[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอออกตัวก่อนว่าเป็นแฟนคลับเอสเจนะคะ
เป็นแฟนคลับแล้วได้อะไร? เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วไม่เคยคิดเลย แค่คิดว่า ก็ชอบอ่ะ! แล้วมันก็ไม่มีอะไรจะอธิบายต่อแล้ว
จนชีวิตผ่านความเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่าง ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กม.ต้น ม.ปลาย จนเข้ามหาลัย
เรียนจบ ทำงาน สิ่งหนึ่งที่คิดได้คือตอนที่ได้ดูเรื่องนี้ ตรงฉากนี้
เราเติบโตไปพร้อมๆกันกับศิลปินที่เราชอบ ก็ลองนึกดู...
จากโอปป้าผมรากไทรคอสตูมแรงๆเต้นสะบัด กลายเป็นวงลุงเต้นเบาๆ ถูกบ้างผิดบ้าง 55555
ส่วนเราจากเด็กผมติ่งที่แสดงออกทุกอย่างว่ารักโอปป้ามากกก กลายเป็นติ่งวัยทำงานที่ต้องคีพลุคมักเกิ้ลให้เนียนที่สุด
แล้วในระหว่าที่เราเติบโตไปพร้อมๆกับศิลปินที่เราชอบ หลายๆคนที่เราเห็น หลายๆคนที่เรารู้จัก
เค้าค้นพบความสามารถของตัวเอง จากการเป็นแฟนคลับ
บางคนเริ่มถ่ายรูปก็เพราะศิลปินที่ชอบ เราเห็นว่าหลายคนถ่ายรูปออกมาสวยเลยแหละอย่างกับมืออาชีพ
บางคนแต่งฟิคลงเว็บ จนพัฒนากลายเป็นนักเขียนมืออาชีพได้รายได้จากงานเขียนตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจัง
บางคนวาดแฟนอาร์ตศิลปิน พัฒนาลายเส้นตัวเองจนงานที่ทำเล่นๆกลายเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้ตัวเอง
บางคนพัฒนาทักษะทางด้านภาษาจากการแปลสัมภาษณ์ แปล SNS ศิลปินจนต่อยอดไปในการทำงานได้
แล้วก็อีกมากมายที่นึกไม่ออกว่า ถ้าไม่ได้เป็นแฟนคลับเราอาจจะทำสิ่งนั้นไม่เป็น 5555
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อีกอย่างคือนอกจากศิลปินจะให้ความบันเทิงกับเราแล้วยังเป็นกำลังใจชั้นดีของเราอีกด้วย
ไม่ว่าจะเหนื่อยจากไหน โลกมันโหดร้ายยังไง กลับบ้านมาเปิดคอมดูศิลปินที่เราชอบแล้วอย่างน้อยก็ยังยิ้มได้
เพราะการเป็นแฟนคลับทำให้เราได้ทำอะไรที่คิดว่าทำไม่ได้เป็นจริงขึ้นมาได้ อย่างเราเป็นคนที่เก็บเงินไม่เคยอยู่
มีเท่าไหร่ใช้หมด เก็บได้หลักร้อยก็หรูแล้ว กลายเป็นคนเก็บเงินได้เป็นก้อนเป็นพันๆ เพราะอยากจะซื้อบัตรคอนเสิร์ต
ให้ได้ แปลกดีเหมือนกัน
อีกอย่างที่เหมือนจะเป็นการปลงกับโลกของ K-pop คือการยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ทุกวงหรอกที่จะคงอยู่
เหมือนเดิมตลอดปีตลอดชาติ วันใดวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงมันต้องมาถึง เราเคยร้องไห้เสียใจกับการเปลี่ยนแปลง
ของศิลปินที่เรารัก แต่เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นและอยู่กับมันให้ได้
การเป็นแฟนคลับทำให้เราเข้าอกเข้าใจคนที่ชอบอะไรบางอย่างมากๆเช่นกัน ที่รู้สึกได้อย่างเด่นชัดเลยคือตอนที่
ไปรอเพื่อนที่คอนเสิร์ตชายนี่ ในตอนที่เรายืนอยู่ฝั่งธันเดอร์โดม เราเห็นแฟนบอลเมืองทองมายืนรอนักฟุตบอล
ที่เค้าชอบอยู่ฝั่งสนามเอสซีจี มายืนถือเสื้อรอลายเซ็นตั้งนานสองนาน มืดก็มืดยุงก็กัด ถ้าเราเป็นคนนอกคงมองว่า
แหมอะไรจะขนาดนี้มายืนให้ยุงกัดอยู่ได้ แต่เพราะเรามีศิลปินที่ชอบเหมือนเค้าที่มีทีมฟุตบอลที่เค้ารักเลยรู้สึกว่า
ก็เหมือนเราไปรอศิลปินที่เราชอบเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าไม่รักไม่ชอบก็คงไม่มาอดทนรอขนาดนี้
