อิสลาม: ศาสนาแห่งสันติภาพ
ก. ภาพลักษณ์ของศาสนาแห่งสันติภาพ
อิสลาม ได้รวมความหมายของสองคำไว้ด้วยกัน คือ 1. สลาม แปลว่า ความสันติ 2. อิสติสลาม แปลว่า การยอมจำนน
มันจึงมีความหมายว่า “การยอมจำนนต่อพระเจ้า(ความหมาย อิสติสลาม)เพื่อความสันติในทุกด้านของชีวิตเจ้า(ความหมาย สลาม)”
คำสอนอิสลามเป็นแหล่งบังเกิดสันติภาพ แก้ปัญหาให้มนุษย์ในหลายด้านและได้ก่อให้เกิดความสงบร่มเย็น เหตุผลก็คือ อิสลามได้สร้างสังคมที่ปลอดจาก..
1- ความเท็จและอวิชชา
2- อบายมุขและสิ่งผิดศีลธรรมทั้งปวง
3- ความอยุติธรรมและการละเมิดรุกราน
4- อาชญากรรมต่างๆ
5- การตั้งภาคีและการบูชาเจว็ด
6- ความทรมานจากไฟนรกในโลกหน้า
ข. สันติภาพในอิสลามพบได้ใน ...
1/ การทักทาย ศาสนากำหนดให้สลามเป็นคำทักทายระหว่างศรัทธาชนทั้งโลกนี้และโลกหน้า ท่านนบี ได้กล่าวความว่า “พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์ จนกว่าจะเป็นผู้ศรัทธา พวกท่านจะไม่เป็นผู้ศรัทธา จนกว่าจะมีความรักเอื้ออาทรต่อกัน พึงทราบเถิด ฉันจะบอกถึงการกระทำอย่างหนึ่ง ซึ่งหากพวกท่านปฏิบัติเป็นนิจแล้ว จะเกิดความรักเอื้ออาทรต่อกันและกัน จงโปรยสลามในหมู่พวกท่าน”
2/หลักศาสนบัญญัติ ส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ของศาสนบัญญัติอิสลามคือ การปกป้องรักษาปัจจัย 5 ประการ ศาสนา เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ทรัพย์สิน และชีวิต ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงได้กำหนดกฎเกณฑ์หลักอันนำไปสู่การปกป้องปัจจัยทั้งห้าประการ เพื่อสร้างสันติภาพที่แท้จริง เช่นกฎ
การป้องกันและขจัดภัยพิบัติสำคัญกว่าและต้องมาก่อนการแสวงหาผลประโยชน์
หรือกฎที่เป็นคำกล่าวของท่านนบีที่ว่า อย่าให้มีการกระทำที่เป็นภัยต่อตนเอง และเป็นภัยต่อผู้อื่น
3/ เจตนารมณ์ในการทำอิบาดะฮฺ
3.1 การทำฮัจญ์ ซึ่งได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เมื่อผู้ใดประสงค์ประกอบพิธีฮัจญ์และเหนียตทำฮัจญ์แล้ว นับตั้งแต่วินาทีนั้นห้ามตัดเล็บ โกนผม เด็ดใบไม้ ตัดต้นไม้ ฆ่าสัตว์ ล่าสัตว์ หรือกระทำการใดๆที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นไม่ว่าด้วยมือด้วยปาก และไม่อนุญาตให้โต้ตอบใดๆแม้เผชิญหน้ากับฆาตกรที่ฆ่าบิดาของเขาก็ตาม
3.2 การถือศีลอด เช่นเดียวกันผู้ถือศีลอดต้องอดกลั้นระงับอารมณ์อย่างสงบเสงี่ยม ดังที่ท่านนบีกล่าวความว่า “การถือศีลอดเปรียบเหมือนกำแพง (ที่คอยขวางกั้นมิให้เข้านรก) หากผู้ใดถือศีลอด เขาก็จงอย่ากระทำสิ่งไร้สาระและอย่าได้โกรธเคือง หากมีคนด่าทอ หรือประทุษร้ายเขา ขอให้ตอบว่า ฉันถือศีลอด”
