♽
♽
ที่โรงจอดรถยนต์บนถนนสายที่วุ่นวาย
ของ Itabashi ทางตอนเหนือ
ของมหานครโตเกียว ในญี่ปุ่น
Miyu Kojima เพิ่งจะเสร็จสิ้นงานประจำวัน
มันเป็นคืนที่หนาวเย็นในเดือนกุมภาพันธ์
อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน
กองอยู่ที่มูมหนึ่งของที่จอดรถยนต์
ขณะที่ข้าวของเครื่องใช้คนตาย
ยังคงวางกองอยู่บนรถเข็นสีเขียว
และยังมีข้าวของคนตายบางส่วน
ยังอยู่ในกล่องกระดาษแข็ง
มีเครื่องหมายการค้าว่า
ToDo-Company
ทรัพย์สินทั้งหมดนี้เป็นของที่มาจากบ้านผู้ตาย
บ้านที่ มิยู กับเพื่อนร่วมงานของเธอ
เพิ่งจะไปทำความสะอาดบ้านคนตายมา
ข้าวของบางส่วนจะถูกนำไปรีไซเคิล/ขายต่อ
มิยู วัย 24 ปีทำงานให้กับ บริษัท ToDo
เป็นพนักงานทำความสะอาดบ้านของคนตาย
ซึ่งส่วนมากคนตายมักจะตายแบบโดดเดี่ยว
ที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า Kodokushi
♽
♽
เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นกันได้บ่อย ๆ
ในประเทศที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก
ที่ต่างพากันอาศัยอยู่ตามลำพัง
พร้อมกับมีสายสัมพันธุ์ที่เปราะบาง
มีเรื่องราวแตกแยกระหว่างครอบครัว
มิยู เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อายุน้อยที่สุด
ในบริษัทที่มีคนงานรวม 10 คน
" ฉันทำความสะอาดแฟลต อพาร์ทเมนต์
บ้านคนตายแสนโดดเดี่ยว พร้อมกับ
จัดระเบียบข้าวของที่ระลึกในบ้านด้วย "
มิยู เล่าว่า
เธอทำงานที่บริษัท ToDo มา 2 ปีแล้ว
โดยเฉลี่ยแล้วบ้านคนตายที่รับทำความสะอาด
มักจะพบศพนอนตายซากอยู่ราว 1-2 เดือน
ศพตายซากที่ยาวนานที่สุดคือ 8 เดือน
บางครั้งพวกเธอก็ทำความสะอาด
บ้านของคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล
บ้านคนที่ถูกฆ่าตาย/บ้านคนที่ฆ่าตัวตาย
หลังจากที่ศพถูกเคลื่อนย้ายออกจากบ้านแล้ว
เธอกับเพื่อนร่วมงานจะขัดถูทำความสะอาดบ้าน
จัดเก็บข้าวของ รวบรวมข้าวของที่ระลึก
ข้าวของความทรงจำส่วนตัวของผู้ตาย
มิยู ยิ้มแย้มในช่วงการให้สัมภาษณ์
เธอสวมรองเท้าผ้าใบฟอกสี
เธอเข้ามาทำงานสายงานนี้
หลังจากที่พ่อเธอตายอย่างกระทันหัน
เธอกับพ่อมีความสัมพันธ์ที่ระหองระแหง
และร้าวฉานกันมาตลอดแบบไม่ถูกกัน
" ฉันคิดว่า ฉันรู้ว่าครอบครัว
จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร
และฉันต้องการช่วยเหลือพวกเขา
ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ "
มิยู เริ่มค้นหาบริษัทที่เชี่ยวชาญงานประเภทนี้
ที่ระบุไว้ในช่องจัดหางานว่า ต้องการคนสนใจ
และแล้วเธอก็ได้เห็นโฆษณาจัดหางาน ToDo
และชอบกับคำขวัญของบริษัทที่เขียนว่า
" คำพูดที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวคนตาย "
Hirotsugu Masuda ผู้ก่อตั้งกิจการวัย 40 ปี ตอนเริ่มธุรกิจ ToDo เพราะชื่อนี้คือ
งานที่ใครบางคน
จะต้องทำ
♽
♽
โปรดพักผ่อนอย่างสงบ
มิยู เล่าว่าจะมีการประชุมทุกวันในตอนเช้า
เรื่องบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน
เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานกันได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังบ้านของผู้ตายที่ได้รับจ้าง
ทีมงานประมาณ 6 คน
ซึ่งมักจะทำงานเสร็จประมาณ 3 โมงเย็น
รายได้ราว 3,000-5,000 เหรียญสหรัฐ/คน
" ฉันทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
ฉันขับรถบรรทุกและทำความสะอาด
และพูดคุยกับครอบครัวคนตาย "
ก่อนมิยูจะเข้าบ้านของคนตาย
เธอมักจะอธิษฐานก่อนเดินเข้าไปในบ้าน
" เหตุผลที่ ฉันอธิษฐานก่อนเข้าบ้านผู้ตาย
เพราะฉันรู้ว่าคนเหล่านี้เสียชีวิตแล้ว ...
