คบกับแฟนมาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ เรียนโรงเรียนเดียวกันตอนมอต้น ก็ตามประสาเด็กทั่วไป มีไปรับไปส่ง ช่วยกันเรียน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้มาตลอดอยู่ในสายตาผู้ใหญ่จนถึงตอนจบม.ต้น เราก็เรียนคนละโรงเรียนกัน ตัวเราเองรักผช.คนนี้มากและคิดด้วยว่าเค้าก็รักเรามากเช่นกันเพราะการกระทำทุกสิ่งอย่างมันชัดเจน เค้าคอยรับฟังเราเวลามีเรื่องไม่สบายใจ ช่วยเราทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีคนคอยดูแล พอย้ายโรงเรียน ฝ่ายผช.เริ่มมีสังคมใหม่ก็มีเรื่องผญ.อื่นเข้ามา เราเองเสียใจมากเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะไม่แคร์ความรู้สึกเรา เราเองก็อดทนค่ะ เพราะรักเค้ามาก เราก็ตั้งใจเรียนของเราไปแต่ก็ช่วงนั้นเป็นคนซึมเศร้าไปเลยค่ะ จนแม่ต้องหางานอดิเรกให้ทำ ช่วงนั้นถักนิตติ้ง ถักหมวก ผ้าพันคอให้คนทั้งบ้านเลยค่ะ เพราะมันแก้ความฟุ้งซ่านได้ ก็ยังมีคุยกันทุกวันแต่เรารู้สึกว่าใจเขาไม่ได้รักเราแล้ว ตอนนั้นประมาณม.5ได้ เราเองไม่ได้อยากจะมีใครใหม่เพราะรู้สึกว่ารักเค้ามาก ยังไงก็จะรอวันที่เค้ากลับมารักเรา แล้วมันก็เป็นแบบนั้นค่ะหลังจากนั้นสักพักเค้าหันกลับมารักเรา สนใจเรามากขึ้น เราเองรู้ทั้งหมดว่าเค้าคุยกับใครบ้าง คุยอะไรกัน เพราะแอบดูเฟสบุ้ค เห็นแล้วมันเสียใจมาก ได้แต่อดทน แต่ก็รักเค้ามาก ก็เลยให้อภัยแล้วคิดว่าจะมาเริ่มต้นใหม่กัน การคบของเราคือเวลาเลิกเรียนเราจะนั่งรถเมล์ไปหาเข้าเสมอทุกวัน อยู่ที่บ้านเค้า2-3ชม. เราก็นั่งรถกลับบ้านเอง เหมือนคนหน้าด้านค่ะ เค้าไม่เคยมารับ ส่งเลย อย่างมากก็แค่ป้ายรถเมล์ เราก็เข้าใจเค้าค่ะ ไม่เคยต่อว่า จนเราจบม.ปลาย ซึ่งช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามหาลัยจะปิดนานมากถึง6เดือน เราเองบอกกับแฟนว่าเราจะทนไม่ได้แน่ๆถ้าไม่ได้เจอกันเหมือนทุกวัน เค้าเองก็คิดเเบบนั้นเลยตัดสินใจกันว่าจะไปบอกแม่ของเราว่าอยากออกมาใช้ชีวิตกันเอง ทำงาน หาเงิน เรียนเอง ซึ่งตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยทำไห้พ่อแม่ผิดหวังซึ่งการพูดครั้งนี้จะทำให้ที่บ้านผิดหวังกับเรามาก((เรามีอะไรกันแล้ว))ซึ่งทางบ้านรับไม่ได้แน่นอน
เย็นวันนั้นเราตัดสินใจบอกแม่ แม่เราอึ้งและเสียใจมาก เลยให้มาคุยกันที่บ้าน ผช.บอกว่าจะพาพ่อแม่มาคุยมาผูกข้อมือกันให้เป็นเรื่องเป็นราว วันรุ่งขึ้นทางนั้นพาแม่มา แต่เค้าก็ไม่ได้คุยกันจริงจัง ทางฝ่ายผช.ก็บอกว่าเดี้ยวไปปรึกษาที่บ้านก่อน หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ไม่มีการผูกข้อมือใดๆ แม่เราให้ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพเพื่อจะได้ทำงานช่วงปิดเทอม และได้ไกล้แฟนตามที่เราต้องการ แม่เข้าใจแต่เราทำแม่เสียใจ แม่บอกเราก่อนที่จะเดินทางวันนั้นว่า ยังไง ก็ต้องเรียนให้ได้ให้จบ ให้ตัดสินใจเองว่าอยากจะใช้ชีวิตยังไง แม่ไม่โกรทที่ทำให้ผิดหวัง แต่แค่แม่รู้สึกว่าลูกอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ก็ขอให้ไปเจอด้วยตัวเอง รับผลของการตัดสินใจของตัวเอง แล้วอดทนผ่านไปไห้ได้ ยอมรับความจริง แล้วแก้ปัญหา อย่าหนีปัญหา
