สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยค่ะ นี่เป็นกระทู้แรก ถ้าแท็กห้องผิดขอความแนะนำด้วยนะคะ ขอแทนตัวเองว่า เรา นะคะ อายุ 21 จะ 22 ค่ะ เรื่องที่เราอยากจะปรึกษามันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงอนุบาล 3 ค่ะ และเพราะคนๆ เดียวที่เรียกว่า 'เพื่อน' ทำให้เรารู้สึกว่าโลกใบนี้มันช่างโหดร้ายเสียจริงๆ เพราะแค่คำพูดโกหกแค่ไม่กี่คำ ทำให้เราต้องโดนแบนจากเพื่อนตั้งแต่นั้นมาจนถึง ม.ต้น ค่ะ ขอเริ่มเล่าที่มาที่ไปเลยนะคะ...
ช่วงอนุบาล 3 วัยกำลังซนสุดติ่ง เรามีเพื่อนอยู่กลุ่มนึง เรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะสนิทมากกกกกกกก แต่เพราะอะไรไม่ทราบ เวลาที่พวกเราเล่นกันอย่างพ่อแม่ลูก เรามักจะเล่นเป็นบทสุนัข บรรดาสัตว์ทั้งหลาย หรือเล่นซ่อนหา มักจะชอบให้เราเป็นคนหาอยู่ฝ่ายเดียว หรือเล่นขายของ (อันนี้ค่อนข้างเล่นแรงไปนิด เราคิดว่างั้นนะ) เพื่อนๆ เป็นคนขายของ และเราเป็นลูกค้า มันปั้นๆ ดินให้เป็นรูปอาหารและวางใส่เศษใบไม้จากนั้นป้อนอาหาร (ดิน) เข้าปากเราทั้งๆ แบบนั้นเลยค่ะ เกือบกลืนลงไป วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ตอนนั้นใจหายคิดว่าจะตายซะแล้วล่ะค่ะ ครูก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร เพราะเห็นวิ่งเข้ามาในห้องน้ำแล้วอ้วกแทบเป็นแทบตาย พอครูทราบเรื่องก็เรียกพวกเพื่อนเราไปว่าโดยมีเราเดินตามไปด้วย ครูถามทำไมทำกับเพื่อนแบบนี้ เอาดินยัดใส่ปากเพื่อนได้ไง พวกนั้นมองหน้ากันแล้วเพื่อนเราคนนึงที่ชื่อ อ. ก็บอกครูว่า ก็เล่นขายอาหารกันมันก็ต้องเล่นให้สมจริงสิคะ พอเราได้ยินแบบนั้นจากปากเพื่อนเรานี่แอบปรี๊ดนิดนึงเลยค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังครูบ่นพวกนั้นไปเงียบๆ พอหมดพักกลางวัน ทุกคนก็เข้าเรียนตามปกติ แล้วดันเกิดเรื่องขึ้นเมื่อเพื่อนของ อ. พูดขึ้นมาว่า 'ครูคะ กล่องสีหนูหายไปค่ะ' ครูก็เลยถามทุกคนว่าเห็นมั้ย ทุกคนในห้องบอกไม่รู้ไม่เห็นรวมทั้งเราด้วย และจู่ๆ ก็มีเสียงของ อ. พูดขึ้นมาว่า 'ครูลองตรวจกระเป๋าทุกคนให้หน่อยค่ะ เผื่อมีใครขโมยไป' แล้ว อ. ก็มองมาที่เรา เราไม่ได้เอะใจว่าทำไมถึงมองมาและครูก็เริ่มเดินตรวจกระเป๋ามาเรื่อยๆ จนถึงเรา พอเปิดกระเป๋ากลับพบว่าเรามีสีสองกล่อง กล่องเล็กของเรา และกล่องใหญ่อีกกล่องของใครไม่รู้ พอครูเห็นเลยถามเราว่าทำไมมีสองกล่อง เราบอกไม่รู้ แล้วเพื่อน อ. ก็พูดขึ้นมาว่า อ๊ะ อันนั้นของหนู กล่องใหญ่ๆ แล้วครูก็มองมาที่เราแล้วถาม มาอยู่ในกระเป๋าเราได้ไง ขโมยเพื่อนมาเหรอ เราก็บอกเปล่า ไม่ได้ขโมย ไม่รู้ว่ามาอยู่ในนี้เองได้ไง ครูก็ถามซักไซ้อยู่อย่างนั้นจนเราเริ่มร้องไห้เพราะไม่รู้จะตอบอะไรดีแล้ว บอกไม่ได้ขโมยๆ ก็ไม่เชื่อ ครูก็เลยเอาของไปคืนเพื่อน อ. แล้วจบเรื่องตรงนั้น