และบางคนในครอบครัวอาจจะเสียใจ
ฉันเลยสวดภาวนาให้พวกเขา
โปรดพักผ่อนอย่างสงบ "
ในการทำงานตอนแรก
มิยู พบว่าเธอทำใจลำบากมาก
สภาพพื้นที่หลังจากที่ซากศพ
ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว
มักจะมีสิ่งผิดปกติ เช่น ยังมีเศษผม
และคราบน้ำเหลืองที่ตกค้างอยู่บนพื้น
มันเป็นงานที่ต้องทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด
" แต่สิ่งที่ฉันพบว่ายากเย็นที่สุดก็คือ
การพูดคุยกับครอบครัวคนตาย
ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะถาม พูดคุยอะไรได้บ้าง "
เมื่อมีคนตายอย่างโดดเดี่ยว Kodokushi
เธอบอกว่า ความรู้สึกว่าชีวิตประจำวัน
ของผู้ตายยังคงอยู่ในบริเวณบ้าน/ที่นั่น
ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมาก
ที่จะเข้าไปทำความสะอาดบ้านคนตาย
ยิ่งบ้านที่มีคนถูกฆ่าตาย/บ้านที่มีคนฆ่าตัวตาย
เพราะเธอรู้สึกว่า บรรยากาศภายในบ้าน
คล้ายหนักอึ้ง/กดดันจิตใจทุกผู้คน
ในช่วงฤดูร้อนจะมีงานชุกมาก
เพราะศพมักจะมีกลิ่นโชยออกมา
มีแนวโน้มเจอได้ง่ายมากจากกลิ่น
ในปีที่ผ่านมา
เธอคิดว่า เธอได้ทำความสะอาด
แฟลตที่มีคนตายไปแล้ว 90 ศพ
ใน iPad ของมิยู
ได้โชว์ภาพถ่ายของงานที่พวกเธอเคยทำ
ศพที่กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม เริ่มสลายตัว
น้ำเหลืองจากศพซึมลงบนพรม
โครงกระดูกของแมวตัวหนึ่งที่ตายซาก
อ่างล้างจานที่สกปรกเต็มไปด้วยตะเกียบ
ถ้วยชามที่ใช้แล้ววางอยู่ในอ่างล้างจาน
เมื่อวันศุกร์ก่อน
พวกเธอได้พบใครบางคน
เสียชีวิตที่หน้าห้องสุขา
เพื่อแสดงความเคารพ
มิยู จึงได้วางช่อดอกไม้ไว้บนที่นั่งในห้องน้ำ
" ในระหว่างที่ฉันทำความสะอาด
ฉันมักจะคิดถึงคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่
ชีวิตพวกเขาเป็นแบบไหน ทำงานอะไร
และครอบครัวพวกเขาคิดอย่างไรกับคน ๆ นี้
คนทั่วไปมักจะสะสมสิ่งของต่าง ๆ
เช่น เหรียญ แสตมป์ คูปอง ถุงช้อปปิ้ง
ฉันพยายามค้นหาข้าวของต่าง ๆ
ที่ครอบครัวคนตายกำลังมองหาอยู่
หรือสิ่งที่สำคัญกับครอบครัวคนตายมาก
- ภาพและข้าวของที่พิเศษ "
เมื่อพวกเธอเสร็จสิ้นการทำความสะอาดแล้ว
พวกเธอจะทำพิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ด้วยการวางช่อดอกไม้ จุดธุปและอธิษฐาน
หลังจากสถานที่นี้ได้รับการทำความสะอาดแล้ว
" ถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาแล้ว
และเราทำเรื่องนี้กับบางครอบครัวในบางครั้ง "
มิยู มักจะมอบข้าวของที่ระลึกคนตาย
ให้กับครอบครัวผู้ตายถ้ายังต้องการ
แต่ถ้าครอบครัวพวกเขาไม่ต้องการ
ToDo ก็จะพาไปที่วัด
เพื่อทำพิธีกรรมก่อนเผาทิ้งไป
" ฉันรู้สึกเศร้าใจมาก
เมื่อครอบครัวผู้ตาย
ไม่ต้องการสิ่งของเหล่านั้น
เพราะเป็นสิ่งที่คนตายได้ทิ้งไว้
และเป็นของที่ระลึกความทรงจำ
ในอดีตของคนตาย "
ในความเห็นของเธอ
ความต้องการงานประเภทนี้กำลังเพิ่มขึ้น
Hideto Kone
รองประธานสมาคมการจัดการของทรงจำ Dispositionitions Memento
ได้ประมาณการว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
มีบริษัทเหล่านี้ถึง 4,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น
