่รอดออกมาจากปากของยิ้ม "ก็แค่ถาม" ทำเอาเราไม่อยากไปกินข้าวด้วย พอพูดแค่นั้นยิ้มก็เดินออกไปเลยไม่รอกเรา 2 คน พอเรา 2 คนตามไปก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน เรากับมิ้นเลยตัดสิ้นใจหาข้าวแถว ๆ นั้นกินกัน
เหตุการณ์ที่สาม เรากับมิ้นเป็นพวกมา ร.ร. แต่เช้า และพอครูมาเปิดห้องสิ่งแรกที่เราทำก็คือกวาดห้อง เก็บขยะตามโต๊ะครูไปทิ้งด้านนอก ส่วนยิ้มเคยมีช่วยเก็บกวาดบ้างตอนช่วงเปิดเทอมแรก ๆ แต่หลัง ๆ ก็ไม่ทำแล้ว จนวันนี้ที่ยิ้มมาถึงห้องหมวด และเห็นเรา 2 คนกำลังกวาดห้องอยู่ แทนที่เขาจะเก็บกระเป๋าแล้วมาช่วย ไม่!!! สิ่งที่เขาทำคือการยืนมองเรา และคุยกับครูที่เปิดประตูห้องว่า ครูจ้างแม่บ้านมาใหม่เหรอคะ แล้วก็หัวเราะสนุก ทั้งที่เราสองคนไม่สนุกด้วย เราเลยสวนกลับด้วยความปากไว ว่ารีบ ๆ เข้าห้องไปเถอะแบบห้วน ๆ และชักสีหน้าแบบไม่พอใจ
เหตุการณ์ที่สี่ ครูพี่เลี้ยงของยิ้ม กับมิ้นเดินเข้ามาถามพวกเรา 3 คนว่าแต่ละคนถนัดโปรแกรมอะไร เพราะจะให้ไปช่วยคุมเด็กเพื่อลงแข่งขัน พวกเราด้วยความที่ถนัดอะไรที่คล้าย ๆ กัน ก็จะแบ่งแบบครูคนไหนดูแลเด็กเซ็ทไหน จนกระทั่งมาถึงการแข่งเกมโดยใช้โปรแกรม Excel กับ Fl เราก็ยืนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ออกความเห็นอะไร ส่วนมิ้นก็ออกไปคุยกับครูในหมวดข้างนอก และก็เหมือนเดิมคือยิ้มพูดขึ้นมาว่าเราถนัด ตอนอยู๋มหาลัยเพลงนะตัวเด่นเลย ทำอะไรก็เด่นไปหมด (พูดแบบเน้นย้ำ จีบปากจีบคอ) เราหันไปมองยิ้มและถามกลับว่ายิ้มเกลียดอะไรเราตั้งแต่ตอนเรียนมั้ยเนี่ย ซึ่งเราพูดแบบติดตลก แต่ในใจนั้นโคตรจะหงุดหงิดที่ยิ้มพูดแบบนั้นออกมา
เหตุการณ์ที่ห้า วันนั้นเป็นวันเกิดของมิ้น ซึ่งเราเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแผนการณ์เลยคุยกับยิ้มว่าเราจะแกล้งเป็นทะเลาะกับมิ้น แล้วพาลจะไม่พูดกับมิ้นตลอดทั้งอาทิตย์ แล้วจะเฉลยให้มิ้นรู้ว่าเราแกล้งตอนวันศุกร์ที่ต้องไปประชุมสัมนาที่มหาลัย ซึ่งวันนั้นจะได้เจอกับขวัญ และฟ่ายด้วย เรากับยิ้มตบปากตกลงกันอย่างดี จนกระทั่งผ่านมาหลายวันแล้วมิ้นก็เฉยชาจากที่เป็นคนพูดมากกลายมาเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำ จนเรานึกสงสารเพื่อน ในขณะที่ยิ้มก็สงสัยเหมือนกันว่ามิ้นเฉยมากไปหรือเปล่า เพราะปกติมิ้นจะไม่ชอบบรรยากาศเงียบ ๆ แบบนี้ และจะถามตลอดว่าเป็นอะไรกัน ยิ้มถามว่าเราว่า หรือว่ามิ้นจะรู้เรื่องแผนที่เราวางไว้ เราก็คิดว่าเป็นไปได้เหมือนกัน แล้วยิ้มก็พูดขึ้นมา หรือว่าฟ่ายจะหลุดปากบอกมิ้นเรื่องแผนไปแล้ว เพราะมิ้นกับฟ่ายชอบคุยแชทด้วยกัน ตอนอยู่มหาลัยก็ได้ฉายาจากพวกเราว่า "แฝดนรก" เพราะชอบทำตัวติดกัน พูดรู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง รั่วเหมือน ๆ กัน ยิ้มบอกให้เราลองแอบเข้าเฟสของมิ้นดู จะได้รู้กันไปเลยว่ามิ้นรู้แผนที่วางไว้หรือเปล่า เราเองก็จี้ทำตามด้วยความที่ไม่อยากให้แผนรั่ว เข้าเฟสของมิ้นที่คอมครูที่มิ้นเคยเข้าไว้ แต่ปัญหาก็เกิด เพราะเราไม่รู้รหัสผ่าน ยิ้มบอกว่าจำได้ว่ามิ้นชอบพูดว่ารหัสผ่านเป็นวันเกิดของศิลปินที่เธอชอบ เราก็เลยลองกดดู ปรากฏว่าเข้าได้เฉย เรารีบเข้าแชทของมิ้นเพื่อไล่ดูประวัติของมิ้นว่าได้แอบแชทคุยกับฟ่ายหรือเปล่า สรุปว่าไม่ เรานั้นคิดจะล็อกอินออกจากระบบของมิ้น แต่ยิ้มกลับบอกว่าช่วงนี้มิ้นเหมือนแอบคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง และก็ไล่ดูประวัติแชทของยิ้มอย่างถือวิสาสะอีกครั้ง...
*** แต่พอเฉลยวันเกิดมิ้นแล้ว เราก็ขอโทษมิ้น และบอกมิ้นไปตรง ๆ ว่าเราเคยแอบล็อกอินเฟสของมิ้น เพื่อเข้าไปดูว่ามิ้นแอบแชทกับฟ่างเรื่องแผนวันเกิดหรือเปล่า
เหตุการณ์ที่ 6 ตอนเราไปประชุมที่มหาลัยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา.. ตอนนั้นเรา 4 คุยนั่งคุยกันเรื่องของยิ้มที่โรงอาหาร ระหว่างรอยิ้มมา พอยิ้มมาถึงฟ่ายก็ทักยิ้มก่อนเลยว่า กินไรมายัง (ถามดี ๆ) ยิ้มตอบกลับ ไม่กินไม่หิว (เสียงห้วน ๆ หน้านิ่ง ๆ) ฟ่ายชักสีหน้าเริ่มไม่พอใจเพราะถามดี ๆ แต่ตอบกลับมาอย่างนั้น เลยบอกกลับไปอีกว่า ก็แล้วแต่ ยิ้มตอบกลับมาหน้านิ่ง ห้วนเหมือนเดิมว่า ฟวย!!! พอตกเย็นระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน เราต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพราะขวัญอยากจะซื้อรองเท้า ช่วงที่ถนนว่างฟ่ายกับมิ้นก็เดินข้ามนำไปก่อน เราก็เลยตะโกนบอกให้ขวัญกับยิ้มที่เดินกันอยู่ข้างหน้าข้ามตาม ระหว่างที่เราข้ามกัน ยิ้มไม่ได้ข้ามมาด้วย จนขวัญต้องดึงแขนยิ้มแล้วบอกให้ข้ามตามมา พอข้ามมาได้ยิ้มก็พูดใส่เลย แหม่...อีพวกตัวเงินตัวทอง ข้ามกันทำไมไม่บอก ทั้งที่เราเองก็จำได้ว่าตะโกนบอกไปแล้วตั้งไม่รู้กี่รอบว่าให้ข้าม
และนั้นคือสิ่งที่พวกเราทั้ง 4 คนเห็นถึงความเปลี่ยนไปของยิ้ม จนตั้งกลุ่มแชทขึ้นมาใหม่ (พึ่งตั้งได้ 2 อาทิตย์ หลังจากไปประชุมที่มหาลัยวันนั้น) เพื่อปรึกษากันว่าเราควรจะทำอย่างไรกันต่อ ซึ่งเรื่องที่เราคุยกันในแชทเกือบทุกวัน คือการที่ฟ่ายกับขวัญจะทักถามตลอดว่าวันนี้ยิ้มเป็นไงบ้าง คุยกับพวกเรา หรืองอแงอะไรอีกหรือเปล่า และเราก็จะตอบกลับไปแบบ..วันนี้มาถึงก็เงียบ หน้านิ่งอีกแล้ว ถามอะไรไปก็เงียบจนเรากับมิ้นอึดอัด และไม่รู้ว่าควรทำยังไง