พอเข้า ป.1 อ. ที่เคยเรียนอนุบาลที่เดียวกันก็มาเข้าโรงเรียนเดียวกับเรา อยู่คนละห้อง และเรื่องที่เลวร้ายก็เริ่มจากตรงนี้ค่ะ.... มาเรียนไปสามวัน เราเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนๆ ในชั้นทุกคนมองเราแปลกๆ มองมาที่เราแล้วหัวเราะ (ตอนนั้นเราค่อนข้างอ้วนและดำค่ะ เราก็เลยคิดว่าพวกนั้นอาจจะล้อเราแล้วหัวเราะกันอยู่ก็ได้) แม้ว่าที่เราคิดมันอาจจะมีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจู่ๆ ก็มีเพื่อนคนนึงมาถามเราว่า เป็นขี้ขโมยเหรอ เราก็แบบ หะ ขโมยอะไรอ่ะ? เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า อ. เป็นคนเล่าให้ฟังว่าแกเป็นเด็กขี้ขโมยของ ขี้โกหก พอเรารู้เรื่องก็เลยเดินไปหา อ. แล้วถาม อ. ว่า ทำไมต้องโกหกคนอื่นด้วยว่าเราเป็นคนขี้ขโมยกับโกหก อ. ก็บอกกับเราว่า หรือมันไม่จริงล่ะ? ยัยขี้ขโมย แล้ว อ. ก็เดินไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนใหม่ของนาง ตั้งแต่นั้นมา ข่าวแพร่ไปทั่วว่าเราเป็นคนขี้ขโมยจนทุกคนตีตัวออกห่างและทำท่าทีรังเกียจใส่ เราตัวคนเดียวตั้งแต่ ป.1 แต่เพราะเป็นเด็กเราเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ว่าจะงานกลุ่มหรืออะไร ก็ทำคนเดียวตลอด แม้ครูจะพาเราเข้ากลุ่มอื่นไป ทุกคนก็เมินไม่สนใจเราและผลักไสไล่ส่งเราตลอด เรามักจะหัวเราะแห้งๆ แบบไร้สาระเวลาโดนเพื่อนแกล้ง เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา และการแกล้งเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ...
พอช่วงขึ้น ป.3 เราได้อยู่ห้องครูโหดๆ ที่สอนคณิตฯ เป็นครูค่อนข้างเข้มงวดทุกระเบียดนิ้ว มีช่วงนึงครูไปประชุม แล้วสั่งหัวห้องให้ดูห้ามคนในห้องเดินเพ่นพ่าน ให้นั่งกับที่ห้ามไปไหน ใครลุกให้จดชื่อไว้ ตอนนั้นทุกคนก็นั่งเล่นกับโต๊ะปกติ จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ หยิบยางลบเราแล้วเขวี้ยงมันออกไปอยู่กลางห้อง (เรานั่งริมห้องฝั่งทางออก) และเพื่อจะไปเก็บยางลบ มันก็ต้องลุก เราเลยฝากเพื่อนอีกคนที่อยู่กลางห้องโยนยางลบมาให้หน่อย แต่ว่า...ไม่มีใครเก็บให้...สักคน ทุกคนไม่สนใจกับยางลบของเราและเล่นกับเพื่อนตัวเองต่อไป มันเลยช่วยไม่ได้ที่เราจะต้องลุกไปเก็บยางลบมาแล้วนั่งที่โต๊ะ หัวห้องก็จดชื่อเราลงบนกระดานจนครูประจำชั้นกลับมา บนกระดานมีชื่อเราคนเดียว ครูก็เรียกไปหน้าห้องแล้วถามทำไมเดิน เราบอกเพื่อนข้างๆ โต๊ะเราโยนยางลบไปกลางห้องแล้วไม่มีใครเก็บให้จึงลุกไปเก็บเอง แต่ทุกคนก็พูดขึ้นว่า หนูจะเก็บให้แล้วแต่เราอยากลุกไปเก็บเอง / ผมไม่ได้โยนนะ ผมไม่รู้เรื่อง ผมหลับอยู่อ่ะครู และเพราะเสียงค่อนข้างมากก็ต้องชนะอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นพยานให้ จบท้ายด้วยเราโดนครูเอาแผ่นกระจกยาวๆ ตีเข้าที่มือสามทีอย่างเจ็บปวด (มันคือแผ่นกระจกจริงๆ และมือเราแดงสุดๆ) เราร้องไห้ไปตามระเบียบเพราะความเจ็บปวดและเราก็โดนแกล้งสารพัดไม่เว้นวัน
พอขึ้น ป.4 มีเด็กย้ายมาใหม่ 1 คน เป็นคนโคราชเหมือนกับเรา เป็นเด็กผู้ชายตัวใหญ่ๆ และเป็นคนค่อนข้างเกเรมากๆ ขอเรียกย่อๆ ว่า ย. นะคะ ย. ได้ยินเรื่องของเราจาก อ. เข้า และมีแบ็คหลังคือทั้งชั้น! ช่วยกันรุมแกล้งเรา บางวันรองเท้าเราหาย กลับบ้านไม่ได้จนต้องให้แม่มารับ กล่องสีเราหาย ไม่ก็กระโปรงโดนตัดขาดไปตอนไม่รู้ บางวันก็โดนสะกัดขาจนหน้าทิ่มกับพื้น ยังดีที่หัวไม่แตกเพราะนั่นเป็นพื้นปูน แต่ก็ทำเอาเราขาเคล็ดไปเลย เรามักจะฟ้องครูว่า ย. ชอบแกล้งเรา แต่ครูก็ยังช่วยไม่ได้ ไม่สิ ไม่ช่วยอะไรเราเลย แถมปล่อยปะละเลยจนเราต้องฟ้องแม่ แม่ก็บอกถ้าเพื่อนแกล้งมาก็ต่อยมันกลับเลย พอเราต่อต้าน ย. ด้วยความที่แรงไม่เยอะเท่า ผช. และเราค่อนข้างผอม (เราเริ่มผอมตอน ป.3) เลยโดนดีดออกมาตลอด และตลอดทั้งเทอม ย. ก็ยังคงแกล้งเราไปทั้งแบบนั้น