" ทุก ๆ ปี ผมรู้สึกว่า
ผู้คนต่างตัดขาดซึ่งกันและกัน
และผมคิดว่านี่คือ
การสูญเสียความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและกัน "
♽
♽
หนทางความสัมพันธ์ของคน
ในตอนแรกแม่มิยู
ไม่เห็นด้วยกับอาชีพนี้
แต่ต่อมาเธอก็ยอมรับอาชีพนี้
แฟนหนุ่มของเธอ
ก็แทบจะไม่เชื่อเลย/ยอมรับไม่ได้เลย
" ในตอนแรก เขาบอกกับฉันว่า
ทำไมเธอถึงทำงานแบบนี้
เธอจะต้องคำสาป และถูกผีสิง
แต่ฉันชอบงานนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด
หรือทำเรื่องไม่ดี แล้วทำไมฉันจะต้องถูกผีสิง
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจฉันแล้ว "
เธอไม่เคยพบกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในสายงานนี้
และบอกว่าผู้คนมักจะรู้สึกประหลาดใจ
ที่ได้พบเธอทำงานประเภทนี้
" ฉันคิดว่า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องอายุของฉัน
แต่มันเกี่ยวข้องกับเพศของฉัน(ที่เป็นผู้หญิง) "
ความเป็นมืออาชีพของเธอก็มีประโยชน์
มิยู จึงย้ายไปทำงานที่โตเกียว
เพราะ Hirotsugu Masuda
เจ้าของบริษัทมักจะไปทำงานร่วมกับเธอ
" สถานที่แห่งแรกที่เราเข้าไปดู
ฉันสามารถบอกได้เลยว่า มีอะไรผิดปกติ
ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปทำงานข้างใน
ฉันเห็นร่างคนจาง ๆ อยู่บนพื้น
และฉันสงสัยว่ามีคนตายอยู่ตรงที่นั่น
ฉันจึงถามนายหน้าซื้อขายให้เช่าบ้าน/แฟลต
พวกเขามักจะยิ้ม ๆ และพูดว่า
ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่แต่นอน
แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า
เอาละ ที่นี่มีคนตายแสนโดดเดี่ยว
อยู่หลาย ๆ คนในกรุงโตเกียว
และคนอื่น ๆ อีกหลายคน
ทึ่ต้องการปิดบังซ่อนเร้นเรื่องนี้ "
งานของเธอทำให้เธอเห็นความสัมพันธ์ของคน
" ฉันเห็นคนบางคนที่ไม่ค่อยสนใจพ่อแม่
หรือครอบครัวของพวกเขาเลย
(ถ้าพวกเขาตาย)
บางคนไม่ได้มองไปที่ของที่ระลึก
แต่ทันทีที่พบเห็นและเจอเงินสด
นั่นคือ สิ่งที่พวกเขาต้องการอยากจะได้... "
การตายแสนโดดเดี่ยว Kodokushi
เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบ
ต่อผู้สูงอายุเท่านั้น ตามความเห็นมิยู
" นี่คือ สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณ กับฉัน "
หนึ่งกรณีที่เธอเคยพบคือ
ผู้หญิงอายุ 20 ปี ตาย
ในอพาร์ตเมนต์ของเธอ
พร้อมกับหมาของเธอ
" หมาตายหน้าทางเข้า
และฉันได้เห็นเธอ เธอกำลังอ้าปาก
และมองขึ้นไปด้านบน เห็นได้ชัดเลยว่า
เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากใครสักคน
เจ้าของบ้านบอกฉันว่า
หมาเห่าหอนเหมือนเป็นบ้า
ฉันคิดหวังว่า
เขาคงจะได้ตระหนักดีว่า
กำลังเกิดอะไรขึ้น "
แต่จากการพูดคุยกับพ่อของผู้หญิงคนนั้น
ยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจมากที่สุด
" ฉันคิดว่า ฉันหวังว่า เขาคงรู้ดีว่า
กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของตน
เขาบอกกับฉันว่า เขาค่อนข้างเข้มงวด
กับลูกสาวของตนเองมาก เขาเป็นพ่อที่เข้มงวด
และเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ที่ ...