จนกระทั่งเรื่องแชทที่เราตั้งขึ้นมา 4 คนแตก ยิ้มรับรู้ถึงการมีอยู่ของแชทที่ไม่มีตัวเอง วันนั้นเรากับมิ้นต้องเอาเอกสารไปให้อาจารย์ที่มหาลัย แล้วบังเอิญว่าเราทักไปถามขวัญว่าทำไรอยู่ได้ไป ร.ร. มั้ย แล้วขวัญบอกว่าวันนี้ขวัญกับฟ่ายนัดอาจารย์เพื่อคุยงานที่มหาลัย เราเลยตกลงนัดขวัญกับฟ่ายว่าเดี๋ยวไปเจอกัน ซึ่งตอนที่จะเอาเอกสารไปให้อาจารย์ เราก็ถามยิ้มนะว่าไปมหาลัยด้วยกันป่าว แต่ยิ้มทำเพียงส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ เรากับมิ้นเลยไปกัน 2 คน และพอไปถึงเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยกับขวัญ และฟ่าย มีคุยเรื่องของยิ้มบ้างแต่ก็เป็นการปรึกษาว่าเราควรทำยังไงกันต่อ แล้วอะไรทำให้ยิ้มเปลี่ยนไปขนาดนี้ พอตกเย็นมิ้นที่จับโทรศัพท์อยู่ก็มีแจ้งเตือนในอินสตาแกรมของยิ้มขึ้นมา พอเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละ รูปสตอเบอรี่เต็มจอเลย พร้อมกับแคปชั่น "เพื่อนที่ด่ากันได้ตรง ๆ เรียกเพื่อนสนิท แต่เพื่อนที่เอาเราไปด่าลับหลังอันนี้เรียกเพื่อนเ_ี้ย #เพื่อนเลว" เรากับมิ้นพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกันว่าโดนแล้วหนึ่งตัสเบา ๆ เราก็เลยเปลี่ยนจุดหมายที่ส่งเอกสารเสร็จจะกลับบ้าน คือการกลับไปรวมตัวกับขวัญ และฟ่ายที่ตึก(ทั้ง 2 คนขึ้นไปคุยงานกับอาจารย์)ก่อน เพื่อจะพูดคุยถึงเรื่องนี้กันต่อ แต่พอขึ้นตึกไปเพื่อพูดคุย ฟ่ายที่เปิดดูโพสต์ของยิ้มก็ยื่นโทรศัพท์มากลางวง บอกว่ายิ้มแก้ไขแคปชั่นเป็น "เพื่อนที่ด่ากันได้ตรง ๆ เรียกเพื่อนสนิท แต่เพื่อนที่เอาเราไปด่าลับหลังอันนี้เรียกเพื่อนเ_ี้ย #เพื่อนเลว #พอดีไม่คบใครเป็นเพื่อนด่าได้ #เมื่อไหร่พวก_ึงจะโต #สมอง #กูหนีก็ตามไปทุกที่เป็นอะไรกับกูมากป่ะตามแล้วสร้างความตอแ_ลความแถชอบหรอพ่อแม่ไม่รักหรอระรานคนอื่น #พอดีไม่ชอบลับหลัง" พวกเรา 4 คนพูดคุยถึงเรื่องที่เกิด และคิดกันไม่ตกว่าควรจะทำยังไงต่อ และก็สรุปได้ว่าเราควรนิ่งไว้ก่อนอย่าพึงแชทถามเขา เพราะตอนที่เราเคยทะเลาะกันก่อนหน้านี้เคยลองถามไปแล้ว แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือไม่ได้ด่าเรา และจะเป็นเราที่ร้อนตัวกันไปเอง
*** คำว่ากูหนีก็ตามไปทุกที่เป็นอะไรกับกูมากป่ะ น่าจะหมายถึงเรื่องที่เรากับมิ้นย้ายจาก ร.ร.เก่าไปอยู่ ร.ร.เดียวกันกับยิ้ม ซึ่งยิ้มเป็นคนเอ่ยปากชวนให้เรา 2 คนไปอยู่ ร.ร. เดียวกันกับเขา
พอตกดึกแจ้งเตือนความทรงจำของเราเกี่ยวกับเพื่อนสมัย ม.ปลายก็เด้งขึ้นมา เราก็เลยแชร์ซะเลย พร้อมแคปชั่นขอบคุณเพื่อนที่คบกันมาหลายปี ที่มีทะเลาะกันบ้าง อะไรบ้าง พอมาตอนเช้าความทรงจำในเฟสก็เด้งขึ้นมาอีก เกี่ยวกับเรื่องพรหมลิขิต กับเวรกรรมที่เราเคยโพสต์ไปเมื่อ 3 ปีก่อน เรากดแชร์แบบไม่คิดอะไร และไม่นานแชทกลุ่ม 5 คนก็เด้งขึ้น ยิ้มแชทมาถามว่า (1)
