นาโคกต้องแวะ
หลายคนที่ขับรถเที่ยวภาคใต้โดยใช้ถนนเส้นพระรามสอง หลังจากที่พวกคุณท่องเที่ยวภาคใต้เสร็จ ขากลับจากการท่องเที่ยวขณะที่พวกคุณอยู่บนรอยต่อแม่กลอง-มหาชัยที่สองฝั่งถนนขนาบไปด้วยนาเกลือไกลสุดสายตาและเหล่าแม่ค้าขายเกลือขายอาหารทะเลแห้งคอยโบกเชิญชวนข้างถนน แล้วพวกคุณขับผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ใยดีเลยว่า แค่เลี้ยวซ้ายอึดใจเดียว ณ ที่นั้นไม่ถึง ๑ กิโลเมตร เข้าไปตำบลนาโคกที่มีของดีซ่อนอยู่ ผมว่าพวกคุณพลาดมากๆ
ทำไมนะเหรอ!!! ก็เพราะแค่คุณเลี้ยวซ้ายปากทางตำบลนาโคกเท่านั้น เชื่อผมเถอะว่าตำบลนี้มีสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มและมีความสุขได้เพียงแค่คุณขับรถเข้าไปไม่ถึง ๕ นาที คุณก็จะถึงวัดนาโคก
ที่วัดนาโคกนี่เอง ชาวบ้าน วัด และฝ่ายปกครองตำบลของที่นี่พยายามเปลี่ยนแปลงชุมชนของตัวเองให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ชาวบ้าน วัด และฝ่ายปกครองของตำบลช่วยกันปลูกและดูแลต้นดาวเรืองเพื่อแสดงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่หน้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์จำลององค์ใหญ่ข้างโบสถ์วัดนาโคก ตอนนี้ดอกดาวเรืองกำลังบานสะพรั่งเป็นเลขเก้าไทยขนาดใหญ่พร้อมพุ่มดาวเรืองน้อยใหญ่ ในขณะที่หน้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์จำลองก็ประดับตกแต่งสวยงามไม่แพ้กัน ทั้งกังหันวิดน้ำสัญลักษณ์ของการทำนาเกลือสองต้นในคูน้ำใสรอบองค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ทั้งซ้ายขวา โดยหลังคูน้ำก็มีศาลาเรือนไทยสองหลังที่ประดับไว้อย่างสวยงาม
ยิ่งโชคดีไปกว่านั้นหากพวกคุณมาที่นี่แล้ว พวกคุณยังได้มีโอกาสขอพรหลวงพ่อสัมฤทธิ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำบลนาโคก ซึ่งเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ถูกเล่าขานมาแต่โบราณ ผมขอเล่าเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์นี้เพียงเล็กๆน้อยๆ เพราะเรื่องเล่ามันเยอะมากคุณต้องไปถามชาวบ้านที่ตำบลนาโคกเอง
เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์เรื่องแรก เล่าขานกันว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ที่อัญเชิญมาจากอยุธยาก่อนประดิษฐานที่วัดนาโคกนั้นพระเหลา(ขา)ข้างหนึ่งชำรุดเสียหาย เจ้าอาวาสวัดลาดเป้ง จังหวัดสมุทรสงครามสหธรรมิกกับเจ้าอาวาสวัดนาโคกได้จัดพิธีหล่อระฆังขึ้นจึงนิมนต์หลวงพ่อสัมฤทธิ์มาประกอบพิธีหล่อพระเพลาที่ชำรุด แต่ไม่สามารถเททองหล่อได้สำเร็จ เพราะการหล่อนั้นต้องนำเศียรหลวงพ่อสัมฤทธิ์ลงดิน แต่ไม่ได้มีการขอขมาลาโทษก่อน จึงหล่อยังไงก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องมีการทำพิธีขอขมาลาโทษจึงหล่อซ่อมพระเพลาได้
