โดนญาติฝ่ายพ่อดูถูกและบีบคั้น

สวัสดีค่ะ


วันนี้เรามีเรื่องอยากระบายนิดหน่อย คือ ช่วงนี้เรารู้สึกอัดอั้นตันใจกับพฤติกรรมของญาติฝ่ายพ่อที่ไม่ค่อยรู้จักกับเรา คือ เรื่องมีอยู่ว่า คนนี้เป็นพี่สาวของพ่อแต่ไม่เคยมาสนใจใยดี มาเยี่ยม มาใส่ใจครอบครัวเราเลยเป็นเวลา12ปีได้แล้ว นานๆทีก็โทรมาคุยกับพ่อ และเพิ่งจะมาเยี่ยมครั้งเดียวในรอบหลายปีที่ผ่านมาก็เมื่อ2ปีที่แล้ว ขนาดพ่อก็ป่วยย้ายไปอยู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไม่ไกลจากบ้านของเขายังไม่ยอมให้ลูกชายพามาเยี่ยม อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด หาว่าแก่แล้วเดินไม่ไหวทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์ เหมือนพ่อเราที่นอนติดเตียง เดินไม่ได้ อีกอย่างตอนที่เราอยู่กับพ่อ พ่อก็มักบ่นด่าพี่สาวพ่อและครอบครัวเขาให้ฟังเสมอว่า เห็นแก่ตัว เคยช่วยอุปถัมภ์ลูกสาวลูกชาย ส่งเรียนจนได้ดิบได้ดี เรียนต่อเมืองนอก เป็นข้าราชการผู้พิพากษาอะไรแล้วพอตัวเองได้ดีก็ถีบหัวส่ง ไม่มาเหลียวแล เห็นแก่ตัวทั้งบ้าน ซึ่งเราก็ฝังใจแบบนั้นมาตลอดแต่ช่วงนั้นยังเด็กไม่ค่อยไปคลุกคลีด้วยเท่าไรกับบ้านนั้น


เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว อายุ20ปลายๆ ช่วงนึงเรามีปัญหาเรื่องเรียนปริญญาตรี ซึ่งเดิมเราเรียนเองชนแต่มีปัญหาเรื่องเรียนตอนนี้กำลังจะย้ายไป ม.เปิดของรัฐ คือ ด้วยความที่ว่าเราก็อยากหางานทำก่อน คือ เป็นงานที่ยังไม่ต้องใช้วุติ ป.ตรีแต่เป็นของหน่วยงานราชการ คือ เราโอเคที่จะทำงานนี้ ไม่เกี่ยงเงินเดือน เราก็ไปสมัครมาหลายที่ ก็มีอยู่ที่นึงเราเกือบจะได้ ด้วยความที่เราเรียนกลางๆเราก็พอใจในระดับนึง ปกติเราก็โทรคุยกับพ่ออยู่ประจำ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราก็เล่าเรื่องนี้แต่ใจตอนนั้นคือยังไม่คิดอะไรและไม่นึกว่าพ่อจะเอาไปเล่าให้พี่สาวพ่อฟัง(จะไม่ขอเรียก ป้า นะคะ เพราะเขาทำเหมือนไม่นับญาติกับเรา) คือ ผ่านไปสักหลายเดือน เมื่อ อาทิตย์ก่อนเราก็โทรไปคุยกับพี่สาวพ่อ แต่เราไม่พูดอะไรเลย คือ ปิดปากเงียบไม่พูดไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องเรา แต่อยู่ดีๆพี่สาวพ่อก็พูดอะไรออกมาเกี่ยวกับงานที่เราสมัครอยู่ คือ เราก็แบบแปลกใจว่ารู้ได้ยังไงทั้งๆที่เราไม่เคยคุยเรื่องนี้ และเรามั่นใจว่าพ่อต้องไปเล่าไปนินทาอะไรเกี่ยวกับเราแน่ๆ คงไม่ตรัสรู้เองหรอกเพราะสิ่งที่พูดมันคือตำแหน่งที่เราสมัคร แต่เราสัมผัสถึงคำพูดหลายอย่างที่เสียดแทงความรู้สึกเรา ความพยายามที่จะมาวุ่นวายกับชีวิตเรา มาคิดแทนเรา มาเผือกชีวิตเราตลอด และมันทำให้เราต้องหลุดปากพูดในสิ่งที่เราไม่คิดจะพูด แต่พอเราพูดออกไป สิ่งที่เราได้รับกลับมา คือ ความเงียบ แบบว่าทนฟังไม่ได้ ไม่อยากให้เราได้ดีแบบนั้น แล้วคำพูดอีกคำที่เจ็บแสบที่สุด คือ " ให้น้าฝากงานให้สิ" คือ เข้าใจไหมว่าแนวราชการไม่มีการฝาก คือ ต้องสอบอย่างเดียว พูดอย่างนี้คือแบบมาดูถูกเราหรอว่า ไม่มีปัญญาสอบเอา เดี๋ยวก็พูดนั่น พูดนี่ ทำไมไม่ทำนั่นทำนี่ คือ ตรูมีปัญญาหางานเองได้ ไม่ต้องให้คุณยิ้มมาเผือกตรูหรอก ฟราย แล้วที่บอกว่าให้น้าฝากก็เป็นงานแบบไม่ค่อยจะดี คือ แบบดูถูกเรากระจอกขนาดนั้นเลยหรอ กำลังใจเคยให้กันไหม ขนาดเพื่อนมันยังให้กำลังใจเลย หวังดีกับเรามากกว่ามันอีก แล้วที่ตรูย้ายที่เรียนเพราะตรูรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับตรู

ยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจและโมโหพ่อเรามาก คือ แบบรู้ก็รู้อยู่ว่าพี่สาวเป็นคนนิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัว แล้วยังจะเอาเรื่องเราไปเล่าให้ฟังอีก คือ เล่าอะไรให้พ่อฟังไม่ได้เลย คือ ไปรั่วออกทางนั้นหมด เราเข้าใจว่าด้วยความที่เราเรียนกลางๆไม่ค่อยจะมีอะไรดี และพ่อเห็นมีอะไรดีหน่อยก็ชอบไปอวดลูกตัวเองให้คนอื่นฟังแต่ไม่รู้ว่าคนนั้นปราถนาดีหรือเปล่า

คือ เรามีความฝัน ความพยายามอยู่แต่พี่สาวพ่อทำให้เราเสียความรู้สึกมาก คือ เราร้องไห้มาหลายวันแล้วค่ะ  เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเรา พ่อแม่เราดีกับลูกสาวลูกชายเขามาตลอด ไม่เคยอคติ พูดดียิ่งกว่าลูกอีก แต่ทำไมสิ่งที่เราได้รับจากพี่สาวพ่อมันตรงกันข้าม สิ่งที่ได้คือ คำพูดเสียดแทงหัวใจ ทำลายขวัญกำลังใจเรา ทำให้เราร้องไห้กินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นอาทิตย์แล้ว และพอเราหลุดปากออกไปก็เงียบ เหมือนไม่พอใจที่เราได้ดีบ้าง แถมกัดเราเจ็บๆอีก เราไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้พี่สาวพ่อมองเราติดลบ มองเราไม่มีอะไรดี  คือ อยากจะบอกว่า  เราไม่สนหรอกว่าใครจะได้ดีไม่ดี แต่ที่แน่ๆเราเรียนกลางๆแต่เราก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ไม่ใช่มาเหยียบหัวเราแบบนี้ ใครจะไปรู้ได้คนที่เรียนไม่เก่งเขาก็ได้ดิบได้ดีกันเยอะแยะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องโทษพ่อเราที่ไปเล่าเรื่องส่วนตัวของเราให้พี่สาวพ่อฟังทำไม เราไม่รู้ว่าพี่สาวพ่อมาถามพ่อเราเรื่องงานหรือเปล่า คือ อารมณ์อยากเผือก แต่ที่แน่ๆ ชีวิตมันเป็นของเราเราลิขิตชีวิตเองได้  เราดูแลชีวิตตัวเองได้ ทำไมมายุ่งกับเราแบบไม่หวังดีแล้วยังเผือกอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่