ฉันรู้สึกเหมือนว่า ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้
ฉันไม่สามารถทำอะไรให้กับเขาได้ ...
ฉันรู้สึกว่า ฉันหมดหนทางจริง ๆ "
ในหลาย ๆ กรณี
มิยู กล่าวว่าการเสียชีวิตตามลำพัง
มักเกิดขึ้นกับคนที่มีความสัมพันธ์
ที่ไม่ค่อยดีกับครอบครัวของคนตาย
และไม่มีใครที่จะขอความช่วยเหลือได้
สังคมยังได้ตีตราคนที่ตายตามลำพังไว้ด้วย
เธอเชื่อว่า ชาวบ้านอาจจะเห็นความจริงที่ว่า
ผู้ตายไม่มีใครอยู่รอบข้าง/ไม่มีคนคิดถึงคนตาย
Kodokushi คือ การตายตามลำพัง/โดดเดี่ยว
สำหรับเธอแล้ว อาชีพนี้ได้เผยถึง
ความสัมพันธ์ในครอบครัวมากที่สุด
" ถ้าคนจากไปแล้ว
คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
และนี่เป็นเวลาที่คุณควรจะตระหนัก
ถึงความสำคัญของคน ๆ นั้น
นี่เป็นโอกาสของคุณ ที่จะพูดคุยกัน
และมีความสัมพันธ์กับครอบครัว
และชาวบัานรอบข้างของคุณ "
รายงานเพิ่มเติมโดย Shiori Ito
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/i4EfyL
♽
♽
♽
Why Are Elderly People in Japan Lonely in Their Deaths?
| Find Out In Dying Alone - Promo
♽
สตรีผู้ทำความสะอาดบ้านคนตายที่แสนโดดเดี่ยวในญี่ปุ่น
ของ Itabashi ทางตอนเหนือ
ของมหานครโตเกียว ในญี่ปุ่น
Miyu Kojima เพิ่งจะเสร็จสิ้นงานประจำวัน
มันเป็นคืนที่หนาวเย็นในเดือนกุมภาพันธ์
อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน
กองอยู่ที่มูมหนึ่งของที่จอดรถยนต์
ขณะที่ข้าวของเครื่องใช้คนตาย
ยังคงวางกองอยู่บนรถเข็นสีเขียว
และยังมีข้าวของคนตายบางส่วน
ยังอยู่ในกล่องกระดาษแข็ง
มีเครื่องหมายการค้าว่า ToDo-Company
ทรัพย์สินทั้งหมดนี้เป็นของที่มาจากบ้านผู้ตาย
บ้านที่ มิยู กับเพื่อนร่วมงานของเธอ
เพิ่งจะไปทำความสะอาดบ้านคนตายมา
ข้าวของบางส่วนจะถูกนำไปรีไซเคิล/ขายต่อ
มิยู วัย 24 ปีทำงานให้กับ บริษัท ToDo
เป็นพนักงานทำความสะอาดบ้านของคนตาย
ซึ่งส่วนมากคนตายมักจะตายแบบโดดเดี่ยว
ที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า Kodokushi
ในประเทศที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก
ที่ต่างพากันอาศัยอยู่ตามลำพัง
พร้อมกับมีสายสัมพันธุ์ที่เปราะบาง
มีเรื่องราวแตกแยกระหว่างครอบครัว
มิยู เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อายุน้อยที่สุด
ในบริษัทที่มีคนงานรวม 10 คน
" ฉันทำความสะอาดแฟลต อพาร์ทเมนต์
บ้านคนตายแสนโดดเดี่ยว พร้อมกับ
จัดระเบียบข้าวของที่ระลึกในบ้านด้วย "
มิยู เล่าว่า
เธอทำงานที่บริษัท ToDo มา 2 ปีแล้ว
โดยเฉลี่ยแล้วบ้านคนตายที่รับทำความสะอาด
มักจะพบศพนอนตายซากอยู่ราว 1-2 เดือน
ศพตายซากที่ยาวนานที่สุดคือ 8 เดือน
บางครั้งพวกเธอก็ทำความสะอาด
บ้านของคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล
บ้านคนที่ถูกฆ่าตาย/บ้านคนที่ฆ่าตัวตาย
หลังจากที่ศพถูกเคลื่อนย้ายออกจากบ้านแล้ว
เธอกับเพื่อนร่วมงานจะขัดถูทำความสะอาดบ้าน
