สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
...คุณมองจากปัจจัยประกอบ ก็จะเห็นภาพรวมได้...
ปัจจัยประกอบ คือ ..
- รัฐบาล รีดภาษีสารพัดอย่าง เท่าที่จะรีดได้ เช่น เก็บภาษีจากสัด จากศาสนา ซึ่งไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน.., จะเก็บภาษีน้ำ , ขึ้นแว๊ต ..และอื่นๆอีกสารพัด ฯลฯ...แสดงว่ารายได้รัฐบาลลดลงๆ เรื่อยๆ
- เงินคงคลังจากสมัยรัฐบาลก่อน เหลือกว่า 5 แสน ล้านบาท มาถึงเดือน กพ.ปีนี้ ลดลงเหลือแค่ 74,000 ล้านบาท (ลดลงประมาณ - 85 %) และคงหมดไปแล้ว ต้องไปกู้มาใหม่ เพื่อเพิ่มใส่ลงไปในบัญชีเงินคงคลัง และคาดว่า อีกไม่นานก็คงหมดอีก ต้องไปกู้อีก ..นั่นคือยอดหนี้ของรัฐบาลจะเพิ่มๆขึ้นเรื่อยๆๆ...
- นายทุนใหญ่ๆของไทยเอง ค่อยๆทะยอยถอนทุนออกไปลงทุนเมืองนอก มากมาย..
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่ว่าโตประมาณ 3 % นั่น เป็นยอดจากการส่งออกและท่องเที่ยว เติบโตอยู่ในมือของคนหยิบมืดเดียว คือพวกนายทุนใหญ่ๆ เจ้าสัวทั้งหลาย ไม่ได้มาจากการเติบโตจากการใช้จ่ายชนชั้นรากหญ้า ไม่ได้กระจายมาสู่กระเป๋าของชนชั้นรากหญ้า ...
- นั่นคือ เงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับชนชั้นรากหญ้า ค่อยๆลดลงๆ เรื่อยๆ ..แม้พวกเขาอยากจะจับจ่ายใช้สอย อยากจะซื้อนั่นๆ นี่ๆ แต่เขาไม่มีเงินพอจะซื้อ ดังนั้นคนที่ขายสินค้าหรือบริการ จะไปขายให้ใครละ ? ใครจะมาซื้อละ ? โรงงาน กิจการต่างๆ ก็ต้องค่อยๆปลด ลด ไล่ คนงานออก..คนจะตกงานมากๆขึ้น เพราะไม่รู้จะผลิตสินค้าออกมาขายใคร นอกจากส่งออกนอก แต่สินค้าไทยในตลาดโลก ตอนนี้เป็นสินค้ามที่ล้าสมัยไปแล้ว ตลาดโลกไม่ต้องการ นอกจากพวกอาหารหรือสินค้าเกษตร เท่านั้น.... ..ลองนึกภาพรวมดู ผลจะเป็นยังไง
ปัจจัยประกอบ คือ ..
- รัฐบาล รีดภาษีสารพัดอย่าง เท่าที่จะรีดได้ เช่น เก็บภาษีจากสัด จากศาสนา ซึ่งไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน.., จะเก็บภาษีน้ำ , ขึ้นแว๊ต ..และอื่นๆอีกสารพัด ฯลฯ...แสดงว่ารายได้รัฐบาลลดลงๆ เรื่อยๆ
- เงินคงคลังจากสมัยรัฐบาลก่อน เหลือกว่า 5 แสน ล้านบาท มาถึงเดือน กพ.ปีนี้ ลดลงเหลือแค่ 74,000 ล้านบาท (ลดลงประมาณ - 85 %) และคงหมดไปแล้ว ต้องไปกู้มาใหม่ เพื่อเพิ่มใส่ลงไปในบัญชีเงินคงคลัง และคาดว่า อีกไม่นานก็คงหมดอีก ต้องไปกู้อีก ..นั่นคือยอดหนี้ของรัฐบาลจะเพิ่มๆขึ้นเรื่อยๆๆ...
