สิบสี่วันที่เราต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ตลอด เหมือนหนูที่หางติดกาวดักหนูที่เราวางไว้แล้วเค้าลากถาดหนี บอกสิว่าใช่กรรมรึป่าว

เราย้ายมาอยู่ที่ร้านที่เราขายของซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ค่อนข้างเก่า ชั้นล่างมีห้องใต้หลังคาซึ่งทำให้เราต้องเจอกับหนูที่วิ่งขึ้นมาแทะนั่นนี่ตอนกลางคืน เราเป็นคนกลัวหนูมากเห็นแล้วขยะแขยงจนขนลุก


เมื่อหนูละลานวิ่งไปวิ่งมาให้เห็นไม่ได้เกรงอกเกรงใจ เราเลยสุดจะทนคิดหาวิธีกำจัดมัน ปกติเราไม่ฆ่าสัตว์และค่อนข้างเชื่อเรื่องเวรกรรม เพราะตอนเด็กๆด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการเราเคยเอาไม้ไปแทงท้องปลาที่ตะแคงตัวว่ายน้ำ

จำได้ดีวันนั้นน้ำลงจนเกือบหมด ปลาแรดที่เลี้ยงไว้ในคลองหน้าบ้านยายตัวโตต้องตะแคงตัวว่าย เราคว้าไม้ยาวๆแทงไปบนตัวเค้าอย่างสนุกสนานเพราะเราเห็นว่าพอเราแทงเค้าจะดิ้นแล้วรีบว่ายไป ตอนเช้าเค้าลอยขึ้นมาตายสี่ห้าตัวซึ่งตอนนั้นก็ตกใจไม่คิดว่าเค้าจะตาย
มันแปลก...ที่พอเราโตมาจะมีปัญหาเรื่องท้องไส้ตลอด เป็นโรคกะเพาะเรื้อรัง ปวดท้องรักษาไม่หายขาดน่ารำคาญมาก

จนวันนึงที่ได้ศึกษาเรื่องบุญกรรม ในหัวเรามีแต่ภาพปลาที่เราเคยไปแทงเค้า เราเลยระวังเรื่องการฆ่าสัตว์มาตลอด จนกระทั่งไม่นานมานี้ที่ย้ายมาอยู่ที่ร้านแล้วเจอหนู เราไปซื้อแผ่นกาวมาดักหนู ในใจคืออยู่ร่วมกันไม่ได้แล้ว เราวางกาวไว้สองถาดได้หนูตัวเล็กถาดละตัว เค้าติดในถาดดิ้นไม่ได้ เราดึงถุงขยะดำที่วางไว้ใต้ถาดขึ้น มัดปากแล้วเอาไปโยนทิ้งไม่ได้สนใจใยดี รู้สึกโล่งอกที่หนูตัวเล็กๆซนๆจะไม่มาวิ่งให้เห็นอีก

ผ่านไปได้สักสองอาทิตย์เราได้ยินเสียงหนูมาแทะตู้ช่วงเช้ามืดดังมากจนนอนไม่ได้ ในใจโกรธที่มาอีกแล้ว เราไปซื้อกาวมาดักอีก ครั้งนี้เราได้หนูตัวใหญ่เค้าพยายามลากถาดกาวไปใต้ตู้หน้าห้องเรากลับมาเจอ เค้าคงรู้ชะตากรรมพยายามเอาหัวซุกซ่อนตัว เราเอาถุงขยะดำใส่แล้วเอาไปทิ้งเหมือนเดิม

