เริ่มต้นเลย คือเราเป็นเกย์ที่อยู่ในโลกสีเทาๆ ( เพื่อนๆคงเข้าใจกันนะ ) ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ ก็มีมุมมืดบ้างเล็กน้อย จนอยู่มาวันนึงเราได้มีโอกาสได้เจอผู้ชานคนนึงที่รู้จักกันในกลุ่มด้านมืดนี่แหล่ะ พอเจอแล้วเราคุยกันถูกคอ ไปด้วยกันได้ดี เลยอยากเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์
จนถึงวันนึงเราก็ตอบตกลงเป็น"แฟน"กัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างรู้มุมด้านมืดของกันและกัน และคุยกันไว้ว่า จะเลิกหมดทุกอย่าง จะทิ้งตัวตนในอดีตออกไป จะเป็นคนใหม่ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแบบเต็มตัว เรารู้สึกเต็มใจนะ ดีใจด้วยที่เราจะได้เป็นคนใหม่ ได้อยู่ในโลกที่สดใส ที่เต็มไปด้วยเพื่อน ครอบครัว คนรัก
จนเราเริ่มคบกันได้เกือบปี โดยวันเกิดเค้าเค้าแปลกไป ไม่เหมือนเดิม แต่ในกรณ๊นี้ เรายอมรับเราเองก็มีส่วนผิด โดยแต่ก่อนที่ทำงานเราอยู่ใกล้กัน เวลาเลิกงานก็เจอกัน ไปไหนด้วยกันเรียกได้ว่าตัวติดกันเกือบตลอดเวลา แต่ในเมื่อเวลาผ่านไป ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานใหม่ที่ดีขึ้น ทำให้เราต้องห่างกันมากขึ้น เวลาเจอกันก็น้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็น้อยลง มีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น
จนมาถึงวันเกิดเค้า เราเริ่มทะเลาะกันมากขึ้น มากขึ้นแล้วก็มากขึ้น ด้วยความที่เมื่อก่อนเราตัวติดกัน แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทำน้าที่ของตัวเองใหม่ แล้ววันเกิดเค้าก็เจอแต่กับเพื่อน เพื่อน แล้วก็เพื่อน ด้วยความที่เค้าเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนได้ง่าย แตกต่างจากเรา เราค่อนข้างจะกลัวการเข้าสังคม สนิทกับคนยาก แต่ถ้ารู้จักกับเราไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าเราไม่มีอะไร ค่อนข้างจะบ้าๆบอๆด้วยซ้ำ เราก็เลยค่อนข้างที่จะน้อยใจเค้า ทำให้เราไม่เข้าใจกันมากขึ้น ทะเลาะกันเกือบทุกวัน แต่เราก็พยายามปรับตัวนะ เข้าใจในเรื่องความรัก ต่างคนต่างต้องมีโลกส่วนตัวของกันและกันบ้าง มีเวลาอยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัวแต่เราก็แค่อยากให้มีเวลาให้เราบ้าง ไม่ใช่แค่อาทิตย์ละไม่กี่ชั่วโมง อยากให้เป็นเหมือนก่อน ไม่ต้องเท่าเดิมก็ได้ แต่อยากให้มันมากกว่านี้ ไม่รู้ว่าตัวเราเองหรือเปล่าที่ต้องการมากขึ้น หรือความรู้สึกเค้าลดลง
แต่!!! ความพีคมันอยู่ตรงนี้ เผอิญเราไปเล่นโน้ตบุ้คของเค้าเพื่อทำงาน เราเผอิญไปเจอด้านมืดของเค้าโดยบังเอิญ แต่เป็นภาพที่ตอนคบกับเราเรียบร้อยแล้ว เราเลยไม่เข้าใจว่า ที่เราสัญญากันไว้หล่ะ มีเราคนเดียวใช่มั้ย? ที่ซื่อสัตย์ยอมเป็นคนใหม่อยู่คนเดียว ตลอดเวลาที่คุยกันที่คบกัน เค้าโกหกเราโดตลอดใช่มั้ย? เราถามเหตุผลเค้า เค้าบอกแต่ว่า ด้วยความที่เราห่างกัน เค้าอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้น