- นายทุนใหญ่ๆของไทยเอง ค่อยๆทะยอยถอนทุนออกไปลงทุนเมืองนอก มากมาย..
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่ว่าโตประมาณ 3 % นั่น เป็นยอดจากการส่งออกและท่องเที่ยว เติบโตอยู่ในมือของคนหยิบมืดเดียว คือพวกนายทุนใหญ่ๆ เจ้าสัวทั้งหลาย ไม่ได้มาจากการเติบโตจากการใช้จ่ายชนชั้นรากหญ้า ไม่ได้กระจายมาสู่กระเป๋าของชนชั้นรากหญ้า ...
- นั่นคือ เงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับชนชั้นรากหญ้า ค่อยๆลดลงๆ เรื่อยๆ ..แม้พวกเขาอยากจะจับจ่ายใช้สอย อยากจะซื้อนั่นๆ นี่ๆ แต่เขาไม่มีเงินพอจะซื้อ ดังนั้นคนที่ขายสินค้าหรือบริการ จะไปขายให้ใครละ ? ใครจะมาซื้อละ ? โรงงาน กิจการต่างๆ ก็ต้องค่อยๆปลด ลด ไล่ คนงานออก..คนจะตกงานมากๆขึ้น เพราะไม่รู้จะผลิตสินค้าออกมาขายใคร นอกจากส่งออกนอก แต่สินค้าไทยในตลาดโลก ตอนนี้เป็นสินค้ามที่ล้าสมัยไปแล้ว ตลาดโลกไม่ต้องการ นอกจากพวกอาหารหรือสินค้าเกษตร เท่านั้น.... ..ลองนึกภาพรวมดู ผลจะเป็นยังไง
แสดงความคิดเห็น
เศรษฐกิจไทย จะดีขึ้นได้ไหม และมันแย่ลงจริงไหม
ผมทำอาชีพเป็นเซลล์ ขายของทั่วไป ก็ทำมาหลายสินค้าคับและผมก็ยังชอบประเมินสินค้า กับตลาดควบคู่กันไปด้วย ด้วยความที่เริ่มทำตลาดช่วงที่บ้านเรา กำลังเริ่มแย่ลงครับ (เป็นเสียงบอกเล่าของลูกค้า และยอดขายของผมเอง) ทีนี้ผมอยากหาคำตอบและทางแก้ไข
ธุรกิจสินค้าที่ผมทำตอนนี้ เกี่ยวกับอะไหล่รถครับ ทั้งๆที่ รถราออกกันมาเต็มถนน ไปถามเซลล์ขายรถ กระบะรุ่นที่กำลังมาแรง จอดรอส่งลูกค้าอีกบาน แต่ทำไมร้านอะไหล่เงียบ ก็สรุปเล่นๆว่า สงสัยออกรถใหม่กันเยอะ รถคงยังไม่เสีย
- 1.เลยมีคำถามว่า ถ้าเศรษฐกิจแย่ ทำไมคนออกรถกัน ตูมตาม หรือ เพราะมีรถกันเยอะ เลยทำให้เงินในระบบไม่หมุนเวียน ค่าผ่อน 6-8 พัน ถ้าไม่มีรถผมว่า น่าจะใช้สอยสนุกเลย
ก่อนหน้านี้ อยู่วงการสินค้าที่นำเข้าจากจีน (ของเล่น) ในกทม ถือว่ายอดขายเยอะมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่เคยสัมผัสมา แต่ด้วยความชอบคิดไปเรื่อย นั่งดูยอดขายย้อนหลัง ก็พบว่า ยอดขายมันลดลงทุกเขต (กราฟตก) คิดเอาว่า สงสัยประชากรวัยเด็กลดลง และแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ เลยหนีจากวงการนั้นมา และด้วยความที่สินค้ามันมาจากจีน สิ่งที่กลัวที่สุดคือ วันนึงถ้าจีนมาเล่นเอง วงการเราคงลำบาก วันนี้เหมือนเว็ปขายของออนไลน ก็มีสินค้าจากจีนมาเหมือนกัน