พอขึ้น ป.5 เมื่อ ย. เริ่มเบื่อๆ ว่างๆ... ย. จะหันมาแกล้งเราตลอด โดยไม่มีใครสามารถมาช่วยเราได้เลย และช่วงนั้น ย. มีแฟน เป็นเพื่อนในห้องเรา ช่วงนั้น เราเป็นเวรทำความสะอาด เรายืนลบกระดานเพื่อจะรอเวลากลับบ้าน เราหันไปเห็น ย. พูดกับ ป. ที่เป็นแฟนแล้วมองมาที่เรา ป. เดินเข้ามาหาเราแล้วตบหน้าเราไปฉาดนึง เราอึ้งและรู้สึกหน้าชาจากการโดนตบครั้งแรกในชีวิต เราถาม ป. ว่าตบเราทำไม นางบอก ก็แค่หมั่นไส้แล้วเดินกลับไปหา ย. พอช่วงจะกลับบ้าน เราเดินไปหยิบรองเท้าหน้าชั้นเรียน ย. เดินมาสะกัดขาเราจนเราล้ม เรารู้สึกเริ่มทนไม่ได้เลยพยายามจะเตะ จะต่อย ย. แต่ก็โดนผลักกระเด็นมา ย. หัวเราะสะใจแล้วเดินลงบันไดไป เราทำได้แต่โมโหแล้วตะโกนด่า ย. ไป มีช่วงนึงเรียนวิชาว่ายน้ำ เราโดน ย. ถีบลงน้ำลึก 2 เมตร โชคยังดีที่เราว่ายน้ำเป็นเลยไม่จมน้ำ ครูเห็นเลยตี ย. ไปหลายสิบที
ช่วงสุดท้ายของ ป.6 วันจบหลังจากโดนแกล้งมาตลอดทั้งเทอม แม้จะวันสุดท้าย แต่กลับไม่มีใครมายืนต่อหน้าเราแล้วพูด 'ขอโทษ' ออกมาจากปากสักคนเดียว ราวกับว่าทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิดกับเราเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดที่ผ่านมา เราได้แต่นั่งให้เวลามันปล่อยผ่านจนถึงเวลากลับบ้านไป เราลองไปสอบที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดแต่ก็ไม่ติด รู้อยู่แล้วแหละว่าตัวเองการเรียนค่อนข้างแย่ ที่แย่ ไม่ใช่เพราะเราไม่ใส่ใจ แต่เพราะไม่มีใครช่วยสอน งานกลุ่มก็คนเดียว ทำอะไรคนเดียวไม่รอดหรอก กับที่บ้านพ่อแม่ยังไม่เข้าใจเลย เราไม่เคยบอกพ่อกับแม่ว่าเราโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งหนักมากๆ เราเก็บไว้ไม่ได้ระบายกับใครเลย
ม.1 เมื่อสอบเข้าโรงเรียนอื่นไม่ได้ เราก็ได้กลับมาที่เดิม... โรงเรียนเดิมที่ไม่อยากมา และมันก็มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกรอบ อ. เพื่อนจากอนุบาลได้ไปต่อโรงเรียนอื่นทำให้เราโล่งใจ แต่ เอ (ขอไม่เรียกชื่อเล่นเต็ม เป็น ผญ.) ก็ได้ต่อที่โรงเรียนเดิม ย. ก็เช่นกัน เพิ่มเติมคือ ช. (เพื่อนจากอนุบาลเดียวกัน เป็น ผญ.) ย้ายเข้ามาเรียนตอน ม.1 และอยู่ห้องเดียวกับ เอ เมื่อ เอ รู้เรื่องว่า ช. มาจากอนุบาลเดียวกันกับเรา เลยไปชวน ช. เข้ากลุ่มตัวเอง เราก็ได้เพื่อนเพิ่มมาอีก 1 คน ชื่อ พลอย และนัทก็อยู่ด้วย (สีน้ำย้ายไปเรียนใต้) พอเรียนไปไม่ถึงสัปดาห์ เราโดนเพื่อนทั้งชั้นแบนอีกแล้วค่ะ สาเหตุน่ะเหรอ? ก็จาก เอ ย. และ ช. ค่ะ แต่จากเดิมแล้วพวกเด็กเก่าที่เคยเรียนที่นี่็เรียน ม.1 ต่อที่นี่เยอะเหมือนกัน มันจะไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะเล่าเรื่องของเราให้คนอื่นฟังและหาพรรคพวก และการแกล้งเราก็ยังดำเนินต่อไป
ม.2 ยังไม่ค่อยมีเรื่องแกล้งหนักๆ เท่าไหร่ ขอเล่าช่วง ม.3 เลยนะคะ