ถาดกาวดักหนูเหลืออีกหนึ่งแผ่น เราวางของกินดักต่อ คืนนั้นเค้ามาติดแต่ตัวนี้แรงเยอะเค้าลากถาดกาวลงบันไดแล้วมุดเข้ารูที่ห้องใต้หลังคาจนถาดค้างอยู่ที่ปากรู เค้าหลุดไปได้ เราเอาถาดกาวเดิมดักต่อมีมาติดอีกตัว ตัวนี้หางเค้าติด เค้าพยายามลากถาดกาวไป เรายอมรับเลยว่าตอนนั้นทั้งกลัวทั้งสงสาร ในใจคิดขอให้เค้าหลุดไป เราเดินกลับมานั่งทำใจในห้องแล้วออกไปดูเค้า หางเค้ายังติดอยู่ เค้าพยายามเอาหัวมุดรูเพื่อให้ถาดหลุด เราขยับตู้ที่เค้าลากถาดเข้าไปคงเป็นจังหวะเดียวกับแรงฮึดของเค้าดึงหางจนหลุดจากกาวเพราะกลัวเราจะทำร้ายเค้า เค้าหลุดไปได้
เรารู้สึกโล่งอกบอกไม่ถูก หยิบถาดกาวเปล่าใส่ถุงดำเอาไปทิ้ง ไม่เอาแล้วเลิกดักแล้ว...สงสาร

สองอาทิตย์ผ่านไป เราตื่นมาตอนเช้าพร้อมอาการปัสสาวะขัด จากตีสี่ถึงเจ็ดโมงเช้าเข้าห้องน้ำไปเกือบยี่สิบรอบก็ไม่สุดเสียที เช้านั้นเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอตรวจปัสสาวะไม่ติดเชื้อให้ยามากิน อาการเราไม่ดีขึ้นเลยต้องเอาถังมาตั้งไว้ใกล้ที่นอนเพราะเราปวดทุกห้านาทีสิบนาทีเป็นอย่างนั้นอยู่สามวันไม่ได้หลับได้นอนจนท้องเราบวมโต

วันที่สี่เราไปหาหมออีกครั้ง ครั้งนี้เราเปลี่ยนโรงพยาบาลไปใช้สิทธิรพ.ที่เรามีประกันสังคมคือรพ.ลาดพร้าว หมอคลำท้องบอกว่ามดลูกน่าจะโตก้อนใหญ่มากประมาณเด็กสี่ห้าเดือนคุณหมอส่งอัลตร้าซาวน์แล้วส่งต่อให้หมอสูตินารีเป็นเคสด่วนเลย

เราใจเสียมาก ชีวิตอยู่ดีๆเเข็งแรงดีๆก็เป็นอะไรไม่รู้ ตอนนั้นนึกถึงท่านท้าวหิรัญพนาสูรที่รพ.พระมงกุฏเราขอให้ท่านช่วยอย่าให้เราเป็นอะไรเลย

ผลอัลตร้าซาวน์ไม่พบเนื้องอกที่มดลูกหรือรังไข่ แต่พบกะเพาะปัสสาวะบวมโตมาก เราถูกส่งขึ้นมาพบหมอสูตินารี คุณหมอพันธ์วิทย์ วิโรจน์วงศ์ ซักอาการ แล้วตรวจภายในให้ซึ่งปกติดี คุณหมอบอกว่าที่เป็นก้อนกลมโตนี่คือกะเพาะปัสสาวะที่มีปัสสาวะอยู่เต็มต้องสวนออก เราโดนสวนปัสสาวะซึ่งออกมาประมาณหนึ่งลิตร ท้องยุบลงทันที คุณหมอขอคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางอีกคนที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะนายแพทย์เจิดศักดิ์ สุรีย์จามร คุณหมอที่นี่ใจดีมาก เดินเข้ามาคุยกันสรุปว่าส่งต่อเราให้คุณหมอเจิดศักดิ์ คุณหมอให้ใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้แล้วกลับบ้าน อีกห้าวันค่อยมาถอดเพราะกะเพาะปัสสาวะไม่มีแรงบีบให้สุด ปล่อยกลับไปปัสสาวะเองก็ท้องบวมอีก