4/ ต่อเพื่อนร่วมโลก สันติภาพของอิสลามยังคลอบคลุมคนในสังคมด้านความเป็นอยู่โดยไม่แบ่งแยกศาสนา ดังที่ท่านนบีกล่าวความว่า “ไม่ใช่ผู้ศรัทธาต่อฉัน ผู้ที่เข้านอนในสภาพท้องอิ่มขณะที่เพื่อนบ้านหิว” เพื่อนบ้านในที่นี้อาจเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่ ดังที่ท่านอับดุลลอฮฺ บินอัมรฺ ได้ใช้ให้เด็กรับใช้นำเนื้อแพะไปให้เพื่อนบ้านชาวยิว
นอกจากนี้สันติภาพแห่งอิสลามยังได้เผื่อแผ่ไปถึงสัตว์ด้วย ดังหะดีษที่แสดงให้เห็นถึงการลงโทษหญิงที่กักขังแมวและไม่ให้อาหารมันจนมันตาย และหะดีษที่ได้เล่าถึงความพอพระทัยของอัลลอฮฺ ที่มีต่อชายคนที่ลงไปในบ่อเพื่อตักน้ำให้สุนัขกิน เมื่อมีผู้ถามอย่างประหลาดใจว่า การทำดีต่อสัตว์ได้ผลบุญด้วยหรือ? ท่านนบีตอบความว่า “การทำดีต่อทุกสิ่งที่หัวใจยังมีชีวิตจะได้รับผลตอบแทน”
ค. การยอมรับจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
- ในศตวรรษที่ 9 บาทหลวงแห่งนครเยรูซาเล็มได้มีหนังสือถึงบาทหลวงแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยพูดถึงชาวอาหรับมุสลิมว่า “แท้จริงพวกเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม พวกเขาไม่เคยละเมิดและอยุติธรรมต่อเราเลย และไม่เคยใช้วิธีการรุนแรงใดๆกับเรา”
- กุสตาฟ เลอ บอง ได้สรุปว่า “ความจริงก็คือประชาชาติทั้งหลายไม่เคยรู้จักกองทัพใดที่เมตตาอารีและใจกว้างเหมือนกองทัพมุสลิมชาวอาหรับ และไม่เคยรู้จักศาสนาใดที่เปี่ยมด้วยเมตตาเช่นศาสนาของพวกเขา”
นี่คือสันติภาพในอิสลามที่ช่างมีอยู่มากมาย เป็นสันติภาพที่งดงามและสมบูรณ์แบบ เป็นสันติภาพทั้งโลกนี้และโลกหน้า สันติภาพในชื่อและคุณลักษณะ สันติภาพในสัญญลักษ์และคำทักทาย สันติภาพในการขอพรและการกล่าวรำลึกถึงผู้เป็นเจ้า เป็นสันติภาพแห่งอัลลอฮฺ และเหล่ามะลาอิกะฮฺและของมนุษย์ทั้งมวล
......................................
สรุปความจากหนังสือ อิสลามศาสนาแห่งสันติภาพ
อิสลาม: ศาสนาแห่งสันติภาพ
ก. ภาพลักษณ์ของศาสนาแห่งสันติภาพ
อิสลาม ได้รวมความหมายของสองคำไว้ด้วยกัน คือ 1. สลาม แปลว่า ความสันติ 2. อิสติสลาม แปลว่า การยอมจำนน
มันจึงมีความหมายว่า “การยอมจำนนต่อพระเจ้า(ความหมาย อิสติสลาม)เพื่อความสันติในทุกด้านของชีวิตเจ้า(ความหมาย สลาม)”
คำสอนอิสลามเป็นแหล่งบังเกิดสันติภาพ แก้ปัญหาให้มนุษย์ในหลายด้านและได้ก่อให้เกิดความสงบร่มเย็น เหตุผลก็คือ อิสลามได้สร้างสังคมที่ปลอดจาก..
1- ความเท็จและอวิชชา
2- อบายมุขและสิ่งผิดศีลธรรมทั้งปวง
3- ความอยุติธรรมและการละเมิดรุกราน
4- อาชญากรรมต่างๆ
5- การตั้งภาคีและการบูชาเจว็ด
6- ความทรมานจากไฟนรกในโลกหน้า
ข. สันติภาพในอิสลามพบได้ใน ...