นี่คือการเดินออกมาจากบ้านในขณะนั้นอายุ18
เราก็ทำงาน โดยที่ไม่เคยขอเงินแม่อีกเลย ทุกอย่างเหมือนจะดี ได้เจอแฟนทุกวัน ทำงานมีเงิน ใช้ชีวิตอิสระ จนเราก็ย้ายไปอยู่บ้านเขาอย่างเต็มตัว พ่อแม่แฟนโอเคกับเรา
จากนั้นเราก็เหมือนสามีภรรยากัน เราทำงานบ้าน ทำงานข้างนอกด้วย เขาก็คอยรับส่งคอยดูแล แต่ด้วยการที่อยู่ด้วยกันมากไปก็มีการทะเลาะที่แรงขึ้น เค้าลงไม้ลงมือ ตบต่อยเรา แต่พอสักพักเค้าง้อเราก็หายโกรท ช่วงเปิดเทอมเราเลิกทำงานเพราะต้องเรียน เลยมาทำขนมช่วงเลิกเรียนขาย เค้าก็ช่วยทำค่ะ ก็แบ่งเงินกันใช้ อยู่บ้านเค้าได้สัก1ปี ช่วงนั้นปีใหม่ เค้าไปทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่น มีคดีเลยต้องติดคุกค่ะ เราเสียใจมาก ไม่รุ้ว่าชีวิตต้องทำยังไงต่อเคว้งคว้าง เราบอกแม่เราก็ไม่ได้ เวลาเค้าถามว่าแฟนไปไหน เราก็บอกว่าไปทำงาน เราไม่ได้มีแฟนใหม่ เราอดทน ใช้ชีวิตที่ต้องสู้คนเดียว ทั้งหาเงิน และเรียนด้วย มีไปเยี่ยมที่เรือนจำบ่อยๆแล้วก็ฝากเงินให้เค้าอยู่ตลอด เราเองก็อยู่ที่บ้านแฟนค่ะ ก็ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ บางทีก็ซื้อกับข้าวมาฝากพ่อ แม่ ผช.
ช่วงนั้นก็มีคนมาคุยๆค่ะแต่ก็ไม่ได้อยากจะไปมีใครแต่มีคนนึงค่ะที่เกือบทำให้เปลี่ยนใจ เค้าอายุมากกว่า หน้าตา ฐานะดี กว่าแฟนคนเก่า เค้าดูแลเอาใจใส่เราดีมาก เราเองคุยกับเค้าจนรู้สึกว่าคนนี้เริ่มจะรัก แต่ไม่กี่เดือนแฟนจะออกมาแล้ว เราเองตัดใจแล้วเลิกคุยกับพี่คนนั้นไป แต่ก็เสียใจเหมือนกัน แต่มานั่งคิดว่าถ้าเราทิ้งเค้าไป เค้าออกมาเค้าจะเสียใจมากแค่ไหนเราเลยเลิกขาดกับพี่คนนั้นไปค่ะ
จนเค้าออกมา เค้าดีกับเราอย่างกับคนละคน แต่มันก็ไม่นานค่ะ เค้าเริ่มติดยาเสพติดจากการคบเพื่อน บางวันก็ดีบางวันก็ร้าย เริ่มเห็นแก่ตัว หลังๆเราย้ายมาเช่าห้องอยู่
เค้าไม่เคยช่วยค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอะไรเลย คือเรารับผิดชอบทั้งหมด เค้ามีงานทำ มีเงินเดือน30000กว่าๆแต่เค้าจะอ้างต้องจ่ายนุ้นนี้ไห้พ่อแม่เค้า ซึ่งเงินเดือนไม่เคยถึงวันที่5ก็ต้องเดือดร้อนเราตลอด เรารับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว ทะเลาะกันบ่อยขึ้น ลงไม้ลงมือ ตบตีเรา เขียวช้ำไปหมด ทำลายข้าวของเรา เสียใจมากๆค่ะ แต่เราใจอ่อนเค้ามาขอโทษก็หาย เพราะรักเค้ามากค่ะ จนบังตาบังความจริง เหมือนคนโง่ค่ะ ก่นที่จะมาเล่าเรื่องนี้ เราก็จับได้ว่าเค้าแชทคุยกับผญ.คนอื่นถึงขั้นนัดจะไปมีอะไรกัน เค้าขอโทษ เราเองก็ใจอ่อนตามเคย แต่มันก็เกิดการทะเลาะตบตีมาเรือยๆ อาทิตย์ละครั้งก็ว่าได้ค่ะ จนถึงจุดนี้ เราเป็นคนบอกเค้าเองว่าเลิกกันไปเถอะ อย่าบั่นทอนจิตใจกันอีกเลย เราไม่ไหวแล้ว เ ค้าเองก็ด่าเราเสียๆหายๆแล้วเก็บเสื้อผ้าออกไป
