จำเป็นไหมที่ต้องเลี้ยงพ่อแม่ที่ไม่เคยเลี้ยงดู กับญาติที่เคยซ้อมเราปางตาย

ขอเล่าพื้นหลังตัวเองก่อนให้เข้าใจว่าเป็นแบบไหนนะคะ
เกิดมามีพี่น้อง2คน เราเป็นน้องสาวคนเล็กสุด ตั้งแต่เกิดมาจำความได้
ก็อยู่กับย่าคือแม่ของพ่อ และปู่ซึ่ง2คนนี้เรียกว่าเลี้ยงเราแทนพ่อแม่เลยก็ว่าได้
แม่ทิ้งเราไปตั้งแต่เราอายุไม่ถึง8เดือน พ่อกับแม่เราเป็นมือพนันเลยก็ว่าได้
ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายทั้งคู่ เล่นแต่ไพ่ เข้าแต่บ่อนจนหลังๆเริ่มขายทรัพย์สินและเริ่มลำบาก
ถึงปู่ย่าเราที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดตลอด เพราะย่ารักพ่อมากช่วยทุกอย่าง
ทำให้หมดตั้งแต่เด็กๆ ส่งไปเรียกนอกอะไรแทบไม่ต้องทำงานไรเลย
ส่วนแม่เราก็มาปิ๊งพ่อในบ่อนในกรุงเทพนี่ละ คงคิดว่าพ่อเรารวยมั้ง

สุดท้ายพากันพังทั้งคู่ ตอนหย่ากัน ย่าเล่าให้ฟังว่าพ่อเกือบตรอมใจตายเพราะ
เบื่อแม่ ที่แม่งี่เง่าขี้วีน แต่แม่เราทำกับข้าวทำความสะอาดไรเก่งนะแต่ติดขี้วีนง่าย
หลังๆพ่อเราทนไม่ไหว รวมถึงเรื่องที่ติดพนันหนักทั้งคู่และ พ่อได้เจอผู้หญิงคนใหม่นั่นเอง
พอแม่ไปสืบมาจนรู้ว่า พ่อกิ้กกะผู้หญิงใหม่แน่แท้ แม่เราฟ้องหย่า
พาญาติๆ(ฝั่งแม่)มาปิดบ้าน ขมขู่ กดดันปู่กับย่าว่า ถ้าฟ้องหย่า
จะเรียกให้หมดตัว แต่ถ้าไม่งั้นก็เคลียร์ตั้งแต่ตอนนี้ ขอเงิน4แสน
4แสนที่ว่านี่คือ สมัย20ปีที่แล้วนะ คิดดูว่าเยอะขนาดไหน

แต่ด้วยความที่ย่ารักพ่อไง ยอมทุกอย่าง อยากให้เรื่องจบ
เพราพ่อทุกข์ใจมาก ย่าทนไม่ไหวเลยรีบช่วยเพื่อให้จบเรื่องเร็วที่สุด
สุดท้ายพอย่าจ่าย แม่เอาเงินตรงนี้ไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อจะไปเริ่มต้น
ชีวิตใหม่คือ เปิดร้านอาหารไทยและคาราโอเกะ สุดท้ายแม่ก็ไปจริงๆ
ทิ้งเราไว้กับย่าปู่ พ่อที่มีเมียใหม่และหนี้ก้อนโต..

เราโตขึ้นอยู่ด้วยความรักของปู่ย่าไม่เคยเจอแม่อีกเลย
เรียนหนังสือ ค่ากินอะไรทุกอย่าง ย่าเป็นคนให้
ส่วนแม่ไม่มีแม้แต่เงินส่งมาให้ ไม่เคยติดต่อโทรหา ส่วนพ่อเราก็ได้ผู้หญิงคนนั้นละเป็นเมีย
คบยาวๆ และมีลูกใหม่แยกออกไปมีครอบครัว ไม่สนใจไม่ส่งเสียอะไร
ทั้งๆที่อยู่ระแวกเดียวกัน แต่คนละบ้าน กลับไม่มีเวลาให้เรา
จริงๆเขาก็มาช่วยงานที่บ้านละ เพราะเป็นธุรกิจครอบครัวกงสี
คือย่าเป็นหัวเรือใหญ่ ส่วนพ่อก็ช่วยเหยาะๆแหยะๆ ลืมบอกว่าพ่อเป็นลูกชายคนเดียว
นั้นเลยทำให้ พ่อจะทำไรก็ไม่เคยผิด หรือผิดก็จะมีย่ากะปู่ช่วยแก้ไขปัญหาตลอด