จัดเก็บข้าวของ รวบรวมข้าวของที่ระลึก
ข้าวของความทรงจำส่วนตัวของผู้ตาย
มิยู ยิ้มแย้มในช่วงการให้สัมภาษณ์
เธอสวมรองเท้าผ้าใบฟอกสี
เธอเข้ามาทำงานสายงานนี้
หลังจากที่พ่อเธอตายอย่างกระทันหัน
เธอกับพ่อมีความสัมพันธ์ที่ระหองระแหง
และร้าวฉานกันมาตลอดแบบไม่ถูกกัน
" ฉันคิดว่า ฉันรู้ว่าครอบครัว
จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร
และฉันต้องการช่วยเหลือพวกเขา
ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ "
มิยู เริ่มค้นหาบริษัทที่เชี่ยวชาญงานประเภทนี้
ที่ระบุไว้ในช่องจัดหางานว่า ต้องการคนสนใจ
และแล้วเธอก็ได้เห็นโฆษณาจัดหางาน ToDo
และชอบกับคำขวัญของบริษัทที่เขียนว่า
" คำพูดที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวคนตาย "
Hirotsugu Masuda ผู้ก่อตั้งกิจการวัย 40 ปี ตอนเริ่มธุรกิจ ToDo เพราะชื่อนี้คือ
งานที่ใครบางคน จะต้องทำ
มิยู เล่าว่าจะมีการประชุมทุกวันในตอนเช้า
เรื่องบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน
เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานกันได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังบ้านของผู้ตายที่ได้รับจ้าง
ทีมงานประมาณ 6 คน
ซึ่งมักจะทำงานเสร็จประมาณ 3 โมงเย็น
รายได้ราว 3,000-5,000 เหรียญสหรัฐ/คน
" ฉันทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
ฉันขับรถบรรทุกและทำความสะอาด
และพูดคุยกับครอบครัวคนตาย "
ก่อนมิยูจะเข้าบ้านของคนตาย
เธอมักจะอธิษฐานก่อนเดินเข้าไปในบ้าน
" เหตุผลที่ ฉันอธิษฐานก่อนเข้าบ้านผู้ตาย
เพราะฉันรู้ว่าคนเหล่านี้เสียชีวิตแล้ว ...
และบางคนในครอบครัวอาจจะเสียใจ
ฉันเลยสวดภาวนาให้พวกเขา
โปรดพักผ่อนอย่างสงบ "
ในการทำงานตอนแรก
มิยู พบว่าเธอทำใจลำบากมาก
สภาพพื้นที่หลังจากที่ซากศพ
ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว
มักจะมีสิ่งผิดปกติ เช่น ยังมีเศษผม
และคราบน้ำเหลืองที่ตกค้างอยู่บนพื้น
มันเป็นงานที่ต้องทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด
" แต่สิ่งที่ฉันพบว่ายากเย็นที่สุดก็คือ
การพูดคุยกับครอบครัวคนตาย
ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะถาม พูดคุยอะไรได้บ้าง "
เมื่อมีคนตายอย่างโดดเดี่ยว Kodokushi
เธอบอกว่า ความรู้สึกว่าชีวิตประจำวัน
ของผู้ตายยังคงอยู่ในบริเวณบ้าน/ที่นั่น
ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมาก
ที่จะเข้าไปทำความสะอาดบ้านคนตาย
ยิ่งบ้านที่มีคนถูกฆ่าตาย/บ้านที่มีคนฆ่าตัวตาย
เพราะเธอรู้สึกว่า บรรยากาศภายในบ้าน
คล้ายหนักอึ้ง/กดดันจิตใจทุกผู้คน
ในช่วงฤดูร้อนจะมีงานชุกมาก
เพราะศพมักจะมีกลิ่นโชยออกมา
มีแนวโน้มเจอได้ง่ายมากจากกลิ่น
ในปีที่ผ่านมา
เธอคิดว่า เธอได้ทำความสะอาด
แฟลตที่มีคนตายไปแล้ว 90 ศพ
ใน iPad ของมิยู
ได้โชว์ภาพถ่ายของงานที่พวกเธอเคยทำ
ศพที่กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม เริ่มสลายตัว