และสิ่งที่ตกผลึกได้จากการเป็นแฟนคลับมาสิบปีคือการมีความปราถนาดีให้กันและกัน
ด้วยเพราะเป็นแฟนคลับเอสเจที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับแฟนคลับเราเลยรู้สึกถึงตรงนี้ได้
แน่นอนว่าเราให้ความรัก ให้การสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ตัวศิลปินเองก็ตอบแทนเรากลับมาเช่นกัน
อย่างเอสเจ ทุกเทศกาลก็มาทวีต/อัพไอจีอวยพรทักทายเอลฟ์ไทยเป็นประจำ หรือกระทั่งเหตุการณ์ต่างๆ
ในไทยก็จะมีความเคลื่อนไหวให้รู้ว่าเค้ารู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราเลยรู้สึกว่า เอสเจเองก็มีความปราถนาดี
ต่อเราเหมือนที่เรามีให้เอสเจเหมือนกัน นอกจากเอลฟ์มีความปราถนาดีต่อเอสเจ เอสเจมีความปรารถนาดี
ต่อเอลฟ์ เอลฟ์ต่างก็มีความปราถนาดีต่อกันด้วย เห็นได้ชัดเลยตอนมีคอนเสิร์ต เวลาที่อยู่หน้าคอนเสิร์ต
จะได้ของแจกเยอะมาก บางทีก็เกรงใจ แต่คนแจกก็บอกว่าเอาไปเถอะๆอยากแจก ก็เลยรับมาปรากฏว่า
หลังจากกลับจากคอนเสิร์ตจะต้องหอบของแจกกลับบ้านเยอะแยะเลย แล้วก็อีกหลายเรื่องที่เอลฟ์ช่วยเหลือกัน
รู้สึกว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ
พอมานึกดูแล้วการเป็นแฟนคลับมาหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้จริงๆ ไอ้สิ่งที่เราคิดว่าชอบเพื่อความบันเทิง
ความสนุกสนานมันให้อะไรกับชีวิตเราหลายอย่างเหมือนกัน เพราะงั้น เราคงต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่ทำ
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะมีสาระหรือไม่มีสาระมันให้อะไรกับเราบ้าง
มีเท่านี้แหละแค่อยากจะเขียนให้คนอื่นได้อ่าน ขอบคุณคนที่อ่านจนจบนะคะ
เป็นแฟนคลับแล้วได้อะไร?
เป็นแฟนคลับแล้วได้อะไร? เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วไม่เคยคิดเลย แค่คิดว่า ก็ชอบอ่ะ! แล้วมันก็ไม่มีอะไรจะอธิบายต่อแล้ว
จนชีวิตผ่านความเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่าง ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กม.ต้น ม.ปลาย จนเข้ามหาลัย
เรียนจบ ทำงาน สิ่งหนึ่งที่คิดได้คือตอนที่ได้ดูเรื่องนี้ ตรงฉากนี้
เราเติบโตไปพร้อมๆกันกับศิลปินที่เราชอบ ก็ลองนึกดู...
จากโอปป้าผมรากไทรคอสตูมแรงๆเต้นสะบัด กลายเป็นวงลุงเต้นเบาๆ ถูกบ้างผิดบ้าง 55555
ส่วนเราจากเด็กผมติ่งที่แสดงออกทุกอย่างว่ารักโอปป้ามากกก กลายเป็นติ่งวัยทำงานที่ต้องคีพลุคมักเกิ้ลให้เนียนที่สุด
แล้วในระหว่าที่เราเติบโตไปพร้อมๆกับศิลปินที่เราชอบ หลายๆคนที่เราเห็น หลายๆคนที่เรารู้จัก
เค้าค้นพบความสามารถของตัวเอง จากการเป็นแฟนคลับ
บางคนเริ่มถ่ายรูปก็เพราะศิลปินที่ชอบ เราเห็นว่าหลายคนถ่ายรูปออกมาสวยเลยแหละอย่างกับมืออาชีพ
บางคนแต่งฟิคลงเว็บ จนพัฒนากลายเป็นนักเขียนมืออาชีพได้รายได้จากงานเขียนตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจัง
บางคนวาดแฟนอาร์ตศิลปิน พัฒนาลายเส้นตัวเองจนงานที่ทำเล่นๆกลายเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้ตัวเอง
บางคนพัฒนาทักษะทางด้านภาษาจากการแปลสัมภาษณ์ แปล SNS ศิลปินจนต่อยอดไปในการทำงานได้
แล้วก็อีกมากมายที่นึกไม่ออกว่า ถ้าไม่ได้เป็นแฟนคลับเราอาจจะทำสิ่งนั้นไม่เป็น 5555