จนเราอายุได้ประมาณ13 ได้ย้ายมาอยู่กับญาติๆฝั่งแม่ในกทม
เพื่อมาสอบเข้ารร.ดังๆ และเราก็ติดด้วยเลยทำให้ต้องย้ายมาอยู่กทม
เราร่ำลาร้องไห้แต่ก็คิดว่าเพื่ออนาคตที่ดี และเรียนแค่ม.1-ม.6 แปปเดียว
ปิดเทอมเราก็กลับไปได้ เลยตัดสินใจมาอยู่บ้านน้ากับป้าที่กทม
ช่วงแรกๆก็ดีย่าเราส่งเงินให้เราใช้ เดือนละ6000บาท คือค่ากินค่ารถ
ไม่รวมช่วยค่าน้ำค่าไฟญาติแม่ อีกเดือนละ3000บาท เราได้ใช้ไม่ครบหรอก
เพราะเขาโอนเข้าน้าเราในช่วงแรก เรายังไม่มีบัตรatm ได้ไปโรงเรียนวันละ150บาท

แรกๆก็ดูเหมือนจะดี อยู่ไปได้เรื่อยๆ จนหลังๆตัวน้าเราอยู่ดีๆท้องกับแฟนเขา
ละธุรกิจของน้าเริ่มติดลบ เขาโทษว่าเราคือตัวซวยเอาเรามาเลี้ยง
ชอบหงุดหงิดใส่เรา ทั้งๆที่เราช่วยเหลือทำให้ทุกอย่าง ไม่ได้อยู่สบายๆ
ปัดกวาดเช็ดถู ซักผ้า ยกของหน้าร้าน เราทำหมดถ้าเราว่าง
บางทีน้าทะเลาะกับแฟน ก็มาร้องไห้กับเรา เราก็สงสารนะ
แต่เวลาเขาหงุดหงิดก็จะด่าเราหยาบคาย รึเราทำไม่ได้ดั่งใจ
ก็ทุบเราแรงๆ จนมีครั้งนึงที่หนักๆคือ เขาหาว่าเรากินละไม่ล้างจาน
คือมันเป็นจานผลไม้ใบเดียว เราคิดว่าดูทีวีก่อนเดี๋ยวไปล้างก็ได้
เขาเรียกเรา เราบอกแค่ว่าแปปนึงจ้า รอหนูก่อน
เท่านั้นละ เขายกกล่องไม้ที่ตั้งโชว์เฟี้ยงเขาหน้าเราอย่างแรง
ทั้งที่เราไม่ได้เถียงหรืออะไรเลย และเขาเรียกเราแค่รอบเดียว
เราช็อคมาก เพราะมันเข้าเบ้าตากับหน้าเราเต็มๆ

โคตรเจ็บละมันชามาก เขาด่าซ้ำมาอีกว่าสมควรแล้ว
ป้าเราก็อยู่ไม่ห้ามสักคำ เราตาบวมและเส้นเลือดในตาแตก
รู้เพราะว่าน้ำตาไหลไม่หยุดลืมตาไม่ได้ เลยรีบไปคลินิก
ป้าเป็นคนพาไป พออีกวันน้าทำมาเป็นเหมือนเดิม
คือไม่มีไรเกิดขึ้นยิ้มแย้ม พาไปกินข้าว
ละบอกว่าอย่าไปบอกย่ากับพ่อนะ เดี๋ยวเขาไม่สบายใจ
ละเราจะเรียนไม่จบนี่ยุ่งเลย ตอนนั้นเราม.1
ก็เชื่อเขาอะเนอะ ไม่อยากออกนี่นา ละเราเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว

ละเรื่องมันก็มีที่เราโดนทุบไรยิบๆย่อยๆ จนประมานเราม.3-ม.4น้าเราคนนี้ก็หย่ากับแฟน
ละได้สามีใหม่ ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกัน ชีวิตเราก็เหมือนจะดีขึ้น
อยู่กับป้า2คน ป้าก็มีบ่นบ้าง ป้าในที่นี้คือพี่สาวแม่
แต่ก็ถือว่ายังรักเราบ้าง จริงๆมันมีที่น้าตีเราเรื่อยๆอีกแต่ไม่อยากพูดถึง
พูดไปละก็รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่า ในระหว่างที่ผ่านมาพ่อเราก็มีน้อง2คน
กับเมียใหม่เขา เรากลับบ้านทีไรก็เจอน้อง ช่วยเลี้ยงบ้างเวลาแม่เขาเอามาฝาก
แต่เมียใหม่พ่อไม่ชอบเราตั้งนานแล้ว เพราะเขาหาว่าเราเกาะพ่อกิน
ไม่ยอมออกมาเรียน หางานเงินเอง?? แถมเวลาเราไหว้เขาไม่เคยรับไหว้เรา
ทำเหมือนเราเป็นอากาศธาตุสะงั้น ยังดีที่ไม่สอนให้น้องๆเกลียดเรา
เรากับน้องก็เล่นด้วยกัน เราค่อนข้างรักน้องจริงๆมีไรก็แบ่งปันให้ตบอด

ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนเราม.6 แอดมิชชันเข้ามหาลัย เราติดม.ดัง2ที่
รอบแรกที่ติดคือสอบตรงผ่านย่านม.ดังแถวอโศก สอบผ่าน สัมภาษณ์ผ่าน
แต่ที่บ้านไม่มีค่าเทอมให้ เพราะช่วงหลังๆบ้านเราติดลบมาก เป็นหนี้ธนาคาร
หนี้supllier หนี้เพื่อนพ่อมากมาย เราอ้อนวอนขอที่บ้านว่าขอตังจ่ายค่าเทอมหน่อยได้ไหม
รู้ไหมพ่อเราบอกสั้นๆแค่ไม่มี ให้ทำไง ย่าเราก็เสียใจแต่เขาก็แก่แล้ว
แถมยังต้องรีบใช้หนี้ธนาคารก่อนไร เราก็เข้าใจ จนเราติดมอดังแถวบางเขน
แต่เป็นโควต้าพิเศษซึ่งแพงกว่านิดหน่อย ก็ตามเดิมที่บ้านไม่มีตังเป็นก้อนเลย
ให้จ่ายค่าเทอม ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยแยแสอะไร
แต่พ่อเรากับเมียใหม่เขาดันส่งน้องเรียนโรงเรียนเอกชนได้
เราก็เสียใจนะ แต่จะทำไงได้ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วสุดท้ายก็มาเรียนเอกชนที่นึง
เป็นเด็กทุน จนณตอนนี้ ใกล้จะจบแล้วทำงานขายของมีตังเก็บเลี้ยงตัวเองได้
ไม่ขอที่บ้าน เพราะขอไปเขาก็ไม่ให้...

คือในใจที่มาพิมพ์วันนี้ก็คืออยากระบายด้วย
แล้วก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่พ่อกับแม่เราแท้ๆเขาไม่เคยสนใจอะไรเลย
ทั้งๆที่เราไม่เคยเป็นปัญหาให้เขาตั้งใจเรียน ส่งตัวเองตั้งแต่ปี2
ไม่ขอที่บ้านสักบาท แต่เขากลับไม่เคยรักเรา หรือช่วยเหลืออะไรเลย
มีแต่ย่าที่คอยให้กำลังใจ ให้เงินค่าขนมไว้บ้าง แต่ค่าเทอมไรเราออกเองหมดนะ
มีย่าคอยช่วยเวลาขาดมือ แต่ก็รู้ว่าเขาก็ลำบากแทบตายกว่าจะเจียดให้เราได้
คนเป็นพ่อแม่แท้ๆกลับนิ่งเฉย ไม่มีเป้าหมายหรือทำอะไรเพื่อลูกบ้างเลย
ชีวิตมันไม่ง่ายเลยนะ กว่าเราจะหาเงินมาแต่ละบาท เราเห็นลูกคนอื่น พ่อแม่เขาทำทุกทาง
เพื่อต่อชีวิตให้ลูก ส่งเสียและส่งเสริมให้หมด มีแต่เราที่เหมือนเคว้งอยู่กลางมหาสมุทร
คือทั้งหมดทั้งมวลที่พิมมา อยากรู้ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่ ของคนนี่เขารักลูกตัวเองกันบ้างไหม
ทิ้งลูกไปตั้งแต่ไม่กี่เดือนในใจเขาคิดอะไรบ้าง เราร้องไห้แทบตายขอเงินจ่ายค่าเทอม
ตอนแอดติด ทำไมทำเฉยมากขนาดนั้า ทำไมเขาสนใจแต่แค่ครอบครัวตัวเอง