-2.เลยมีคำถามที่สองว่า ถ้าจีนลงมาเล่นเอง ในสินค้าที่บริษัทในไทยเคยทำไว้ แล้วพนักงานจะอยู่ยังไง เพราะสินค้าจีนหลากหลายมากเลย ที่มีคนมาทำตลาดในไทย การที่เราได้ซื้อของถูกจากโรงงานโดยตรง มันก็ดีนะ แต่ว่า มันจะดีจริงหรือถ้าเป็นอย่างนี้ ระบบไม่พังพินาศหรือ
ช่วงนี้ ก็มีทำเกี่ยวกับเรื่องคนต่างด้าว ได้เจอกลุ่มนายจ้าง ได้พูดคุยก็พบว่า คนไทยไม่ทำงานบางประเภทแล้ว และบางที่คนต่างด้าวไม่ได้ค่าแรงวันละ 300 บาทแล้ว เค้าต้องปรับมากกว่านั้นเพื่อดึงดูดแรงงาน ทำให้ยิ่งงงไปใหญ่ ไปค้นข้อมูล ก็พบว่า อัตราว่างงานคนไทยน้อยสุดๆเคยติด 1 ใน 3 ด้วยหรือไงนี่แหละ
-3.เลยมีคำถามที่สามว่า คนไทยประกอบกิจการส่วนตัวกันมาก หรือยังไง หรือบริษัท จัดตั้งเยอะขึ้น ใช้แรงงานเยอะขึ้น ดูเหมือนทุกวันนี้แรงงานมันไม่พอด้วยซ้ำ ตกลงมันขาด หรือ เกิน
และจากคำถาม 3 ข้อที่ หากว่าด้วยเรื่องของ กำลังซื้อ จำนวนประชากร และแรงงาน ก็ไปเจอเรื่องที่บอกว่า ถ้าการเกิดน้อย แรงงานน้อย ก็ใช้เครื่องจักรโรบอทสิ ทีนี้ ก็จะวนกลับมาว่า ถ้าทุกโรงงาน ใช้เครื่องจักรโรบอท ที่กำลังการผลิตมากๆค่าใช้จ่ายน้อย ใช้แรงงานน้อย ความแม่นยำสูง นอกเรื่องนิด (แอบดูด่านเก็บค่าทางด่วน เดี๋ยวนี้เป็นรับบัตรเยอะ แถมอีซี่พาส เอ็มพาสอะไรนี่อีก แล้วพวกพนักงานที่เคยนั่งๆอยู่ เค้าไปไหนแล้ว)
-4.แล้วใครหล่ะ จะเป็นคนซื้อสินค้า เมื่อทุกโรงงานมีแต่โรบอท หรือใครมีก่อน ตักตวงก่อน
-5.คำถามนี้ อยากขอความคิดเห็นนะคับ ถ้าเราจะสนับสนุนให้เพิ่มประชากรไทยแบบขอความร่วมมือ โดยแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษาและพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู งบรัฐทำได้มั้ย ติดขัดอะไร มั้ย หรือเราจะมีนโยบายอะไร ที่จะป้องกันระบบเศรษฐกิจเรา ไม่ให้ถูกแทรกแซงจากสินค้าต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยอยู่ได้ และโรงงานใหญ่ๆจากญี่ปุ่น ที่มาตั้งในไทย ผลิตและส่งออกสินค้าทำให้ตัวเลขส่งออกเราเยอะๆ เราได้เยอะจริงมั้ย พวกรายได้จากภาษี แล้วผลกำไรที่บริษัทได้ เค้าเอากลับไปใช้ในประเทศเค้าหรือเปล่า
-6.ปัจจัยอะไร หรือแนวทางไหน ที่คิดว่าจะเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นได้
อยากให้คำถามที่ผมตั้ง ไปถึงคนที่มีอำนาจทำนโยบายมาแก้ไข อะไรที่มันดูจะส่งผลในอนาคต เพราะถ้าข้อสงสัยที่ผมมี มันเป็นปัจจัยต่อเศรษฐกิจจริง อนาคตจะน่าเป็นห่วงมาก