เราเองโล่งใจมากค่ะคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว เราทำกับข้าว รีดผ้า ทำงานบ้าน เงินไม่เคยขอจากเค้า ไม่เคยเป็นภาระของเค้า ไม่เที่ยวกลางคืน ตอนนี้อายุ22เองค่ะ
แต่มันจะมีคิดถึงบ้าง บางทีก็เหงา แต่ก็ไม่อยากกลับไปแล้วค่ะ จะอดทนแล้วผ่านมันไปไห้ได้ค่ะ
คบแฟนมา9ปี ตอนนี้เลิกกันเพราะทนกันไม่ไหว รับมือกับความเสียใจครั้งนี้ยังไงดี
เย็นวันนั้นเราตัดสินใจบอกแม่ แม่เราอึ้งและเสียใจมาก เลยให้มาคุยกันที่บ้าน ผช.บอกว่าจะพาพ่อแม่มาคุยมาผูกข้อมือกันให้เป็นเรื่องเป็นราว วันรุ่งขึ้นทางนั้นพาแม่มา แต่เค้าก็ไม่ได้คุยกันจริงจัง ทางฝ่ายผช.ก็บอกว่าเดี้ยวไปปรึกษาที่บ้านก่อน หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ไม่มีการผูกข้อมือใดๆ แม่เราให้ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพเพื่อจะได้ทำงานช่วงปิดเทอม และได้ไกล้แฟนตามที่เราต้องการ แม่เข้าใจแต่เราทำแม่เสียใจ แม่บอกเราก่อนที่จะเดินทางวันนั้นว่า ยังไง ก็ต้องเรียนให้ได้ให้จบ ให้ตัดสินใจเองว่าอยากจะใช้ชีวิตยังไง แม่ไม่โกรทที่ทำให้ผิดหวัง แต่แค่แม่รู้สึกว่าลูกอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ก็ขอให้ไปเจอด้วยตัวเอง รับผลของการตัดสินใจของตัวเอง แล้วอดทนผ่านไปไห้ได้ ยอมรับความจริง แล้วแก้ปัญหา อย่าหนีปัญหา
นี่คือการเดินออกมาจากบ้านในขณะนั้นอายุ18
เราก็ทำงาน โดยที่ไม่เคยขอเงินแม่อีกเลย ทุกอย่างเหมือนจะดี ได้เจอแฟนทุกวัน ทำงานมีเงิน ใช้ชีวิตอิสระ จนเราก็ย้ายไปอยู่บ้านเขาอย่างเต็มตัว พ่อแม่แฟนโอเคกับเรา
จากนั้นเราก็เหมือนสามีภรรยากัน เราทำงานบ้าน ทำงานข้างนอกด้วย เขาก็คอยรับส่งคอยดูแล แต่ด้วยการที่อยู่ด้วยกันมากไปก็มีการทะเลาะที่แรงขึ้น เค้าลงไม้ลงมือ ตบต่อยเรา แต่พอสักพักเค้าง้อเราก็หายโกรท ช่วงเปิดเทอมเราเลิกทำงานเพราะต้องเรียน เลยมาทำขนมช่วงเลิกเรียนขาย เค้าก็ช่วยทำค่ะ ก็แบ่งเงินกันใช้ อยู่บ้านเค้าได้สัก1ปี ช่วงนั้นปีใหม่ เค้าไปทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่น มีคดีเลยต้องติดคุกค่ะ เราเสียใจมาก ไม่รุ้ว่าชีวิตต้องทำยังไงต่อเคว้งคว้าง เราบอกแม่เราก็ไม่ได้ เวลาเค้าถามว่าแฟนไปไหน เราก็บอกว่าไปทำงาน เราไม่ได้มีแฟนใหม่ เราอดทน ใช้ชีวิตที่ต้องสู้คนเดียว ทั้งหาเงิน และเรียนด้วย มีไปเยี่ยมที่เรือนจำบ่อยๆแล้วก็ฝากเงินให้เค้าอยู่ตลอด เราเองก็อยู่ที่บ้านแฟนค่ะ ก็ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ บางทีก็ซื้อกับข้าวมาฝากพ่อ แม่ ผช.
