ช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวของเดือนตุลาคม มรสุมพายุฝนจะเข้ามาหนักหน่วง ฝนตกเกือบทุกๆวัน วันนี้ก็เช่นกัน เลือกวันหยุดแบบไม่ต้องดูพยากรณ์อากาศ ดูไปจะใจแป้วเปล่าๆ ทริปนี้มีเพลนในใจอย่างเดียวคือไปทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา รีสอร์ท ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ให้ได้ก่อนที่อื่นๆสรุปคือ ใน 1วัน เที่ยวได้
1.ทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา
2.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศ
3.วัดแก้วพิจิตร
4.น้ำตกเขาอีโต้
5.น้ำตกสาริกา
1.ทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา
สำหรับการเดินทางวันนี้เป็น one day trip เริ่มออกจากบ้านเวลา 07.00น. เดินทางตามถนนมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก เสียค่าทางด่วนด่านธัญญะ 30 บาท เดินทางมาเรื่อยๆตามเส้นทางแห่งนี้เป็นเส้นทางสีเขียวชอุ่ม ต้นไม้และทุ่งนา สีเขียวสบายตาเหมาะสำหรับขับรถแบบวิถีชาวสโลไลฟ์เป็นอย่างมาก ทริปวันนี้เริ่มจากการชมทุ่งดอกหงอนนาคก่อน เนื่องจากดอกจะบานช่วงเช้าถึงเที่ยง จากนั้นก็จะหุบและรอเวลาบานอวดความสวยงามอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นการเดินทางมาถึงที่สวนศักดิ์สุภาก็ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง มาถึงเวลา 10.00พอดี เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท มาชมดอกไม้แล้วมารู้จักดอกไม่ชนิดนี้เพิ่มกันดีกว่า ช่วงเวลาในการชมดอกไม้นี่ที่นี่ ช่วง ต.ค.-ธ.ค
ดอกหงอนนาค หรือ กล้วยไม้ดิน เป็นไม้ล้มลุก มีหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ช่วงหน้าแล้งจะแห้งเฉาหายไป แต่เมื่อได้น้ำได้ฝนก็จะแตกหน่อออกต้นออกดอกบานสะพรั่งอวดสีม่วงคราม กลีบดอกบอบบางอ่อนหวาน ชื่ออื่น ๆ : น้ำค้างกลางเที่ยง หญ้าหงอนเงือก หงอนเงือก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Murdannia giganteum (Vahl.) Br.
ชื่อวงศ์ : Commelinaceae (วงศ์ผักปลาบ)
ดอก : ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือปลายยอด ก้านดอกยาวหยักเป็นฟันปลา ดอกสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน
สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก กลีบดอก 3 กลีบ กลีบตรงกลางด้านบนจะตั้งฉากกับกลีบด้านข้างทั้ง 2 กลีบ ยามเช้าจะหุบดอก แล้วจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนล่างของดอกมักจะมีหยดน้ำค้างเกาะติดอยู่เป็นหยดใสสวยงาม
ลำต้น : สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นอวบน้ำ ใบรูปดาบ กว้าง 4.12 มม. (คือต้นสูงมาก แต่ก็ได้อารมณ์วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่นะ)
ยาว 15-40 ซม. ออกสลับรอบข้อที่ผิวดิน
สำหรับวันนี้วันพุธ คนไม่ค่อยเยอะมาก แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์คงจะมีผู้เข้าชมเยอะพอสมควร ช่วงเช้านี้แดดกำลังดี ทุกๆรูปในกระทู้นี้ ใช้กล้อง Fuji Xa2 เลนส์ kit และเลนส์ 35F1.7 ทั้งหมด
2.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศ
ออกจากสวนศักดิ์สุภาเดินทางเข้าตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 30นาทีตั้งอยู่บนถนนปราจีนอนุสรณ์ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นตึกสีเหลืองสไตล์ย้อนยุค ก็เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ ปราจีนบุรีเลยค่ะ สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2452 เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นโดยทรัพย์สินส่วนตัวในปี พ.ศ. 2452 เพื่อถวายเป็นที่ ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ทันได้เสด็จประทับพระองค์ก็เสด็จสวรรคตก่อน อย่างไรก็ตาม ที่นี่เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2455 รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ คราเสด็จมณฑลปราจีนบุรี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
สำหรับตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโร้ค (Barogue)เป็นตึกสองชั้นมีมุขด้านหน้าตรงกลางเป็นโดมผนังด้านนอก มีลายปูนปั้น ลายพฤกษาประดับ ซุ้มประตูและ หน้าต่างภายในตึกแบ่งออกเป็นหลายห้อง ห้องที่งดงามที่สุดคือห้องโถงกลางชั้นล่างซึ่งยังคง ลักษณะการตกแต่งภายในแบบเดิม อยู่ครบถ้วนตั้งแต่ลวดลายกระเบื้องปูพื้นภาพเขียนสีปูนเปียกบนเพดาน และลายปูนปั้น หัวเสา ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงประวัติเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ของใช้ประจำตัว พระฉายาลักษณ์พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาสิริโสภาพรรณวดีซึ่งทั้งสอง พระองค์เป็นหลานปู่และหลานทวดของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศรด้วย ห้องชั้นล่างซีกซ้ายของอาคารจัดเป็น"พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย อภัยภูเบศร" เช่น ตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา;รางบดยา หินฝนยา ตำรายาไทย ฯลฯ เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาการแพทย์ไทย และสนับสนุนการจัดตั้ง "มูลนิธิหมื่นชำนาญแพทย" ขึ้นหมื่นชำนาญแพทยา(พลอย แพทยานนท์)เป็นบุตรของแพทย์หลวงประจำ พระองค์ของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย เป็นอย่างมากพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย
อภัยภูเบศรเปิดบริการให้เข้าชมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2539 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็น โบราณสถาน และได้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2539 โดยจัดทำเป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร เป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษาค้นคว้า วิจัยและเผยแพร่ ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้อง กับสมุนไพรและการแพทย์ของท้องถิ่น ชั้นล่าง จัดแสดง
ประวัติตึกเจ้า พระยาอภัยภูเบศร ตำนานหมอหลวง การแพทย์แผนไทยแพทย์พื้นบ้านและ ตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์แผนไทย เช่น ตู้ยา หินฝนยา หินชนวน มีดหมอ ชั้นบน จัดแสดงสมุดข่อย หนังสือและตำรายา หินบดยา ในอดีตสมัยทวารวดี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-17.00 น.
ยาดมรักนิรันดร์ ให้คนรักดมแล้วจะรักนิรันดร์ไหมนะ
ข้างหลังของตึกจะมีสวนสมุนไพร ร่มรื่นมีต้นไม้และสมุนไพรล้วนกินได้ทุกๆอย่าง
ติดตามกระทู้เดิมได้ที่ที่ >>>>>>>สองสาวใจดีสู้เสือ ตามหาแสงเหนือรัสเซีย
กระทู้รีวิว<<<
https://ppantip.com/topic/36123436
[CR] เที่ยวปราจีนบุรี-นครนายก เส้นทางสีเขียวในวันทีฝนพร่ำ
ช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวของเดือนตุลาคม มรสุมพายุฝนจะเข้ามาหนักหน่วง ฝนตกเกือบทุกๆวัน วันนี้ก็เช่นกัน เลือกวันหยุดแบบไม่ต้องดูพยากรณ์อากาศ ดูไปจะใจแป้วเปล่าๆ ทริปนี้มีเพลนในใจอย่างเดียวคือไปทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา รีสอร์ท ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ให้ได้ก่อนที่อื่นๆสรุปคือ ใน 1วัน เที่ยวได้
1.ทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา
2.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศ
3.วัดแก้วพิจิตร
4.น้ำตกเขาอีโต้
5.น้ำตกสาริกา
1.ทุ่งดอกหงอนนาคที่ไร่ สวนศักดิ์สุภา
สำหรับการเดินทางวันนี้เป็น one day trip เริ่มออกจากบ้านเวลา 07.00น. เดินทางตามถนนมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก เสียค่าทางด่วนด่านธัญญะ 30 บาท เดินทางมาเรื่อยๆตามเส้นทางแห่งนี้เป็นเส้นทางสีเขียวชอุ่ม ต้นไม้และทุ่งนา สีเขียวสบายตาเหมาะสำหรับขับรถแบบวิถีชาวสโลไลฟ์เป็นอย่างมาก ทริปวันนี้เริ่มจากการชมทุ่งดอกหงอนนาคก่อน เนื่องจากดอกจะบานช่วงเช้าถึงเที่ยง จากนั้นก็จะหุบและรอเวลาบานอวดความสวยงามอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นการเดินทางมาถึงที่สวนศักดิ์สุภาก็ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง มาถึงเวลา 10.00พอดี เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท มาชมดอกไม้แล้วมารู้จักดอกไม่ชนิดนี้เพิ่มกันดีกว่า ช่วงเวลาในการชมดอกไม้นี่ที่นี่ ช่วง ต.ค.-ธ.ค
ดอกหงอนนาค หรือ กล้วยไม้ดิน เป็นไม้ล้มลุก มีหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ช่วงหน้าแล้งจะแห้งเฉาหายไป แต่เมื่อได้น้ำได้ฝนก็จะแตกหน่อออกต้นออกดอกบานสะพรั่งอวดสีม่วงคราม กลีบดอกบอบบางอ่อนหวาน ชื่ออื่น ๆ : น้ำค้างกลางเที่ยง หญ้าหงอนเงือก หงอนเงือก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Murdannia giganteum (Vahl.) Br.