ม.3 เทอม 1 เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงวิชาศิลปะ เราค่อนข้างเก่งศิลปะพอสมควร และ ม.3 เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับนัทและพลอย เวลาทำงานเลยลำบากตอนงานกลุ่ม เมื่อครูสั่งงานกลุ่มขึ้นมา พอมองรอบๆ คิดว่าทุกคนคงมีกลุ่มแล้วเลยกะว่าจะทำงานคนเดียว แล้วก็มีคนนึง (เด็กเกเหมือนกับ ย.) มาขอเข้ากลุ่มด้วย จนสุดท้ายเราก็มีกลุ่ม เเต่ที่เหลือเป็น ผช. หมดเลย เราเลยถาม มีใครจะช่วยทำมั้ย ทุกคนตอบเสียงเดียว 'เดี๋ยวช่วยจ่ายเงิน' เราก็อื้มมม โอเค ได้ เดี๋ยวทำเอง เช้าวันอาทิตย์ให้พ่อแม่พาไปซื้ออุปกรณ์มาทำ เรานั่งทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้ายันห้าทุ่ม จนเสร็จ วันจันทร์เราก็แบกงานมาที่โรงเรียนและเก็บเงินจากเพื่อนในกลุ่มปกติ พอพักกลางวันเราเอางานไปส่งครูเรียบร้อย แต่มีจุดต้องแก้เลยเอางานไปไว้หลังห้อง กลุ่มอื่นก็เริ่มทยอยเอามาส่งแล้วเอางานไว้หลังห้องเช่นกัน และเรื่องหนักสุดคือวันพุธถัดมา งานศิลปะต้องส่งให้เสร็จภายในวันนั้น เราแก้งานเสร็จตั้งแต่วันอังคาร พอขึ้นมาบนห้อง มองงานตัวเองกลับพบว่ามีอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมา (ครูสั่งงานแบบจำลองธรรมชาติ) คือ มีต้นไม้สองสามต้นมาปักลงแถวริมน้ำที่เราทำ มีเม็ดหินสีขาวที่เราไม่ได้ซื้อมาตกแต่งบนขอบแม่น้ำ และมันทำให้งานกลุ่มเราดูเด่นขึ้นมา แล้วสักพักคนที่ชื่อ พลอย (ขอเอ่ยหน่อย พอค่อนข้างที่จะเกลียดคนนี้ค่ะ และไม่ใช่พลอยเพื่อนสนิทเรานะ พลอยคนนี้อยู่กลุ่มเดียวกับ เอ ย. ช.) เดินมาจะเอาผลงานตัวเองไปส่งแล้วมองมาทางผลงานเราแล้วถาม 'มืงเอาต้นไม้มาจากไหน เม็ดหินด้วย มันของกลุ่มกุไม่ใช่เหรออีsus' แล้วนางก็จิกหัวเราจนยางรัดผมเราหลุด เราก็เริ่มร้องไห้บอกว่าไม่รู้ๆ เพื่อนในห้องก็ร้องเชียร์นางว่า เอาเลยๆ จัดเลยๆ เล่นมันๆ จนเราร้องไห้หนักกว่าเก่า นางก็ผลักหัวเราจนหน้าเราทิ่มโต๊ะดังปั้งแล้วเดินออกห้องไปพร้อมทิ้งท้ายว่า 'กุไม่จบกับมืงแน่ กุจะเอามีดมาแทงมืง' แล้วเดินออกห้องไป เราร้องไห้โฮแล้วตะโกนด่าคนในห้องบอก ใครทำอย่าให้รู้นะ กุไม่ไว้มืงแน่ แล้วนั่งร้องไห้แบบนั้นจนครูเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น คือสภาพเราตอนนั้นคิดว่าต้องลาออกให้ได้ ไม่ว่ายังไงไม่อยากอยู่แล้วโรงเรียนแบบนี้ ไม่อยากมาโรงเรียนแล้ว เกลียด เกลียดทุกคน พอช่วงกลางวันขึ้นห้องมา งานกลุ่มของเราพังตามคาด เละ งานกระจายไปทั่วห้อง เราแทบทรุด เพราะงานนั้นเราตั้งใจทำมาก แต่ไอ้ของที่เพิ่มมา ก็คืนกลุ่มนางไปหมดแล้วด้วย เราก็นั่งเก็บงานของตัวเองพร้อมร้องไห้ไปด้วย และเพื่อนในกลุ่มเราเห็นก็วิ่งมาช่วยกันเก็บแล้วบอกอย่าร้องๆ เราก็เอางานนั้นไปส่งครูทั้งแบบนั้น ครูก็มองงานเราแล้วถามทำไมเป็นแบบนั้น เราก็เงียบ และเพื่อนที่อยู่กลุ่มเราอีกคนก็ตอบแทนว่าโดนแกล้งครับ ครูทำสีหน้าเข้าใจเลยให้คะแนนไปเต็มสิบ ครูบอกงานเราค่อนข้างดีอยู่แล้วแล้วปลอบใจเราด้วย
นี่ก็คือเรื่องราวที่เกือบจะทั้งหมดของเราค่ะ ปกติเราเป็นคนขี้ลืมง่าย แต่กับเรื่องแบบนี้เราลืมไม่ลงค่ะ ยิ่งนึกยิ่งแค้นพวกนั้นไม่หาย มีวิธีแก้มั้ยคะ จะต้องทำยังไงดี ถึงแม้ว่าเราจะเจอสถานที่ดีๆ ตอนเรียนวิทยาลัยแล้วก็ตาม มันก็ไม่ช่วยทำให้ลืมเรื่องแบบนี้ให้หายไปจากสมองได้เลยค่ะ ขอโทษที่เนื้อหายาวไปหน่อยนะคะ พอดีเราพิมพ์ย่อเรื่องไม่เก่ง TT
เมื่อเรารู้สึกแค้นเคืองกับคนรอบข้างที่เคยแกล้งเรา ไม่ว่าจะพยายามลืมแค่ไหนก็ลืมไม่ได้ ควรจะต้องทำยังไงดีคะ?
