Commerce
มองว่าค้าปลีกในไทยคงไม่โดนหนักเท่าเมกาค่ะ ถามว่ามีกระทบมั้ย มีบ้างแหละค่ะ ไม่งั้นพวก commerce คงไม่ทำ online store กันหรอก แม้กระทั่งเจ้าพ่อสะดวกซื้อ CPALL ยังต้องทำเลย ลองไปเชคดู ว่าหุ้นใน sector commerce ของไทย มีพวก online store or e-commerce กันหมด แต่ยังไม่ได้มีสัดส่วนที่มากพอเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด

ถ้าถามว่าธุรกิจ commerce พวกห้าง จะเจ๊งมั้ย? เรามองว่ายังไงคนไทยก็ต้องการเดินห้าง เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต่างกัน เพราะร้อน ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากเท่าเมกา ดังนั้น การปิดสาขาแบบฮวบฮาบแบบที่เดินในเมกาหลังจากโดน Amazon ถล่ม คงไม่ถึงขั้นนั้นค่ะ

Energy
มองว่ายังไงน้ำมันก็คงไม่ไปราคา100 เหรียญเหมือนแต่ก่อน เนื่องจาก supply ตอนนี้ที่กำลัง curve กันอยู่ในกลุ่ม OPEC ยังเยอะอยู่เลย และรวมถึงมีตัว disrupt demand บางส่วนจากรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือใช้น้อยลง ... ถ้าโยงเข้าหุ้น เนื่องจากราคาหุ้นพลังงานมักไปกับน้ำมัน เรามองว่าถ้าติดตามข่าวน้ำมันอย่างใกล้ชิด สามารถเล่นเป็นแบบ cyclical ได้ แต่ถ้าไม่ได้ติดตามเลย แล้วจะลงหุ้นน้ำมัน เรามองว่าไม่ใช่ธุรกิจที่หวือหวาหรือน่าลงทุนอีกต่อไป ใครที่เคยคิดว่าน้ำมันคือขุมทรัพย์บนดิน ตอนนี้อาจจะต้องคิดใหม่

Bank
ถ้ามองในไทย แบงค์ใหญ่ๆในไทยเริ่มปิดสาขา ลดพนักงาน แล้วทำ platform mobile banking ขึ้นมากันใหญ่ การสร้าง Mobile Banking คือการโยกบริการที่ไม่ต้องไปสาขา มาไว้ในมือถือ อาจใช้ blockchain เข้ามาช่วย เรามองว่าถ้าแบงค์ไหนในไทยมัวแต่จะกินดอกเบี้ยปล่อยกู้ และไม่มี vision ด้าน digital banking น่าจะต้องคิดหนัก ถ้าให้เปรียบเทียบเป็น Time series รายได้ของธนาคารจากค่าบริการ ก็คือไม่ใช่จากดอกเบี้ย (Non-interest income) สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วน Fintech เจ้าเล็กๆน่ากลัวไหม เราคิดว่า tools เขาเข้าถึงลูกค้าและตอบโจทย์ได้มากกว่าธนาคาร แต่ธนาคารมีข้อมูลฐานลูกค้ามากกว่า ไม่แปลกใจ ที่ธนาคารพยายามสร้าง connectivity กับ Fintech พวกนี้ (ซึ่งเห็นสองแบงค์ใหญ่พยายามทำกันอยู่)

เอาแค่ sector ใหญ่ๆก่อนเนาะ ที่น่าคิดต่อคือ อะไรจะเป็นขุมทรัพย์บนดินแทนน้ำมัน?
เรามองว่ามันคือ Data ค่ะ