เราผิดใช่มั้ยที่เราตั้งแชทกลุ่มลับหลังเพื่อนอีกคน ในขณะที่เพื่อนคนนั้นก็แอบเข้าเฟสของเพื่อนเข้าไปอ่านแชทโดยเจ้าของไม่รู้
กลุ่มของเรามีทั้งหมด 5 คน ซึ่งประกอบด้วย เพลง(ก็คือเรา), ขวัญ, ยิ้ม, ฟ่าย และมิ้น (ทั้งหมดเป็นนามสมมติ)
เพลง ขวัญ ยิ้ม และฟ่าย เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ปี 1 ส่วนมิ้นนั้นพึ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่มตอนที่ขึ้นปี 2
ซึ่งพวกเราออกฝึกคนละ ร.ร. กัน เพลง ยิ้ม และมิ้น ฝึก ร.ร. เดียวกัน
ขวัญกับฟ่ายก็ออกฝึกกันอีก ร.ร. ซึ่งห่างไกลพอสมควร
เราต้องยอมรับก่อนเลยว่าเราผิดเต็ม ๆ ที่แอบไปตั้งกลุ่มแชท 4 คน (ไม่มียิ้ม) เพื่อเอาไว้พูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป และเรื่องของยิ้มโดยเฉพาะ และการที่เราไปตั้งกลุ่มแชทใหม่ขึ้นมานั้น ก็เพราะว่ายิ้มเริ่มที่จะเปลี่ยนไปจนพวกเรา 4 คนก็เริ่มรับไม่ได้
ปกติยิ้มเป็นคนเงียบ ๆ และถ้าวันไหนรั่ว ก็จะรั่วแบบทำให้เพื่อนในกลุ่มอารมณ์ดีกับความรั่วของเขาไปด้วย แต่ถ้าวันไหนยิ้มเงียบพวกเราก็จะเงียบเพื่อปล่อยให้ยิ้มใช้เวลากับตัวเองก่อน พอสบโอกาสก็จะถามว่าเป็นอะไร แล้วหลังจากนั้นยิ้มก็จะคุยเหมือนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือถ้ามีปัญหาไม่พอใจอะไรเพื่อนในกลุ่มขึ้นมาจริง ๆ ยิ้มจะไม่พูดบอกออกมาตรง ๆ แต่จะใช้การโพสต์ลงเฟสระบายแทน และฟ่ายมักจะเป็นคนเห็นตลอด และจะเปิดประเด็นถามยิ้มทุกครั้งว่าด่าพวกเราเหรอ? ตอนถามยิ้มก็จะปฏิเสธว่าไม่ได้ด่าพวกเรา แต่พอต้อนจนมุมเรื่องระยะเวลาที่ยิ้มโพสต์เป็นช่วงที่อยู่ด้วยกัน ยิ้มก็จะยอมรับว่าใช้ และถึงจะพูดคุยปรับความเข้าใจกัน จนเรากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และเป็นอย่างนี้ตลอดทุกครั้งที่ไม่เข้าใจกัน
ถ้าถามว่ายิ้มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เริ่มเล่น ROV เพราะคำแสลงต่าง ๆ เริ่มมีออกมาเรื่อย ๆ เวลาที่เรา 3 คน (เพลง ยิ้ม และมิ้น) พูดคุยกันที่ ร.ร. ซึ่งเมื่อก่อนตั้งแต่คบกันมาพวกเราไม่เคยพูดคำหยาบอย่าง เ_ี้ย _ัตว์ _ึง หรือ _ู เลย จะมีพูดบ้างตอนที่จะตบมุข หรือชงอะไรแบบนี้ หรืออยู่ในห้วงอารมณ์ที่โมโห หรือหงุดหงิดคนอื่น ซึ่งไม่บ่อย และไม่ตลอด แต่หลัง ๆ ยิ้มมักพูดคำพวกนี้ในคำแสลงทับคำ อย่าง ฟวย สตอ อีพวกตัวเงินตัวทอง ผัว สลิด ซึ่งช่วงแรก ๆ พวกเราไม่อะไรเลยออกจะเฉย ๆ ที่ยิ้มพูดออกมา แต่หลัง ๆ ชักเยอะจนรับไม่ได้ หรือบางทีจะชอบทำหน้านิ่งพูดนิ่ง ๆ จนเราไม่กล้าที่จะคุยกับยิ้ม หรือเริ่มคุยไม่ถูก จนกลายเป็นว่าวันนั้นทั้งวันต่างฝ่ายต่างเงียบ จนไม่ได้คุยกันจนหมดวันก็มี
เหตุการณ์แรก นั่งประชุมกันอยู่ ครูในหมวดเอาของว่างมาให้ก็คือขนมปัง กับนมเปรี้ยว ซึ่งมีรสส้ม 1 กล่อง กับรสสตอเบอรี่ 2 กล่อง ยิ้มหยิบเอารสส้มไปก่อน ก่อนจะบอกให้เรากับมิ้นเอานมสตอเบอรี่ไป พร้อมกับพูดเน้นย้ำคำว่าสตออยู่หลายครั้ง จนเราโมโหตอกกลับไปว่ารสส้มก็สตอไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
เหตุการณ์สอง วันนั้นเป็นวันที่เด็กสอบ และพวกเรา 3 คนมีหน้าที่เป็นกรรมการคุมสอบสำรอง ระหว่างที่นั่งรออยู่ในห้อง ยิ้มที่พึ่งมาถึงก็เดินเข้ามาหน้านิ่ง ๆ พร้อมกับพูดว่าวันนี้เขาไม่ไปคุมสอบนะ เล่ม ปพ. เด็กยังไม่เสร็จ เรากับยิ้มก็เออ..ไม่เป็นไรให้เพื่อนทำให้เสร็จ เพราะเขาก็เร่งใหส่งเหมือนกัน ทีนี้พอครูในหมวดเดินเข้ามาถามว่าช่วงเช้านี้มีใครไม่ไปคุมสอบบ้างมั้ย ครูจะฝากให้ดูเด็กที่จะมาทำงานย้อนหลังหน่อย เพราะครูเขาต้องไปเป็นคนคุมสอบ ด้วยความที่ไม่มีใครตอบออกมา เราก็เลยบอกครูไปว่ายิ้มว่าง เพราะยิ้มบอกเราเองว่าจะไม่ไปคุมสอบวันนี้ แต่พอเราตอบไปเท่านั้นแหละ ยิ้มก็สวนกลับมาเลยว่าบอกตอนไหน เราก็ตอบกลับไปว่าก็เมื่อกี้พึ่งบอกว่าจะไม่ไป แล้วยิ้มก็บอกว่าบ้างทีพูดเล่นพูดจริงก็คิดบ้างนะ หน้าทีเป็นหน้าที่ เป็นคนมีหน้าที่ก็ต้องทำ ไม่ใช่ไม่ทำ เราเลยย้อนกลับไปอีกว่าถ้าคราวหลังจะพูดเล่นก็ไม่ต้องพูด และเรื่องก็จบด้วยการที่เราทั้งคู่เงียบใส่กัน ทีนี้พอเราไปลงชื่อและรอคำสั่งให้ไปคุมสอบแทน ปรากฏว่าวันนั้นไม่ต้องเข้าคุมสอบแทน พวกเราก็เลยเดินกลับมาที่ห้องหมวด พอเข้าไปในห้องยิ้มก็นั่งทำเล่ม ปพ. ที่ค้าง จนกระทั่งเที่ยง มิ้นก็ถามขึ้นว่าเราไปกินข้าวกันมั้ยเที่ยงแล้ว เราก็นั่งเงียบ ๆ รอให้ยิ้มตอบ แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร ทิ้งช่วงไว้สักพักมิ้นก็ถามขึ้นอีกรอบ ยิ้มก็เงียบเหมือนเดิมราวกับไม่ได้ยินอะไร และไม่นานยิ้มก็ลุกขึ้นแล้วถามเรา 2 คนว่าไปกินข้าวกันมั้ย มิ้นรีบตอบเลยว่าไป ๆ เราก็เก็บของ หากระเป๋าตังค์เตรียมไปกินข้าวด้วย แต่เราดันหูดีไปได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่รอดออกมาจากปากของยิ้ม "ก็แค่ถาม" ทำเอาเราไม่อยากไปกินข้าวด้วย พอพูดแค่นั้นยิ้มก็เดินออกไปเลยไม่รอกเรา 2 คน พอเรา 2 คนตามไปก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน เรากับมิ้นเลยตัดสิ้นใจหาข้าวแถว ๆ นั้นกินกัน
เหตุการณ์ที่สาม เรากับมิ้นเป็นพวกมา ร.ร. แต่เช้า และพอครูมาเปิดห้องสิ่งแรกที่เราทำก็คือกวาดห้อง เก็บขยะตามโต๊ะครูไปทิ้งด้านนอก ส่วนยิ้มเคยมีช่วยเก็บกวาดบ้างตอนช่วงเปิดเทอมแรก ๆ แต่หลัง ๆ ก็ไม่ทำแล้ว จนวันนี้ที่ยิ้มมาถึงห้องหมวด และเห็นเรา 2 คนกำลังกวาดห้องอยู่ แทนที่เขาจะเก็บกระเป๋าแล้วมาช่วย ไม่!!! สิ่งที่เขาทำคือการยืนมองเรา และคุยกับครูที่เปิดประตูห้องว่า ครูจ้างแม่บ้านมาใหม่เหรอคะ แล้วก็หัวเราะสนุก ทั้งที่เราสองคนไม่สนุกด้วย เราเลยสวนกลับด้วยความปากไว ว่ารีบ ๆ เข้าห้องไปเถอะแบบห้วน ๆ และชักสีหน้าแบบไม่พอใจ
เหตุการณ์ที่สี่ ครูพี่เลี้ยงของยิ้ม กับมิ้นเดินเข้ามาถามพวกเรา 3 คนว่าแต่ละคนถนัดโปรแกรมอะไร เพราะจะให้ไปช่วยคุมเด็กเพื่อลงแข่งขัน พวกเราด้วยความที่ถนัดอะไรที่คล้าย ๆ กัน ก็จะแบ่งแบบครูคนไหนดูแลเด็กเซ็ทไหน จนกระทั่งมาถึงการแข่งเกมโดยใช้โปรแกรม Excel กับ Fl เราก็ยืนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ออกความเห็นอะไร ส่วนมิ้นก็ออกไปคุยกับครูในหมวดข้างนอก และก็เหมือนเดิมคือยิ้มพูดขึ้นมาว่าเราถนัด ตอนอยู๋มหาลัยเพลงนะตัวเด่นเลย ทำอะไรก็เด่นไปหมด (พูดแบบเน้นย้ำ จีบปากจีบคอ) เราหันไปมองยิ้มและถามกลับว่ายิ้มเกลียดอะไรเราตั้งแต่ตอนเรียนมั้ยเนี่ย ซึ่งเราพูดแบบติดตลก แต่ในใจนั้นโคตรจะหงุดหงิดที่ยิ้มพูดแบบนั้นออกมา
เหตุการณ์ที่ห้า วันนั้นเป็นวันเกิดของมิ้น ซึ่งเราเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแผนการณ์เลยคุยกับยิ้มว่าเราจะแกล้งเป็นทะเลาะกับมิ้น แล้วพาลจะไม่พูดกับมิ้นตลอดทั้งอาทิตย์ แล้วจะเฉลยให้มิ้นรู้ว่าเราแกล้งตอนวันศุกร์ที่ต้องไปประชุมสัมนาที่มหาลัย ซึ่งวันนั้นจะได้เจอกับขวัญ และฟ่ายด้วย เรากับยิ้มตบปากตกลงกันอย่างดี จนกระทั่งผ่านมาหลายวันแล้วมิ้นก็เฉยชาจากที่เป็นคนพูดมากกลายมาเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำ จนเรานึกสงสารเพื่อน ในขณะที่ยิ้มก็สงสัยเหมือนกันว่ามิ้นเฉยมากไปหรือเปล่า เพราะปกติมิ้นจะไม่ชอบบรรยากาศเงียบ ๆ แบบนี้ และจะถามตลอดว่าเป็นอะไรกัน ยิ้มถามว่าเราว่า หรือว่ามิ้นจะรู้เรื่องแผนที่เราวางไว้ เราก็คิดว่าเป็นไปได้เหมือนกัน แล้วยิ้มก็พูดขึ้นมา หรือว่าฟ่ายจะหลุดปากบอกมิ้นเรื่องแผนไปแล้ว เพราะมิ้นกับฟ่ายชอบคุยแชทด้วยกัน ตอนอยู่มหาลัยก็ได้ฉายาจากพวกเราว่า "แฝดนรก" เพราะชอบทำตัวติดกัน พูดรู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง รั่วเหมือน ๆ กัน ยิ้มบอกให้เราลองแอบเข้าเฟสของมิ้นดู จะได้รู้กันไปเลยว่ามิ้นรู้แผนที่วางไว้หรือเปล่า เราเองก็จี้ทำตามด้วยความที่ไม่อยากให้แผนรั่ว เข้าเฟสของมิ้นที่คอมครูที่มิ้นเคยเข้าไว้ แต่ปัญหาก็เกิด เพราะเราไม่รู้รหัสผ่าน ยิ้มบอกว่าจำได้ว่ามิ้นชอบพูดว่ารหัสผ่านเป็นวันเกิดของศิลปินที่เธอชอบ เราก็เลยลองกดดู ปรากฏว่าเข้าได้เฉย เรารีบเข้าแชทของมิ้นเพื่อไล่ดูประวัติของมิ้นว่าได้แอบแชทคุยกับฟ่ายหรือเปล่า สรุปว่าไม่ เรานั้นคิดจะล็อกอินออกจากระบบของมิ้น แต่ยิ้มกลับบอกว่าช่วงนี้มิ้นเหมือนแอบคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง และก็ไล่ดูประวัติแชทของยิ้มอย่างถือวิสาสะอีกครั้ง...
*** แต่พอเฉลยวันเกิดมิ้นแล้ว เราก็ขอโทษมิ้น และบอกมิ้นไปตรง ๆ ว่าเราเคยแอบล็อกอินเฟสของมิ้น เพื่อเข้าไปดูว่ามิ้นแอบแชทกับฟ่างเรื่องแผนวันเกิดหรือเปล่า
เหตุการณ์ที่ 6 ตอนเราไปประชุมที่มหาลัยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา.. ตอนนั้นเรา 4 คุยนั่งคุยกันเรื่องของยิ้มที่โรงอาหาร ระหว่างรอยิ้มมา พอยิ้มมาถึงฟ่ายก็ทักยิ้มก่อนเลยว่า กินไรมายัง (ถามดี ๆ) ยิ้มตอบกลับ ไม่กินไม่หิว (เสียงห้วน ๆ หน้านิ่ง ๆ) ฟ่ายชักสีหน้าเริ่มไม่พอใจเพราะถามดี ๆ แต่ตอบกลับมาอย่างนั้น เลยบอกกลับไปอีกว่า ก็แล้วแต่ ยิ้มตอบกลับมาหน้านิ่ง ห้วนเหมือนเดิมว่า ฟวย!!! พอตกเย็นระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน เราต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพราะขวัญอยากจะซื้อรองเท้า ช่วงที่ถนนว่างฟ่ายกับมิ้นก็เดินข้ามนำไปก่อน เราก็เลยตะโกนบอกให้ขวัญกับยิ้มที่เดินกันอยู่ข้างหน้าข้ามตาม ระหว่างที่เราข้ามกัน ยิ้มไม่ได้ข้ามมาด้วย จนขวัญต้องดึงแขนยิ้มแล้วบอกให้ข้ามตามมา พอข้ามมาได้ยิ้มก็พูดใส่เลย แหม่...อีพวกตัวเงินตัวทอง ข้ามกันทำไมไม่บอก ทั้งที่เราเองก็จำได้ว่าตะโกนบอกไปแล้วตั้งไม่รู้กี่รอบว่าให้ข้าม
และนั้นคือสิ่งที่พวกเราทั้ง 4 คนเห็นถึงความเปลี่ยนไปของยิ้ม จนตั้งกลุ่มแชทขึ้นมาใหม่ (พึ่งตั้งได้ 2 อาทิตย์ หลังจากไปประชุมที่มหาลัยวันนั้น) เพื่อปรึกษากันว่าเราควรจะทำอย่างไรกันต่อ ซึ่งเรื่องที่เราคุยกันในแชทเกือบทุกวัน คือการที่ฟ่ายกับขวัญจะทักถามตลอดว่าวันนี้ยิ้มเป็นไงบ้าง คุยกับพวกเรา หรืองอแงอะไรอีกหรือเปล่า และเราก็จะตอบกลับไปแบบ..วันนี้มาถึงก็เงียบ หน้านิ่งอีกแล้ว ถามอะไรไปก็เงียบจนเรากับมิ้นอึดอัด และไม่รู้ว่าควรทำยังไง
จนกระทั่งเรื่องแชทที่เราตั้งขึ้นมา 4 คนแตก ยิ้มรับรู้ถึงการมีอยู่ของแชทที่ไม่มีตัวเอง วันนั้นเรากับมิ้นต้องเอาเอกสารไปให้อาจารย์ที่มหาลัย แล้วบังเอิญว่าเราทักไปถามขวัญว่าทำไรอยู่ได้ไป ร.ร. มั้ย แล้วขวัญบอกว่าวันนี้ขวัญกับฟ่ายนัดอาจารย์เพื่อคุยงานที่มหาลัย เราเลยตกลงนัดขวัญกับฟ่ายว่าเดี๋ยวไปเจอกัน ซึ่งตอนที่จะเอาเอกสารไปให้อาจารย์ เราก็ถามยิ้มนะว่าไปมหาลัยด้วยกันป่าว แต่ยิ้มทำเพียงส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ เรากับมิ้นเลยไปกัน 2 คน และพอไปถึงเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยกับขวัญ และฟ่าย มีคุยเรื่องของยิ้มบ้างแต่ก็เป็นการปรึกษาว่าเราควรทำยังไงกันต่อ แล้วอะไรทำให้ยิ้มเปลี่ยนไปขนาดนี้ พอตกเย็นมิ้นที่จับโทรศัพท์อยู่ก็มีแจ้งเตือนในอินสตาแกรมของยิ้มขึ้นมา พอเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละ รูปสตอเบอรี่เต็มจอเลย พร้อมกับแคปชั่น "เพื่อนที่ด่ากันได้ตรง ๆ เรียกเพื่อนสนิท แต่เพื่อนที่เอาเราไปด่าลับหลังอันนี้เรียกเพื่อนเ_ี้ย #เพื่อนเลว" เรากับมิ้นพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกันว่าโดนแล้วหนึ่งตัสเบา ๆ เราก็เลยเปลี่ยนจุดหมายที่ส่งเอกสารเสร็จจะกลับบ้าน คือการกลับไปรวมตัวกับขวัญ และฟ่ายที่ตึก(ทั้ง 2 คนขึ้นไปคุยงานกับอาจารย์)ก่อน เพื่อจะพูดคุยถึงเรื่องนี้กันต่อ แต่พอขึ้นตึกไปเพื่อพูดคุย ฟ่ายที่เปิดดูโพสต์ของยิ้มก็ยื่นโทรศัพท์มากลางวง บอกว่ายิ้มแก้ไขแคปชั่นเป็น "เพื่อนที่ด่ากันได้ตรง ๆ เรียกเพื่อนสนิท แต่เพื่อนที่เอาเราไปด่าลับหลังอันนี้เรียกเพื่อนเ_ี้ย #เพื่อนเลว #พอดีไม่คบใครเป็นเพื่อนด่าได้ #เมื่อไหร่พวก_ึงจะโต #สมอง #กูหนีก็ตามไปทุกที่เป็นอะไรกับกูมากป่ะตามแล้วสร้างความตอแ_ลความแถชอบหรอพ่อแม่ไม่รักหรอระรานคนอื่น #พอดีไม่ชอบลับหลัง" พวกเรา 4 คนพูดคุยถึงเรื่องที่เกิด และคิดกันไม่ตกว่าควรจะทำยังไงต่อ และก็สรุปได้ว่าเราควรนิ่งไว้ก่อนอย่าพึงแชทถามเขา เพราะตอนที่เราเคยทะเลาะกันก่อนหน้านี้เคยลองถามไปแล้ว แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือไม่ได้ด่าเรา และจะเป็นเราที่ร้อนตัวกันไปเอง
*** คำว่ากูหนีก็ตามไปทุกที่เป็นอะไรกับกูมากป่ะ น่าจะหมายถึงเรื่องที่เรากับมิ้นย้ายจาก ร.ร.เก่าไปอยู่ ร.ร.เดียวกันกับยิ้ม ซึ่งยิ้มเป็นคนเอ่ยปากชวนให้เรา 2 คนไปอยู่ ร.ร. เดียวกันกับเขา
พอตกดึกแจ้งเตือนความทรงจำของเราเกี่ยวกับเพื่อนสมัย ม.ปลายก็เด้งขึ้นมา เราก็เลยแชร์ซะเลย พร้อมแคปชั่นขอบคุณเพื่อนที่คบกันมาหลายปี ที่มีทะเลาะกันบ้าง อะไรบ้าง พอมาตอนเช้าความทรงจำในเฟสก็เด้งขึ้นมาอีก เกี่ยวกับเรื่องพรหมลิขิต กับเวรกรรมที่เราเคยโพสต์ไปเมื่อ 3 ปีก่อน เรากดแชร์แบบไม่คิดอะไร และไม่นานแชทกลุ่ม 5 คนก็เด้งขึ้น ยิ้มแชทมาถามว่า (1)