จริงๆมันก็มีดีเทลอีกยิบย่อยอีกหลายอย่างเช่น แม่เรากลับมาตอนเราอยู่ม.3
แต่กลับมาแบบตัวเปล่า คือตัวเปล่าจริงๆ ยายกับญาติๆฝั่งนู้นต้องช่วย
เพราะแม่หมดตัวเพราะติดการพนัน เลี้ยงผู้ชายที่อายุน้อยกว่า เอาเงินไปแจกญาติๆ
ไม่มีแม้แต่สลึงเดียวกระเด็นถึงเรา ไม่โทรหาหรือติดต่อตั้งแต่กลับมาใหม่ๆ
พอแม่กลับมาอยู่กับยาย ตอนที่เราไปเจอครั้งแรกที่บ้านยายรู้สึกแบบ
อ๋อ คนนี้หรอแม่เรา ไม่ได้ร้องไห้ไรเลย มีแต่เขาที่ร้องขอโทษขอโพย
อยากเริ่มชีวิตใหม่ ตัดสินใจผิดพลาดไปนั่นนี่ เราก็ปลอบเขาว่าไม่เป็นไร
ซึ่งปัจจุบันแม่ก็อยู่ตจว.ดูแลยายว่างๆไม่ได้ทำไร มีบ้างนานๆทีจะโทรศัพท์
คุยไลน์กัน แต่คุยส่วนใหญ่ เกือบทุกครั้งก็คือขอเงินเราใช้ ถามว่าทำไมไม่มีผัวรวยๆบ้าง
เมื่อไหร่จะเรียนจบ ทำไมไม่พาแม่ไปช็อปปิ้งไหนเลย พาแม่ไปกินอะไรดีๆบ้าง

ทั้งๆที่เราทำงานทุกอย่างสายตัวแทบขาด เครียดจนเหมือนจะบ้า
มีการบอกว่า เมื่อไหร่แม่จะได้สบาย ดูเพื่อนแม่สิลูกสาวเขาได้แฟนรวยมากนั่นนี่
คือเราก็ยังเรียนไม่จบ แต่โทรมาแต่ละทีมีแต่เรื่องกดดัน ขอเงินบ้าง ของติดจำนำบ้าง
พ่อเราก็เหมือนกัน โทรขอเงินไปหาหมออะไรแบบนี้ โทรขอเงินไปใช้หนี้
คือไม่เคยโทรมาถามเลยว่า ชีวิตเราเป็นยังไงบ้าง ไม่เคยเลยจริงๆ สบายดีไหม เรียนยังไง
เป็นไงบ้างลูก เราแค่อยากได้อะไรดีๆบ้าง สักเสี้ยวนึงก็ได้ แต่นี่กลับไม่มีเลย
ตอนที่เราลำบากแม้แต่พ่อแม่ก็พึ่งพาไม่ได้ ถามจริงๆชีวิตแบบนี้
เราต้องเลี้ยงเขาจนตายใช่ไหม เพราะคำว่าบุญคุณ บุพการีที่มันค้ำคอเราอยู่สินะ
เราอยู่นะ บางทีนึกในใจโกรธพ่อแม่ อยากตวาดโมโห นี่เราจะบาปไหม

บางทีเราก็ร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก ท้อชีวิตปัญหาทุกอย่าง
เหมือนตัวคนเดียวบนโลกนี้ มีแต่ย่าที่เข้าใจเรา
แต่ย่าก็อายุเยอะมากแล้ว หลังๆแกก็ไม่ค่อยสบายด้วยโรคกระดูก
เราอยากให้เขาอยู่นานๆเพื่อเห็นความสำเร็จเรา แต่ท่านกลับต้องทำงานหนัก
เพราะเอาเงินมาเลี้ยงพ่อเรา น้องเรา เมียใหม่พ่อ ทั้งๆที่เขาควรพักได้แล้ว
แต่พ่อกลับไม่เดือนร้อนอะไร เราขอร้องให้ย่าเลิกทำ ย่าก็บอกว่ายังไหว
แต่จะทำไปเพื่อใคร ในเมื่อเราไม่ได้ขอนานมากแล้ว คือย่าก็คงรักลูกเขามาก
ทั้งๆที่ตัวเองเจ็บขาแทบตาย ไหนจะความดันสารพัด แต่พ่อเราก็ไม่ค่อยดูแลอะไรมากนัก
เรารู้สึกท้อมาก จะผ่านช่วงนี้ไปได้อย่างไรกัน หรือต้องปล่อยเลยตามเลยใช่ไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่