ช่วงอนุบาล 3 วัยกำลังซนสุดติ่ง เรามีเพื่อนอยู่กลุ่มนึง เรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะสนิทมากกกกกกกก แต่เพราะอะไรไม่ทราบ เวลาที่พวกเราเล่นกันอย่างพ่อแม่ลูก เรามักจะเล่นเป็นบทสุนัข บรรดาสัตว์ทั้งหลาย หรือเล่นซ่อนหา มักจะชอบให้เราเป็นคนหาอยู่ฝ่ายเดียว หรือเล่นขายของ (อันนี้ค่อนข้างเล่นแรงไปนิด เราคิดว่างั้นนะ) เพื่อนๆ เป็นคนขายของ และเราเป็นลูกค้า มันปั้นๆ ดินให้เป็นรูปอาหารและวางใส่เศษใบไม้จากนั้นป้อนอาหาร (ดิน) เข้าปากเราทั้งๆ แบบนั้นเลยค่ะ เกือบกลืนลงไป วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ตอนนั้นใจหายคิดว่าจะตายซะแล้วล่ะค่ะ ครูก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร เพราะเห็นวิ่งเข้ามาในห้องน้ำแล้วอ้วกแทบเป็นแทบตาย พอครูทราบเรื่องก็เรียกพวกเพื่อนเราไปว่าโดยมีเราเดินตามไปด้วย ครูถามทำไมทำกับเพื่อนแบบนี้ เอาดินยัดใส่ปากเพื่อนได้ไง พวกนั้นมองหน้ากันแล้วเพื่อนเราคนนึงที่ชื่อ อ. ก็บอกครูว่า ก็เล่นขายอาหารกันมันก็ต้องเล่นให้สมจริงสิคะ พอเราได้ยินแบบนั้นจากปากเพื่อนเรานี่แอบปรี๊ดนิดนึงเลยค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังครูบ่นพวกนั้นไปเงียบๆ พอหมดพักกลางวัน ทุกคนก็เข้าเรียนตามปกติ แล้วดันเกิดเรื่องขึ้นเมื่อเพื่อนของ อ. พูดขึ้นมาว่า 'ครูคะ กล่องสีหนูหายไปค่ะ' ครูก็เลยถามทุกคนว่าเห็นมั้ย ทุกคนในห้องบอกไม่รู้ไม่เห็นรวมทั้งเราด้วย และจู่ๆ ก็มีเสียงของ อ. พูดขึ้นมาว่า 'ครูลองตรวจกระเป๋าทุกคนให้หน่อยค่ะ เผื่อมีใครขโมยไป' แล้ว อ. ก็มองมาที่เรา เราไม่ได้เอะใจว่าทำไมถึงมองมาและครูก็เริ่มเดินตรวจกระเป๋ามาเรื่อยๆ จนถึงเรา พอเปิดกระเป๋ากลับพบว่าเรามีสีสองกล่อง กล่องเล็กของเรา และกล่องใหญ่อีกกล่องของใครไม่รู้ พอครูเห็นเลยถามเราว่าทำไมมีสองกล่อง เราบอกไม่รู้ แล้วเพื่อน อ. ก็พูดขึ้นมาว่า อ๊ะ อันนั้นของหนู กล่องใหญ่ๆ แล้วครูก็มองมาที่เราแล้วถาม มาอยู่ในกระเป๋าเราได้ไง ขโมยเพื่อนมาเหรอ เราก็บอกเปล่า ไม่ได้ขโมย ไม่รู้ว่ามาอยู่ในนี้เองได้ไง ครูก็ถามซักไซ้อยู่อย่างนั้นจนเราเริ่มร้องไห้เพราะไม่รู้จะตอบอะไรดีแล้ว บอกไม่ได้ขโมยๆ ก็ไม่เชื่อ ครูก็เลยเอาของไปคืนเพื่อน อ. แล้วจบเรื่องตรงนั้น
พอเข้า ป.1 อ. ที่เคยเรียนอนุบาลที่เดียวกันก็มาเข้าโรงเรียนเดียวกับเรา อยู่คนละห้อง และเรื่องที่เลวร้ายก็เริ่มจากตรงนี้ค่ะ.... มาเรียนไปสามวัน เราเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนๆ ในชั้นทุกคนมองเราแปลกๆ มองมาที่เราแล้วหัวเราะ (ตอนนั้นเราค่อนข้างอ้วนและดำค่ะ เราก็เลยคิดว่าพวกนั้นอาจจะล้อเราแล้วหัวเราะกันอยู่ก็ได้) แม้ว่าที่เราคิดมันอาจจะมีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจู่ๆ ก็มีเพื่อนคนนึงมาถามเราว่า เป็นขี้ขโมยเหรอ เราก็แบบ หะ ขโมยอะไรอ่ะ? เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า อ. เป็นคนเล่าให้ฟังว่าแกเป็นเด็กขี้ขโมยของ ขี้โกหก พอเรารู้เรื่องก็เลยเดินไปหา อ. แล้วถาม อ. ว่า ทำไมต้องโกหกคนอื่นด้วยว่าเราเป็นคนขี้ขโมยกับโกหก อ. ก็บอกกับเราว่า หรือมันไม่จริงล่ะ? ยัยขี้ขโมย แล้ว อ. ก็เดินไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนใหม่ของนาง ตั้งแต่นั้นมา ข่าวแพร่ไปทั่วว่าเราเป็นคนขี้ขโมยจนทุกคนตีตัวออกห่างและทำท่าทีรังเกียจใส่ เราตัวคนเดียวตั้งแต่ ป.1 แต่เพราะเป็นเด็กเราเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ว่าจะงานกลุ่มหรืออะไร ก็ทำคนเดียวตลอด แม้ครูจะพาเราเข้ากลุ่มอื่นไป ทุกคนก็เมินไม่สนใจเราและผลักไสไล่ส่งเราตลอด เรามักจะหัวเราะแห้งๆ แบบไร้สาระเวลาโดนเพื่อนแกล้ง เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา และการแกล้งเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ...