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อีกอย่างคือนอกจากศิลปินจะให้ความบันเทิงกับเราแล้วยังเป็นกำลังใจชั้นดีของเราอีกด้วย
ไม่ว่าจะเหนื่อยจากไหน โลกมันโหดร้ายยังไง กลับบ้านมาเปิดคอมดูศิลปินที่เราชอบแล้วอย่างน้อยก็ยังยิ้มได้
เพราะการเป็นแฟนคลับทำให้เราได้ทำอะไรที่คิดว่าทำไม่ได้เป็นจริงขึ้นมาได้ อย่างเราเป็นคนที่เก็บเงินไม่เคยอยู่
มีเท่าไหร่ใช้หมด เก็บได้หลักร้อยก็หรูแล้ว กลายเป็นคนเก็บเงินได้เป็นก้อนเป็นพันๆ เพราะอยากจะซื้อบัตรคอนเสิร์ต
ให้ได้ แปลกดีเหมือนกัน
อีกอย่างที่เหมือนจะเป็นการปลงกับโลกของ K-pop คือการยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ทุกวงหรอกที่จะคงอยู่
เหมือนเดิมตลอดปีตลอดชาติ วันใดวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงมันต้องมาถึง เราเคยร้องไห้เสียใจกับการเปลี่ยนแปลง
ของศิลปินที่เรารัก แต่เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นและอยู่กับมันให้ได้
การเป็นแฟนคลับทำให้เราเข้าอกเข้าใจคนที่ชอบอะไรบางอย่างมากๆเช่นกัน ที่รู้สึกได้อย่างเด่นชัดเลยคือตอนที่
ไปรอเพื่อนที่คอนเสิร์ตชายนี่ ในตอนที่เรายืนอยู่ฝั่งธันเดอร์โดม เราเห็นแฟนบอลเมืองทองมายืนรอนักฟุตบอล
ที่เค้าชอบอยู่ฝั่งสนามเอสซีจี มายืนถือเสื้อรอลายเซ็นตั้งนานสองนาน มืดก็มืดยุงก็กัด ถ้าเราเป็นคนนอกคงมองว่า
แหมอะไรจะขนาดนี้มายืนให้ยุงกัดอยู่ได้ แต่เพราะเรามีศิลปินที่ชอบเหมือนเค้าที่มีทีมฟุตบอลที่เค้ารักเลยรู้สึกว่า
ก็เหมือนเราไปรอศิลปินที่เราชอบเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าไม่รักไม่ชอบก็คงไม่มาอดทนรอขนาดนี้
และสิ่งที่ตกผลึกได้จากการเป็นแฟนคลับมาสิบปีคือการมีความปราถนาดีให้กันและกัน
ด้วยเพราะเป็นแฟนคลับเอสเจที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับแฟนคลับเราเลยรู้สึกถึงตรงนี้ได้
แน่นอนว่าเราให้ความรัก ให้การสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ตัวศิลปินเองก็ตอบแทนเรากลับมาเช่นกัน
อย่างเอสเจ ทุกเทศกาลก็มาทวีต/อัพไอจีอวยพรทักทายเอลฟ์ไทยเป็นประจำ หรือกระทั่งเหตุการณ์ต่างๆ
ในไทยก็จะมีความเคลื่อนไหวให้รู้ว่าเค้ารู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราเลยรู้สึกว่า เอสเจเองก็มีความปราถนาดี
ต่อเราเหมือนที่เรามีให้เอสเจเหมือนกัน นอกจากเอลฟ์มีความปราถนาดีต่อเอสเจ เอสเจมีความปรารถนาดี
ต่อเอลฟ์ เอลฟ์ต่างก็มีความปราถนาดีต่อกันด้วย เห็นได้ชัดเลยตอนมีคอนเสิร์ต เวลาที่อยู่หน้าคอนเสิร์ต
จะได้ของแจกเยอะมาก บางทีก็เกรงใจ แต่คนแจกก็บอกว่าเอาไปเถอะๆอยากแจก ก็เลยรับมาปรากฏว่า
หลังจากกลับจากคอนเสิร์ตจะต้องหอบของแจกกลับบ้านเยอะแยะเลย แล้วก็อีกหลายเรื่องที่เอลฟ์ช่วยเหลือกัน
รู้สึกว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ
พอมานึกดูแล้วการเป็นแฟนคลับมาหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้จริงๆ ไอ้สิ่งที่เราคิดว่าชอบเพื่อความบันเทิง
ความสนุกสนานมันให้อะไรกับชีวิตเราหลายอย่างเหมือนกัน เพราะงั้น เราคงต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่ทำ
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะมีสาระหรือไม่มีสาระมันให้อะไรกับเราบ้าง
มีเท่านี้แหละแค่อยากจะเขียนให้คนอื่นได้อ่าน ขอบคุณคนที่อ่านจนจบนะคะ