น้ำเหลืองจากศพซึมลงบนพรม
โครงกระดูกของแมวตัวหนึ่งที่ตายซาก
อ่างล้างจานที่สกปรกเต็มไปด้วยตะเกียบ
ถ้วยชามที่ใช้แล้ววางอยู่ในอ่างล้างจาน
เมื่อวันศุกร์ก่อน
พวกเธอได้พบใครบางคน
เสียชีวิตที่หน้าห้องสุขา
เพื่อแสดงความเคารพ
มิยู จึงได้วางช่อดอกไม้ไว้บนที่นั่งในห้องน้ำ
" ในระหว่างที่ฉันทำความสะอาด
ฉันมักจะคิดถึงคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่
ชีวิตพวกเขาเป็นแบบไหน ทำงานอะไร
และครอบครัวพวกเขาคิดอย่างไรกับคน ๆ นี้
คนทั่วไปมักจะสะสมสิ่งของต่าง ๆ
เช่น เหรียญ แสตมป์ คูปอง ถุงช้อปปิ้ง
ฉันพยายามค้นหาข้าวของต่าง ๆ
ที่ครอบครัวคนตายกำลังมองหาอยู่
หรือสิ่งที่สำคัญกับครอบครัวคนตายมาก
- ภาพและข้าวของที่พิเศษ "
เมื่อพวกเธอเสร็จสิ้นการทำความสะอาดแล้ว
พวกเธอจะทำพิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ด้วยการวางช่อดอกไม้ จุดธุปและอธิษฐาน
หลังจากสถานที่นี้ได้รับการทำความสะอาดแล้ว
" ถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาแล้ว
และเราทำเรื่องนี้กับบางครอบครัวในบางครั้ง "
มิยู มักจะมอบข้าวของที่ระลึกคนตาย
ให้กับครอบครัวผู้ตายถ้ายังต้องการ
แต่ถ้าครอบครัวพวกเขาไม่ต้องการ
ToDo ก็จะพาไปที่วัด
เพื่อทำพิธีกรรมก่อนเผาทิ้งไป
" ฉันรู้สึกเศร้าใจมาก
เมื่อครอบครัวผู้ตาย
ไม่ต้องการสิ่งของเหล่านั้น
เพราะเป็นสิ่งที่คนตายได้ทิ้งไว้
และเป็นของที่ระลึกความทรงจำ
ในอดีตของคนตาย "
ในความเห็นของเธอ
ความต้องการงานประเภทนี้กำลังเพิ่มขึ้น
Hideto Kone
รองประธานสมาคมการจัดการของทรงจำ Dispositionitions Memento
ได้ประมาณการว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
มีบริษัทเหล่านี้ถึง 4,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น
" ทุก ๆ ปี ผมรู้สึกว่า
ผู้คนต่างตัดขาดซึ่งกันและกัน
และผมคิดว่านี่คือ
การสูญเสียความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและกัน "
ในตอนแรกแม่มิยู
ไม่เห็นด้วยกับอาชีพนี้
แต่ต่อมาเธอก็ยอมรับอาชีพนี้
แฟนหนุ่มของเธอ
ก็แทบจะไม่เชื่อเลย/ยอมรับไม่ได้เลย
" ในตอนแรก เขาบอกกับฉันว่า
ทำไมเธอถึงทำงานแบบนี้
เธอจะต้องคำสาป และถูกผีสิง
แต่ฉันชอบงานนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด
หรือทำเรื่องไม่ดี แล้วทำไมฉันจะต้องถูกผีสิง
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจฉันแล้ว "
เธอไม่เคยพบกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในสายงานนี้
และบอกว่าผู้คนมักจะรู้สึกประหลาดใจ
ที่ได้พบเธอทำงานประเภทนี้
" ฉันคิดว่า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องอายุของฉัน
แต่มันเกี่ยวข้องกับเพศของฉัน(ที่เป็นผู้หญิง) "
ความเป็นมืออาชีพของเธอก็มีประโยชน์
มิยู จึงย้ายไปทำงานที่โตเกียว
เพราะ Hirotsugu Masuda
เจ้าของบริษัทมักจะไปทำงานร่วมกับเธอ