พอช่วงขึ้น ป.3 เราได้อยู่ห้องครูโหดๆ ที่สอนคณิตฯ เป็นครูค่อนข้างเข้มงวดทุกระเบียดนิ้ว มีช่วงนึงครูไปประชุม แล้วสั่งหัวห้องให้ดูห้ามคนในห้องเดินเพ่นพ่าน ให้นั่งกับที่ห้ามไปไหน ใครลุกให้จดชื่อไว้ ตอนนั้นทุกคนก็นั่งเล่นกับโต๊ะปกติ จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ หยิบยางลบเราแล้วเขวี้ยงมันออกไปอยู่กลางห้อง (เรานั่งริมห้องฝั่งทางออก) และเพื่อจะไปเก็บยางลบ มันก็ต้องลุก เราเลยฝากเพื่อนอีกคนที่อยู่กลางห้องโยนยางลบมาให้หน่อย แต่ว่า...ไม่มีใครเก็บให้...สักคน ทุกคนไม่สนใจกับยางลบของเราและเล่นกับเพื่อนตัวเองต่อไป มันเลยช่วยไม่ได้ที่เราจะต้องลุกไปเก็บยางลบมาแล้วนั่งที่โต๊ะ หัวห้องก็จดชื่อเราลงบนกระดานจนครูประจำชั้นกลับมา บนกระดานมีชื่อเราคนเดียว ครูก็เรียกไปหน้าห้องแล้วถามทำไมเดิน เราบอกเพื่อนข้างๆ โต๊ะเราโยนยางลบไปกลางห้องแล้วไม่มีใครเก็บให้จึงลุกไปเก็บเอง แต่ทุกคนก็พูดขึ้นว่า หนูจะเก็บให้แล้วแต่เราอยากลุกไปเก็บเอง / ผมไม่ได้โยนนะ ผมไม่รู้เรื่อง ผมหลับอยู่อ่ะครู และเพราะเสียงค่อนข้างมากก็ต้องชนะอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นพยานให้ จบท้ายด้วยเราโดนครูเอาแผ่นกระจกยาวๆ ตีเข้าที่มือสามทีอย่างเจ็บปวด (มันคือแผ่นกระจกจริงๆ และมือเราแดงสุดๆ) เราร้องไห้ไปตามระเบียบเพราะความเจ็บปวดและเราก็โดนแกล้งสารพัดไม่เว้นวัน
พอขึ้น ป.4 มีเด็กย้ายมาใหม่ 1 คน เป็นคนโคราชเหมือนกับเรา เป็นเด็กผู้ชายตัวใหญ่ๆ และเป็นคนค่อนข้างเกเรมากๆ ขอเรียกย่อๆ ว่า ย. นะคะ ย. ได้ยินเรื่องของเราจาก อ. เข้า และมีแบ็คหลังคือทั้งชั้น! ช่วยกันรุมแกล้งเรา บางวันรองเท้าเราหาย กลับบ้านไม่ได้จนต้องให้แม่มารับ กล่องสีเราหาย ไม่ก็กระโปรงโดนตัดขาดไปตอนไม่รู้ บางวันก็โดนสะกัดขาจนหน้าทิ่มกับพื้น ยังดีที่หัวไม่แตกเพราะนั่นเป็นพื้นปูน แต่ก็ทำเอาเราขาเคล็ดไปเลย เรามักจะฟ้องครูว่า ย. ชอบแกล้งเรา แต่ครูก็ยังช่วยไม่ได้ ไม่สิ ไม่ช่วยอะไรเราเลย แถมปล่อยปะละเลยจนเราต้องฟ้องแม่ แม่ก็บอกถ้าเพื่อนแกล้งมาก็ต่อยมันกลับเลย พอเราต่อต้าน ย. ด้วยความที่แรงไม่เยอะเท่า ผช. และเราค่อนข้างผอม (เราเริ่มผอมตอน ป.3) เลยโดนดีดออกมาตลอด และตลอดทั้งเทอม ย. ก็ยังคงแกล้งเราไปทั้งแบบนั้น
พอขึ้น ป.5 เมื่อ ย. เริ่มเบื่อๆ ว่างๆ... ย. จะหันมาแกล้งเราตลอด โดยไม่มีใครสามารถมาช่วยเราได้เลย และช่วงนั้น ย. มีแฟน เป็นเพื่อนในห้องเรา ช่วงนั้น เราเป็นเวรทำความสะอาด เรายืนลบกระดานเพื่อจะรอเวลากลับบ้าน เราหันไปเห็น ย. พูดกับ ป. ที่เป็นแฟนแล้วมองมาที่เรา ป. เดินเข้ามาหาเราแล้วตบหน้าเราไปฉาดนึง เราอึ้งและรู้สึกหน้าชาจากการโดนตบครั้งแรกในชีวิต เราถาม ป. ว่าตบเราทำไม นางบอก ก็แค่หมั่นไส้แล้วเดินกลับไปหา ย. พอช่วงจะกลับบ้าน เราเดินไปหยิบรองเท้าหน้าชั้นเรียน ย. เดินมาสะกัดขาเราจนเราล้ม เรารู้สึกเริ่มทนไม่ได้เลยพยายามจะเตะ จะต่อย ย. แต่ก็โดนผลักกระเด็นมา ย. หัวเราะสะใจแล้วเดินลงบันไดไป เราทำได้แต่โมโหแล้วตะโกนด่า ย. ไป มีช่วงนึงเรียนวิชาว่ายน้ำ เราโดน ย. ถีบลงน้ำลึก 2 เมตร โชคยังดีที่เราว่ายน้ำเป็นเลยไม่จมน้ำ ครูเห็นเลยตี ย. ไปหลายสิบที