แต่เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์มันไม่จบแค่นั้นเพราะ หลังจากนั้นหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก็ประดิษฐานอยู่วัดลาดเป้งเป็นเวลานาน โดยมิได้นำกลับมายังวัดนาโคก จนกระทั่งเจ้าอาวาสทั้งสองมรณภาพลง ทางบ้านนาโคกจึงทวงถามไปยังวัดลาดเป้ง แต่วัดลาดเป้งกลับนิ่งเฉย ทางวัดนาโคกจึงรวบรวมชาวบ้านไปทวงคืน จนต้องมีการตกลงกันว่า หากวัดใดยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ขึ้นได้ด้วยคนเพียงคนเดียว วัดนั้นมีสิทธิ์ครอบครองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ทางวัดลาดเป้งได้สิทธิ์ยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก่อน แต่ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น ในขณะที่คนของวัดนาโคกสามารถยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้อย่างสบายจึงได้แห่แหนหลวงพ่อสัมฤทธิ์กลับคืนมาสู่วัดนาโคกดังปัจจุบันนี้
และยิ่งไปกว่านั้นหากพวกคุณมาในช่วงหน้าร้อนช่วงทำนาเกลือ พวกคุณจะเห็นสองข้างทางถนนเข้าวัดนาโคกขาวเป็นประกายระยิบระยับของเหลี่ยมผลึกเกลือที่นอนนิ่งเรียงรายในนาตากและกองเป็นปิรามิดอย่างสวยงาม พร้อมวิธีชีวิตของชาวนาเกลือ และผมจะบอกความลับให้เฉพาะพวกคุณรู้นะว่านาเกลือพวกนี้มันอยู่หน้าวัดนาโคก ถ้าคุณขึ้นไปดูที่ศาลาชั้นสองของวัดนาโคกคุณจะได้วิวที่สวยมาก
ผมบอกคุณแล้วนะ ไม่ลองแวะไปเที่ยวละ เดินทางจากถนนพระรามสองไม่ถึง ๕ นาที เสียเวลาเที่ยววัดไม่เกินครึ่งชั่วโมง หนีการเสียอารมณ์จากรถติดมาเที่ยววัดนาโคกแล้วคุณจะยิ้มและอารมณ์ดีได้จริงๆนะ
นาโคกต้องแวะ
หลายคนที่ขับรถเที่ยวภาคใต้โดยใช้ถนนเส้นพระรามสอง หลังจากที่พวกคุณท่องเที่ยวภาคใต้เสร็จ ขากลับจากการท่องเที่ยวขณะที่พวกคุณอยู่บนรอยต่อแม่กลอง-มหาชัยที่สองฝั่งถนนขนาบไปด้วยนาเกลือไกลสุดสายตาและเหล่าแม่ค้าขายเกลือขายอาหารทะเลแห้งคอยโบกเชิญชวนข้างถนน แล้วพวกคุณขับผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ใยดีเลยว่า แค่เลี้ยวซ้ายอึดใจเดียว ณ ที่นั้นไม่ถึง ๑ กิโลเมตร เข้าไปตำบลนาโคกที่มีของดีซ่อนอยู่ ผมว่าพวกคุณพลาดมากๆ
ทำไมนะเหรอ!!! ก็เพราะแค่คุณเลี้ยวซ้ายปากทางตำบลนาโคกเท่านั้น เชื่อผมเถอะว่าตำบลนี้มีสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มและมีความสุขได้เพียงแค่คุณขับรถเข้าไปไม่ถึง ๕ นาที คุณก็จะถึงวัดนาโคก
ที่วัดนาโคกนี่เอง ชาวบ้าน วัด และฝ่ายปกครองตำบลของที่นี่พยายามเปลี่ยนแปลงชุมชนของตัวเองให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ชาวบ้าน วัด และฝ่ายปกครองของตำบลช่วยกันปลูกและดูแลต้นดาวเรืองเพื่อแสดงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่หน้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์จำลององค์ใหญ่ข้างโบสถ์วัดนาโคก ตอนนี้ดอกดาวเรืองกำลังบานสะพรั่งเป็นเลขเก้าไทยขนาดใหญ่พร้อมพุ่มดาวเรืองน้อยใหญ่ ในขณะที่หน้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์จำลองก็ประดับตกแต่งสวยงามไม่แพ้กัน ทั้งกังหันวิดน้ำสัญลักษณ์ของการทำนาเกลือสองต้นในคูน้ำใสรอบองค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ทั้งซ้ายขวา โดยหลังคูน้ำก็มีศาลาเรือนไทยสองหลังที่ประดับไว้อย่างสวยงาม