1/ การทักทาย ศาสนากำหนดให้สลามเป็นคำทักทายระหว่างศรัทธาชนทั้งโลกนี้และโลกหน้า ท่านนบี ได้กล่าวความว่า “พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์ จนกว่าจะเป็นผู้ศรัทธา พวกท่านจะไม่เป็นผู้ศรัทธา จนกว่าจะมีความรักเอื้ออาทรต่อกัน พึงทราบเถิด ฉันจะบอกถึงการกระทำอย่างหนึ่ง ซึ่งหากพวกท่านปฏิบัติเป็นนิจแล้ว จะเกิดความรักเอื้ออาทรต่อกันและกัน จงโปรยสลามในหมู่พวกท่าน”
2/หลักศาสนบัญญัติ ส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ของศาสนบัญญัติอิสลามคือ การปกป้องรักษาปัจจัย 5 ประการ ศาสนา เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ทรัพย์สิน และชีวิต ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงได้กำหนดกฎเกณฑ์หลักอันนำไปสู่การปกป้องปัจจัยทั้งห้าประการ เพื่อสร้างสันติภาพที่แท้จริง เช่นกฎ
การป้องกันและขจัดภัยพิบัติสำคัญกว่าและต้องมาก่อนการแสวงหาผลประโยชน์
หรือกฎที่เป็นคำกล่าวของท่านนบีที่ว่า อย่าให้มีการกระทำที่เป็นภัยต่อตนเอง และเป็นภัยต่อผู้อื่น
3/ เจตนารมณ์ในการทำอิบาดะฮฺ
3.1 การทำฮัจญ์ ซึ่งได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เมื่อผู้ใดประสงค์ประกอบพิธีฮัจญ์และเหนียตทำฮัจญ์แล้ว นับตั้งแต่วินาทีนั้นห้ามตัดเล็บ โกนผม เด็ดใบไม้ ตัดต้นไม้ ฆ่าสัตว์ ล่าสัตว์ หรือกระทำการใดๆที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นไม่ว่าด้วยมือด้วยปาก และไม่อนุญาตให้โต้ตอบใดๆแม้เผชิญหน้ากับฆาตกรที่ฆ่าบิดาของเขาก็ตาม
3.2 การถือศีลอด เช่นเดียวกันผู้ถือศีลอดต้องอดกลั้นระงับอารมณ์อย่างสงบเสงี่ยม ดังที่ท่านนบีกล่าวความว่า “การถือศีลอดเปรียบเหมือนกำแพง (ที่คอยขวางกั้นมิให้เข้านรก) หากผู้ใดถือศีลอด เขาก็จงอย่ากระทำสิ่งไร้สาระและอย่าได้โกรธเคือง หากมีคนด่าทอ หรือประทุษร้ายเขา ขอให้ตอบว่า ฉันถือศีลอด”
4/ ต่อเพื่อนร่วมโลก สันติภาพของอิสลามยังคลอบคลุมคนในสังคมด้านความเป็นอยู่โดยไม่แบ่งแยกศาสนา ดังที่ท่านนบีกล่าวความว่า “ไม่ใช่ผู้ศรัทธาต่อฉัน ผู้ที่เข้านอนในสภาพท้องอิ่มขณะที่เพื่อนบ้านหิว” เพื่อนบ้านในที่นี้อาจเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่ ดังที่ท่านอับดุลลอฮฺ บินอัมรฺ ได้ใช้ให้เด็กรับใช้นำเนื้อแพะไปให้เพื่อนบ้านชาวยิว
นอกจากนี้สันติภาพแห่งอิสลามยังได้เผื่อแผ่ไปถึงสัตว์ด้วย ดังหะดีษที่แสดงให้เห็นถึงการลงโทษหญิงที่กักขังแมวและไม่ให้อาหารมันจนมันตาย และหะดีษที่ได้เล่าถึงความพอพระทัยของอัลลอฮฺ ที่มีต่อชายคนที่ลงไปในบ่อเพื่อตักน้ำให้สุนัขกิน เมื่อมีผู้ถามอย่างประหลาดใจว่า การทำดีต่อสัตว์ได้ผลบุญด้วยหรือ? ท่านนบีตอบความว่า “การทำดีต่อทุกสิ่งที่หัวใจยังมีชีวิตจะได้รับผลตอบแทน”
ค. การยอมรับจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
- ในศตวรรษที่ 9 บาทหลวงแห่งนครเยรูซาเล็มได้มีหนังสือถึงบาทหลวงแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยพูดถึงชาวอาหรับมุสลิมว่า “แท้จริงพวกเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม พวกเขาไม่เคยละเมิดและอยุติธรรมต่อเราเลย และไม่เคยใช้วิธีการรุนแรงใดๆกับเรา”
- กุสตาฟ เลอ บอง ได้สรุปว่า “ความจริงก็คือประชาชาติทั้งหลายไม่เคยรู้จักกองทัพใดที่เมตตาอารีและใจกว้างเหมือนกองทัพมุสลิมชาวอาหรับ และไม่เคยรู้จักศาสนาใดที่เปี่ยมด้วยเมตตาเช่นศาสนาของพวกเขา”
นี่คือสันติภาพในอิสลามที่ช่างมีอยู่มากมาย เป็นสันติภาพที่งดงามและสมบูรณ์แบบ เป็นสันติภาพทั้งโลกนี้และโลกหน้า สันติภาพในชื่อและคุณลักษณะ สันติภาพในสัญญลักษ์และคำทักทาย สันติภาพในการขอพรและการกล่าวรำลึกถึงผู้เป็นเจ้า เป็นสันติภาพแห่งอัลลอฮฺ และเหล่ามะลาอิกะฮฺและของมนุษย์ทั้งมวล
......................................
สรุปความจากหนังสือ อิสลามศาสนาแห่งสันติภาพ