ช่วงสุดท้ายของ ป.6 วันจบหลังจากโดนแกล้งมาตลอดทั้งเทอม แม้จะวันสุดท้าย แต่กลับไม่มีใครมายืนต่อหน้าเราแล้วพูด 'ขอโทษ' ออกมาจากปากสักคนเดียว ราวกับว่าทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิดกับเราเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดที่ผ่านมา เราได้แต่นั่งให้เวลามันปล่อยผ่านจนถึงเวลากลับบ้านไป เราลองไปสอบที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดแต่ก็ไม่ติด รู้อยู่แล้วแหละว่าตัวเองการเรียนค่อนข้างแย่ ที่แย่ ไม่ใช่เพราะเราไม่ใส่ใจ แต่เพราะไม่มีใครช่วยสอน งานกลุ่มก็คนเดียว ทำอะไรคนเดียวไม่รอดหรอก กับที่บ้านพ่อแม่ยังไม่เข้าใจเลย เราไม่เคยบอกพ่อกับแม่ว่าเราโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งหนักมากๆ เราเก็บไว้ไม่ได้ระบายกับใครเลย
ม.1 เมื่อสอบเข้าโรงเรียนอื่นไม่ได้ เราก็ได้กลับมาที่เดิม... โรงเรียนเดิมที่ไม่อยากมา และมันก็มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกรอบ อ. เพื่อนจากอนุบาลได้ไปต่อโรงเรียนอื่นทำให้เราโล่งใจ แต่ เอ (ขอไม่เรียกชื่อเล่นเต็ม เป็น ผญ.) ก็ได้ต่อที่โรงเรียนเดิม ย. ก็เช่นกัน เพิ่มเติมคือ ช. (เพื่อนจากอนุบาลเดียวกัน เป็น ผญ.) ย้ายเข้ามาเรียนตอน ม.1 และอยู่ห้องเดียวกับ เอ เมื่อ เอ รู้เรื่องว่า ช. มาจากอนุบาลเดียวกันกับเรา เลยไปชวน ช. เข้ากลุ่มตัวเอง เราก็ได้เพื่อนเพิ่มมาอีก 1 คน ชื่อ พลอย และนัทก็อยู่ด้วย (สีน้ำย้ายไปเรียนใต้) พอเรียนไปไม่ถึงสัปดาห์ เราโดนเพื่อนทั้งชั้นแบนอีกแล้วค่ะ สาเหตุน่ะเหรอ? ก็จาก เอ ย. และ ช. ค่ะ แต่จากเดิมแล้วพวกเด็กเก่าที่เคยเรียนที่นี่็เรียน ม.1 ต่อที่นี่เยอะเหมือนกัน มันจะไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะเล่าเรื่องของเราให้คนอื่นฟังและหาพรรคพวก และการแกล้งเราก็ยังดำเนินต่อไป
ม.2 ยังไม่ค่อยมีเรื่องแกล้งหนักๆ เท่าไหร่ ขอเล่าช่วง ม.3 เลยนะคะ
ม.3 เทอม 1 เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงวิชาศิลปะ เราค่อนข้างเก่งศิลปะพอสมควร และ ม.3 เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับนัทและพลอย เวลาทำงานเลยลำบากตอนงานกลุ่ม เมื่อครูสั่งงานกลุ่มขึ้นมา พอมองรอบๆ คิดว่าทุกคนคงมีกลุ่มแล้วเลยกะว่าจะทำงานคนเดียว แล้วก็มีคนนึง (เด็กเกเหมือนกับ ย.) มาขอเข้ากลุ่มด้วย จนสุดท้ายเราก็มีกลุ่ม เเต่ที่เหลือเป็น ผช. หมดเลย เราเลยถาม มีใครจะช่วยทำมั้ย ทุกคนตอบเสียงเดียว 