ช่วงนั้นก็มีคนมาคุยๆค่ะแต่ก็ไม่ได้อยากจะไปมีใครแต่มีคนนึงค่ะที่เกือบทำให้เปลี่ยนใจ เค้าอายุมากกว่า หน้าตา ฐานะดี กว่าแฟนคนเก่า เค้าดูแลเอาใจใส่เราดีมาก เราเองคุยกับเค้าจนรู้สึกว่าคนนี้เริ่มจะรัก แต่ไม่กี่เดือนแฟนจะออกมาแล้ว เราเองตัดใจแล้วเลิกคุยกับพี่คนนั้นไป แต่ก็เสียใจเหมือนกัน แต่มานั่งคิดว่าถ้าเราทิ้งเค้าไป เค้าออกมาเค้าจะเสียใจมากแค่ไหนเราเลยเลิกขาดกับพี่คนนั้นไปค่ะ
จนเค้าออกมา เค้าดีกับเราอย่างกับคนละคน แต่มันก็ไม่นานค่ะ เค้าเริ่มติดยาเสพติดจากการคบเพื่อน บางวันก็ดีบางวันก็ร้าย เริ่มเห็นแก่ตัว หลังๆเราย้ายมาเช่าห้องอยู่
เค้าไม่เคยช่วยค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอะไรเลย คือเรารับผิดชอบทั้งหมด เค้ามีงานทำ มีเงินเดือน30000กว่าๆแต่เค้าจะอ้างต้องจ่ายนุ้นนี้ไห้พ่อแม่เค้า ซึ่งเงินเดือนไม่เคยถึงวันที่5ก็ต้องเดือดร้อนเราตลอด เรารับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว ทะเลาะกันบ่อยขึ้น ลงไม้ลงมือ ตบตีเรา เขียวช้ำไปหมด ทำลายข้าวของเรา เสียใจมากๆค่ะ แต่เราใจอ่อนเค้ามาขอโทษก็หาย เพราะรักเค้ามากค่ะ จนบังตาบังความจริง เหมือนคนโง่ค่ะ ก่นที่จะมาเล่าเรื่องนี้ เราก็จับได้ว่าเค้าแชทคุยกับผญ.คนอื่นถึงขั้นนัดจะไปมีอะไรกัน เค้าขอโทษ เราเองก็ใจอ่อนตามเคย แต่มันก็เกิดการทะเลาะตบตีมาเรือยๆ อาทิตย์ละครั้งก็ว่าได้ค่ะ จนถึงจุดนี้ เราเป็นคนบอกเค้าเองว่าเลิกกันไปเถอะ อย่าบั่นทอนจิตใจกันอีกเลย เราไม่ไหวแล้ว เ ค้าเองก็ด่าเราเสียๆหายๆแล้วเก็บเสื้อผ้าออกไป
เราเองโล่งใจมากค่ะคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว เราทำกับข้าว รีดผ้า ทำงานบ้าน เงินไม่เคยขอจากเค้า ไม่เคยเป็นภาระของเค้า ไม่เที่ยวกลางคืน ตอนนี้อายุ22เองค่ะ
แต่มันจะมีคิดถึงบ้าง บางทีก็เหงา แต่ก็ไม่อยากกลับไปแล้วค่ะ จะอดทนแล้วผ่านมันไปไห้ได้ค่ะ