เลยเบื่อชีวิตคู่ เลยเกิดความรู้สึกคึกคะนองเลยอยากทำอะไรตื่นเต้นๆ แต่เราก็เจอภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่ที่ทำงานเก่าด้วยกัน ทั้งๆที่เราใกล้กันแท้ๆ เจอกันทุกวัน แล้วเค้าเอาเวลาที่ไหนไปทำ บอกตรงๆเราช๊อคมาก ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้ คำจากปากคนที่เราเชื่อใจมาโดยตลอด จากปากคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เราเคว้งมากเลยตอนนี้ เราเลือกที่ซื่อสัตย์กับเค้ามาโดยตลอด เลือกที่จะหยุดทุกอย่าง อยากพาตัวเองขึ้นมาอยู่ในด้านสว่าง ส่วนเค้าคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่คอยสอนเราในด้านต่างๆ คนที่คอยดูแลเราในทุกๆด้าน กลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมขึ้นมาอยู่กับเรา กลับจมอยู่แต่ในด้านมืดของตัวเอง กลับโกหกเรามาโดยตลอด
ตอนนี้เรารู้สึกแย่มาก เคว้งมาก ทำอะไรต่อไม่ถูก พยายามหาอะไรทำ ดูหนังฟังเพลงเล่นเกม แต่สิ่งนั้นกลับลอยเข้าหัวเราตลอดเวลา พยายามที่จะปล่อยวางไม่คิดอะไร ก็ทำไม่ได้ ขนาดแค่เดิน แค่หายใจ สิ่งเหล่านั้นก็แล่นอยู่แต่ในสองเรา เรารู้สึกให้อภัยเค้าไม่ได้นะแต่เราไม่อยากเสียเค้าไป ใจจึงเราไม่ยอมรับแต่มือเรากลับไขว่คว้าหาแต่เค้า เราเลยไม่รู้จะทำยังไงเลยมาระบายในนี้ เราขอบคุณทุกคนนะที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณมากจริงๆ
แค่อยากระบายความในใจของคนด้านมืดที่อยากขึ้นมาอยู่ในด้านสว่าง !!
เริ่มต้นเลย คือเราเป็นเกย์ที่อยู่ในโลกสีเทาๆ ( เพื่อนๆคงเข้าใจกันนะ ) ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ ก็มีมุมมืดบ้างเล็กน้อย จนอยู่มาวันนึงเราได้มีโอกาสได้เจอผู้ชานคนนึงที่รู้จักกันในกลุ่มด้านมืดนี่แหล่ะ พอเจอแล้วเราคุยกันถูกคอ ไปด้วยกันได้ดี เลยอยากเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์
จนถึงวันนึงเราก็ตอบตกลงเป็น"แฟน"กัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างรู้มุมด้านมืดของกันและกัน และคุยกันไว้ว่า จะเลิกหมดทุกอย่าง จะทิ้งตัวตนในอดีตออกไป จะเป็นคนใหม่ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแบบเต็มตัว เรารู้สึกเต็มใจนะ ดีใจด้วยที่เราจะได้เป็นคนใหม่ ได้อยู่ในโลกที่สดใส ที่เต็มไปด้วยเพื่อน ครอบครัว คนรัก
จนเราเริ่มคบกันได้เกือบปี โดยวันเกิดเค้าเค้าแปลกไป ไม่เหมือนเดิม แต่ในกรณ๊นี้ เรายอมรับเราเองก็มีส่วนผิด โดยแต่ก่อนที่ทำงานเราอยู่ใกล้กัน เวลาเลิกงานก็เจอกัน ไปไหนด้วยกันเรียกได้ว่าตัวติดกันเกือบตลอดเวลา แต่ในเมื่อเวลาผ่านไป ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานใหม่ที่ดีขึ้น ทำให้เราต้องห่างกันมากขึ้น เวลาเจอกันก็น้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็น้อยลง มีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น