'เดี๋ยวช่วยจ่ายเงิน' เราก็อื้มมม โอเค ได้ เดี๋ยวทำเอง เช้าวันอาทิตย์ให้พ่อแม่พาไปซื้ออุปกรณ์มาทำ เรานั่งทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้ายันห้าทุ่ม จนเสร็จ วันจันทร์เราก็แบกงานมาที่โรงเรียนและเก็บเงินจากเพื่อนในกลุ่มปกติ พอพักกลางวันเราเอางานไปส่งครูเรียบร้อย แต่มีจุดต้องแก้เลยเอางานไปไว้หลังห้อง กลุ่มอื่นก็เริ่มทยอยเอามาส่งแล้วเอางานไว้หลังห้องเช่นกัน และเรื่องหนักสุดคือวันพุธถัดมา งานศิลปะต้องส่งให้เสร็จภายในวันนั้น เราแก้งานเสร็จตั้งแต่วันอังคาร พอขึ้นมาบนห้อง มองงานตัวเองกลับพบว่ามีอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมา (ครูสั่งงานแบบจำลองธรรมชาติ) คือ มีต้นไม้สองสามต้นมาปักลงแถวริมน้ำที่เราทำ มีเม็ดหินสีขาวที่เราไม่ได้ซื้อมาตกแต่งบนขอบแม่น้ำ และมันทำให้งานกลุ่มเราดูเด่นขึ้นมา แล้วสักพักคนที่ชื่อ พลอย (ขอเอ่ยหน่อย พอค่อนข้างที่จะเกลียดคนนี้ค่ะ และไม่ใช่พลอยเพื่อนสนิทเรานะ พลอยคนนี้อยู่กลุ่มเดียวกับ เอ ย. ช.) เดินมาจะเอาผลงานตัวเองไปส่งแล้วมองมาทางผลงานเราแล้วถาม 'มืงเอาต้นไม้มาจากไหน เม็ดหินด้วย มันของกลุ่มกุไม่ใช่เหรออีsus' แล้วนางก็จิกหัวเราจนยางรัดผมเราหลุด เราก็เริ่มร้องไห้บอกว่าไม่รู้ๆ เพื่อนในห้องก็ร้องเชียร์นางว่า เอาเลยๆ จัดเลยๆ เล่นมันๆ จนเราร้องไห้หนักกว่าเก่า นางก็ผลักหัวเราจนหน้าเราทิ่มโต๊ะดังปั้งแล้วเดินออกห้องไปพร้อมทิ้งท้ายว่า 'กุไม่จบกับมืงแน่ กุจะเอามีดมาแทงมืง' แล้วเดินออกห้องไป เราร้องไห้โฮแล้วตะโกนด่าคนในห้องบอก ใครทำอย่าให้รู้นะ กุไม่ไว้มืงแน่ แล้วนั่งร้องไห้แบบนั้นจนครูเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น คือสภาพเราตอนนั้นคิดว่าต้องลาออกให้ได้ ไม่ว่ายังไงไม่อยากอยู่แล้วโรงเรียนแบบนี้ ไม่อยากมาโรงเรียนแล้ว เกลียด เกลียดทุกคน พอช่วงกลางวันขึ้นห้องมา งานกลุ่มของเราพังตามคาด เละ งานกระจายไปทั่วห้อง เราแทบทรุด เพราะงานนั้นเราตั้งใจทำมาก แต่ไอ้ของที่เพิ่มมา ก็คืนกลุ่มนางไปหมดแล้วด้วย เราก็นั่งเก็บงานของตัวเองพร้อมร้องไห้ไปด้วย และเพื่อนในกลุ่มเราเห็นก็วิ่งมาช่วยกันเก็บแล้วบอกอย่าร้องๆ เราก็เอางานนั้นไปส่งครูทั้งแบบนั้น ครูก็มองงานเราแล้วถามทำไมเป็นแบบนั้น เราก็เงียบ และเพื่อนที่อยู่กลุ่มเราอีกคนก็ตอบแทนว่าโดนแกล้งครับ ครูทำสีหน้าเข้าใจเลยให้คะแนนไปเต็มสิบ ครูบอกงานเราค่อนข้างดีอยู่แล้วแล้วปลอบใจเราด้วย
นี่ก็คือเรื่องราวที่เกือบจะทั้งหมดของเราค่ะ ปกติเราเป็นคนขี้ลืมง่าย แต่กับเรื่องแบบนี้เราลืมไม่ลงค่ะ ยิ่งนึกยิ่งแค้นพวกนั้นไม่หาย มีวิธีแก้มั้ยคะ จะต้องทำยังไงดี ถึงแม้ว่าเราจะเจอสถานที่ดีๆ ตอนเรียนวิทยาลัยแล้วก็ตาม มันก็ไม่ช่วยทำให้ลืมเรื่องแบบนี้ให้หายไปจากสมองได้เลยค่ะ ขอโทษที่เนื้อหายาวไปหน่อยนะคะ พอดีเราพิมพ์ย่อเรื่องไม่เก่ง TT