ยิ่งโชคดีไปกว่านั้นหากพวกคุณมาที่นี่แล้ว พวกคุณยังได้มีโอกาสขอพรหลวงพ่อสัมฤทธิ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำบลนาโคก ซึ่งเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ถูกเล่าขานมาแต่โบราณ ผมขอเล่าเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์นี้เพียงเล็กๆน้อยๆ เพราะเรื่องเล่ามันเยอะมากคุณต้องไปถามชาวบ้านที่ตำบลนาโคกเอง
เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์เรื่องแรก เล่าขานกันว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ที่อัญเชิญมาจากอยุธยาก่อนประดิษฐานที่วัดนาโคกนั้นพระเหลา(ขา)ข้างหนึ่งชำรุดเสียหาย เจ้าอาวาสวัดลาดเป้ง จังหวัดสมุทรสงครามสหธรรมิกกับเจ้าอาวาสวัดนาโคกได้จัดพิธีหล่อระฆังขึ้นจึงนิมนต์หลวงพ่อสัมฤทธิ์มาประกอบพิธีหล่อพระเพลาที่ชำรุด แต่ไม่สามารถเททองหล่อได้สำเร็จ เพราะการหล่อนั้นต้องนำเศียรหลวงพ่อสัมฤทธิ์ลงดิน แต่ไม่ได้มีการขอขมาลาโทษก่อน จึงหล่อยังไงก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องมีการทำพิธีขอขมาลาโทษจึงหล่อซ่อมพระเพลาได้
แต่เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์มันไม่จบแค่นั้นเพราะ หลังจากนั้นหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก็ประดิษฐานอยู่วัดลาดเป้งเป็นเวลานาน โดยมิได้นำกลับมายังวัดนาโคก จนกระทั่งเจ้าอาวาสทั้งสองมรณภาพลง ทางบ้านนาโคกจึงทวงถามไปยังวัดลาดเป้ง แต่วัดลาดเป้งกลับนิ่งเฉย ทางวัดนาโคกจึงรวบรวมชาวบ้านไปทวงคืน จนต้องมีการตกลงกันว่า หากวัดใดยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ขึ้นได้ด้วยคนเพียงคนเดียว วัดนั้นมีสิทธิ์ครอบครองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ทางวัดลาดเป้งได้สิทธิ์ยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก่อน แต่ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น ในขณะที่คนของวัดนาโคกสามารถยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้อย่างสบายจึงได้แห่แหนหลวงพ่อสัมฤทธิ์กลับคืนมาสู่วัดนาโคกดังปัจจุบันนี้
และยิ่งไปกว่านั้นหากพวกคุณมาในช่วงหน้าร้อนช่วงทำนาเกลือ พวกคุณจะเห็นสองข้างทางถนนเข้าวัดนาโคกขาวเป็นประกายระยิบระยับของเหลี่ยมผลึกเกลือที่นอนนิ่งเรียงรายในนาตากและกองเป็นปิรามิดอย่างสวยงาม พร้อมวิธีชีวิตของชาวนาเกลือ และผมจะบอกความลับให้เฉพาะพวกคุณรู้นะว่านาเกลือพวกนี้มันอยู่หน้าวัดนาโคก ถ้าคุณขึ้นไปดูที่ศาลาชั้นสองของวัดนาโคกคุณจะได้วิวที่สวยมาก
ผมบอกคุณแล้วนะ ไม่ลองแวะไปเที่ยวละ เดินทางจากถนนพระรามสองไม่ถึง ๕ นาที เสียเวลาเที่ยววัดไม่เกินครึ่งชั่วโมง หนีการเสียอารมณ์จากรถติดมาเที่ยววัดนาโคกแล้วคุณจะยิ้มและอารมณ์ดีได้จริงๆนะ