" สถานที่แห่งแรกที่เราเข้าไปดู
ฉันสามารถบอกได้เลยว่า มีอะไรผิดปกติ
ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปทำงานข้างใน
ฉันเห็นร่างคนจาง ๆ อยู่บนพื้น
และฉันสงสัยว่ามีคนตายอยู่ตรงที่นั่น
ฉันจึงถามนายหน้าซื้อขายให้เช่าบ้าน/แฟลต
พวกเขามักจะยิ้ม ๆ และพูดว่า
ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่แต่นอน
แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า
เอาละ ที่นี่มีคนตายแสนโดดเดี่ยว
อยู่หลาย ๆ คนในกรุงโตเกียว
และคนอื่น ๆ อีกหลายคน
ทึ่ต้องการปิดบังซ่อนเร้นเรื่องนี้ "
งานของเธอทำให้เธอเห็นความสัมพันธ์ของคน
" ฉันเห็นคนบางคนที่ไม่ค่อยสนใจพ่อแม่
หรือครอบครัวของพวกเขาเลย
(ถ้าพวกเขาตาย)
บางคนไม่ได้มองไปที่ของที่ระลึก
แต่ทันทีที่พบเห็นและเจอเงินสด
นั่นคือ สิ่งที่พวกเขาต้องการอยากจะได้... "
การตายแสนโดดเดี่ยว Kodokushi
เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบ
ต่อผู้สูงอายุเท่านั้น ตามความเห็นมิยู
" นี่คือ สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณ กับฉัน "
หนึ่งกรณีที่เธอเคยพบคือ
ผู้หญิงอายุ 20 ปี ตาย
ในอพาร์ตเมนต์ของเธอ
พร้อมกับหมาของเธอ
" หมาตายหน้าทางเข้า
และฉันได้เห็นเธอ เธอกำลังอ้าปาก
และมองขึ้นไปด้านบน เห็นได้ชัดเลยว่า
เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากใครสักคน
เจ้าของบ้านบอกฉันว่า
หมาเห่าหอนเหมือนเป็นบ้า
ฉันคิดหวังว่า
เขาคงจะได้ตระหนักดีว่า
กำลังเกิดอะไรขึ้น "
แต่จากการพูดคุยกับพ่อของผู้หญิงคนนั้น
ยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจมากที่สุด
" ฉันคิดว่า ฉันหวังว่า เขาคงรู้ดีว่า
กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของตน
เขาบอกกับฉันว่า เขาค่อนข้างเข้มงวด
กับลูกสาวของตนเองมาก เขาเป็นพ่อที่เข้มงวด
และเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ที่ ...
ฉันรู้สึกเหมือนว่า ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้
ฉันไม่สามารถทำอะไรให้กับเขาได้ ...
ฉันรู้สึกว่า ฉันหมดหนทางจริง ๆ "
ในหลาย ๆ กรณี
มิยู กล่าวว่าการเสียชีวิตตามลำพัง
มักเกิดขึ้นกับคนที่มีความสัมพันธ์
ที่ไม่ค่อยดีกับครอบครัวของคนตาย
และไม่มีใครที่จะขอความช่วยเหลือได้
สังคมยังได้ตีตราคนที่ตายตามลำพังไว้ด้วย
เธอเชื่อว่า ชาวบ้านอาจจะเห็นความจริงที่ว่า
ผู้ตายไม่มีใครอยู่รอบข้าง/ไม่มีคนคิดถึงคนตาย
Kodokushi คือ การตายตามลำพัง/โดดเดี่ยว
สำหรับเธอแล้ว อาชีพนี้ได้เผยถึง
ความสัมพันธ์ในครอบครัวมากที่สุด
" ถ้าคนจากไปแล้ว
คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
และนี่เป็นเวลาที่คุณควรจะตระหนัก
ถึงความสำคัญของคน ๆ นั้น
นี่เป็นโอกาสของคุณ ที่จะพูดคุยกัน
และมีความสัมพันธ์กับครอบครัว
และชาวบัานรอบข้างของคุณ "
รายงานเพิ่มเติมโดย Shiori Ito
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/i4EfyL