เรากลับบ้านพร้อมคาสายกับถุงปัสสาวะไว้ เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก ปกติแล้วคนที่คาสายสวนจะนอนเฉยๆเป็นเคสผ่าตัดหรือคนแก่ คนที่เป็นอัมพาธช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่เรายังต้องเดิน เราต้องขายของเปิดร้านขายเกือบทุกวัน เดินไปไหนมีแต่คนเบือนหน้า คงหวาดเสียวกับสายที่ต่อลงมา ถึงจะไม่ทรมานกับการปวดปัสสาวะแต่เราใช้ชีวิตลำบากพอสมควร ต้องระวังเรื่องความสะอาดและการติดเชื้อมากๆ

ผ่านไปห้าวันคุณหมอ เราไปถอดสายสวนออกคุณหมอให้ลองปัสสาวะดู ปรากฏว่ายังขัดปัสสาวะไม่ออก คุณหมอบอกกะเพาะปัสสาวะเราคราก บวม ยืด จนไม่มีแรงบีบตัวให้ปัสสาวะสุดต้องให้กะเพาะปัสสาวะพักต่อ
คราวนี้คุณหมอให้ใส่สายสวนคาไว้อีกเก้าวัน เรากลับบ้านมาด้วยความท้อแท้ กังวลไปหมด ถ้าไม่หายจะทำยังไง ทำไมแค่คืนเดียวที่เราหลับลึกแล้วไม่ได้ลุกมาเข้าห้องน้ำทำไมถึงเป็นหนักขนาดนี้(อย่าอั้นฉี่! การอั้นฉี่อันตรายกว่าที่คิด)

เรากลับมาบ้านใช้ชีวิตลำบาก เดินมากก็ขูดท่อปัสสาวะเลือดไหล ในใจมีแต่ความกังวล ช่วงนี้เองที่เรานึกถึงหนูที่เคยวางกาวดัก แล้วหางเค้าติด เค้าต้องเอาหางลากถาดกาวไปด้วยเพื่อให้หลุด ภาพหนูชัดมากทุกครั้งที่เราเดิน นั่งหรือนอนแล้วต้องถือถุงปัสสาวะกับสายยางไปด้วยตลอดเวลา เราตั้งจิตอฐิษฐานสวดมนต์ขออโหสิกรรม

ก่อนไปพบหมอสามวันเรานอนมองไปที่ปฏิทินเห็นรูปในหลวง เรายกมือท่วมหัวบอกกับพระองค์ท่านว่าขอให้ลูกหายทันก่อนวันงานเผาพระบรมศพ ลูกจะไปวางดอกไม้จันทร์ให้ใกล้พระเมรุมาศที่สุด

วันที่ 24 ตุลาคม คุณหมอถอดสายสวนแล้วให้เราลองปัสสาวะ เรานึกถึงแต่พระองค์ท่านตอนนั้นขอให้หายให้ทัน

และก็เกิดปาฏิหาริย์ เราปัสสาวะสุดถึงจะเจ็บจะปวดบ้างแต่หมายถึงกะเพาะปัสสาวะเราเริ่มบีบตัวเองได้แล้ว เราไม่ต้องใส่สายสวนกลับบ้าน หลังจากนั้นเราพักหนึ่งวัน วันที่ 26 เราเข้าไปวางดอกไม้จันทร์ได้ใกล้ที่สุดที่วัดมหรรณพาราม อีกประมาณกิโลกว่าๆที่เราเข้าไม่ถึงด้านในสนามหลวงเพราะคนเต็มไปหมดและเราเริ่มเดินไม่ไหวแล้วยังเสียดๆที่ท้องน้อยอยู่

เราได้บทเรียนหลายอย่างจากการใส่สายสวนปัสสาวะสิบสี่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวรกรรม ปาฏิหาริย์ เพื่อน หรือใครที่อยู่กับเราตอนเราเจ็บไข้ไม่สบาย หรือน้ำใจจากคนไม่รู้จัก และที่แน่ๆคือเราเข็ด เข็ดจริงๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่