ชื่อวงศ์ : Commelinaceae (วงศ์ผักปลาบ)
ดอก : ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือปลายยอด ก้านดอกยาวหยักเป็นฟันปลา ดอกสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน
สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก กลีบดอก 3 กลีบ กลีบตรงกลางด้านบนจะตั้งฉากกับกลีบด้านข้างทั้ง 2 กลีบ ยามเช้าจะหุบดอก แล้วจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนล่างของดอกมักจะมีหยดน้ำค้างเกาะติดอยู่เป็นหยดใสสวยงาม
ลำต้น : สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นอวบน้ำ ใบรูปดาบ กว้าง 4.12 มม. (คือต้นสูงมาก แต่ก็ได้อารมณ์วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่นะ)
ยาว 15-40 ซม. ออกสลับรอบข้อที่ผิวดิน
สำหรับวันนี้วันพุธ คนไม่ค่อยเยอะมาก แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์คงจะมีผู้เข้าชมเยอะพอสมควร ช่วงเช้านี้แดดกำลังดี ทุกๆรูปในกระทู้นี้ ใช้กล้อง Fuji Xa2 เลนส์ kit และเลนส์ 35F1.7 ทั้งหมด
2.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศ
ออกจากสวนศักดิ์สุภาเดินทางเข้าตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 30นาทีตั้งอยู่บนถนนปราจีนอนุสรณ์ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นตึกสีเหลืองสไตล์ย้อนยุค ก็เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ ปราจีนบุรีเลยค่ะ สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2452 เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นโดยทรัพย์สินส่วนตัวในปี พ.ศ. 2452 เพื่อถวายเป็นที่ ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ทันได้เสด็จประทับพระองค์ก็เสด็จสวรรคตก่อน อย่างไรก็ตาม ที่นี่เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2455 รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ คราเสด็จมณฑลปราจีนบุรี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
สำหรับตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโร้ค (Barogue)เป็นตึกสองชั้นมีมุขด้านหน้าตรงกลางเป็นโดมผนังด้านนอก มีลายปูนปั้น ลายพฤกษาประดับ ซุ้มประตูและ หน้าต่างภายในตึกแบ่งออกเป็นหลายห้อง ห้องที่งดงามที่สุดคือห้องโถงกลางชั้นล่างซึ่งยังคง ลักษณะการตกแต่งภายในแบบเดิม อยู่ครบถ้วนตั้งแต่ลวดลายกระเบื้องปูพื้นภาพเขียนสีปูนเปียกบนเพดาน และลายปูนปั้น หัวเสา ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงประวัติเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ของใช้ประจำตัว พระฉายาลักษณ์พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาสิริโสภาพรรณวดีซึ่งทั้งสอง พระองค์เป็นหลานปู่และหลานทวดของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศรด้วย ห้องชั้นล่างซีกซ้ายของอาคารจัดเป็น"พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย อภัยภูเบศร" เช่น ตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา;รางบดยา หินฝนยา ตำรายาไทย ฯลฯ เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาการแพทย์ไทย และสนับสนุนการจัดตั้ง "มูลนิธิหมื่นชำนาญแพทย" ขึ้นหมื่นชำนาญแพทยา(พลอย แพทยานนท์)เป็นบุตรของแพทย์หลวงประจำ พระองค์ของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย เป็นอย่างมากพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย
อภัยภูเบศรเปิดบริการให้เข้าชมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2539 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็น โบราณสถาน และได้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2539 โดยจัดทำเป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร เป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษาค้นคว้า วิจัยและเผยแพร่ ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้อง กับสมุนไพรและการแพทย์ของท้องถิ่น ชั้นล่าง จัดแสดง
ประวัติตึกเจ้า พระยาอภัยภูเบศร ตำนานหมอหลวง การแพทย์แผนไทยแพทย์พื้นบ้านและ ตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์แผนไทย เช่น ตู้ยา หินฝนยา หินชนวน มีดหมอ ชั้นบน จัดแสดงสมุดข่อย หนังสือและตำรายา หินบดยา ในอดีตสมัยทวารวดี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-17.00 น.
ยาดมรักนิรันดร์ ให้คนรักดมแล้วจะรักนิรันดร์ไหมนะ
ข้างหลังของตึกจะมีสวนสมุนไพร ร่มรื่นมีต้นไม้และสมุนไพรล้วนกินได้ทุกๆอย่าง
ติดตามกระทู้เดิมได้ที่ที่ >>>>>>>สองสาวใจดีสู้เสือ ตามหาแสงเหนือรัสเซีย
กระทู้รีวิว<<<https://ppantip.com/topic/36123436