จนมาถึงวันเกิดเค้า เราเริ่มทะเลาะกันมากขึ้น มากขึ้นแล้วก็มากขึ้น ด้วยความที่เมื่อก่อนเราตัวติดกัน แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทำน้าที่ของตัวเองใหม่ แล้ววันเกิดเค้าก็เจอแต่กับเพื่อน เพื่อน แล้วก็เพื่อน ด้วยความที่เค้าเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนได้ง่าย แตกต่างจากเรา เราค่อนข้างจะกลัวการเข้าสังคม สนิทกับคนยาก แต่ถ้ารู้จักกับเราไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าเราไม่มีอะไร ค่อนข้างจะบ้าๆบอๆด้วยซ้ำ เราก็เลยค่อนข้างที่จะน้อยใจเค้า ทำให้เราไม่เข้าใจกันมากขึ้น ทะเลาะกันเกือบทุกวัน แต่เราก็พยายามปรับตัวนะ เข้าใจในเรื่องความรัก ต่างคนต่างต้องมีโลกส่วนตัวของกันและกันบ้าง มีเวลาอยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัวแต่เราก็แค่อยากให้มีเวลาให้เราบ้าง ไม่ใช่แค่อาทิตย์ละไม่กี่ชั่วโมง อยากให้เป็นเหมือนก่อน ไม่ต้องเท่าเดิมก็ได้ แต่อยากให้มันมากกว่านี้ ไม่รู้ว่าตัวเราเองหรือเปล่าที่ต้องการมากขึ้น หรือความรู้สึกเค้าลดลง
แต่!!! ความพีคมันอยู่ตรงนี้ เผอิญเราไปเล่นโน้ตบุ้คของเค้าเพื่อทำงาน เราเผอิญไปเจอด้านมืดของเค้าโดยบังเอิญ แต่เป็นภาพที่ตอนคบกับเราเรียบร้อยแล้ว เราเลยไม่เข้าใจว่า ที่เราสัญญากันไว้หล่ะ มีเราคนเดียวใช่มั้ย? ที่ซื่อสัตย์ยอมเป็นคนใหม่อยู่คนเดียว ตลอดเวลาที่คุยกันที่คบกัน เค้าโกหกเราโดตลอดใช่มั้ย? เราถามเหตุผลเค้า เค้าบอกแต่ว่า ด้วยความที่เราห่างกัน เค้าอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้น เลยเบื่อชีวิตคู่ เลยเกิดความรู้สึกคึกคะนองเลยอยากทำอะไรตื่นเต้นๆ แต่เราก็เจอภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่ที่ทำงานเก่าด้วยกัน ทั้งๆที่เราใกล้กันแท้ๆ เจอกันทุกวัน แล้วเค้าเอาเวลาที่ไหนไปทำ บอกตรงๆเราช๊อคมาก ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้ คำจากปากคนที่เราเชื่อใจมาโดยตลอด จากปากคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เราเคว้งมากเลยตอนนี้ เราเลือกที่ซื่อสัตย์กับเค้ามาโดยตลอด เลือกที่จะหยุดทุกอย่าง อยากพาตัวเองขึ้นมาอยู่ในด้านสว่าง ส่วนเค้าคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่คอยสอนเราในด้านต่างๆ คนที่คอยดูแลเราในทุกๆด้าน กลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมขึ้นมาอยู่กับเรา กลับจมอยู่แต่ในด้านมืดของตัวเอง กลับโกหกเรามาโดยตลอด
ตอนนี้เรารู้สึกแย่มาก เคว้งมาก ทำอะไรต่อไม่ถูก พยายามหาอะไรทำ ดูหนังฟังเพลงเล่นเกม แต่สิ่งนั้นกลับลอยเข้าหัวเราตลอดเวลา พยายามที่จะปล่อยวางไม่คิดอะไร ก็ทำไม่ได้ ขนาดแค่เดิน แค่หายใจ สิ่งเหล่านั้นก็แล่นอยู่แต่ในสองเรา เรารู้สึกให้อภัยเค้าไม่ได้นะแต่เราไม่อยากเสียเค้าไป ใจจึงเราไม่ยอมรับแต่มือเรากลับไขว่คว้าหาแต่เค้า เราเลยไม่รู้จะทำยังไงเลยมาระบายในนี้ เราขอบคุณทุกคนนะที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณมากจริงๆ