หุ้นขึ้นมาเยอะ ! ซื้อ (หรือขาย) เลยดีมั้ยหรือรอก่อนดี !? - ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ของ Yield Spread และ P/BV ตลาด

ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจอยากมาเล่าให้ฟังครับ เรื่อง Yield Spread และ P/BV ตลาด
เคยมีการนำข้อมูล Yield Spread  (SET Dividend - Government Bond 10Y) มาหาความสัมพันธ์ ของ SET
พบว่าถ้า Spread สูง ราคาหุ้นจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และจะตรงกันข้ามหาก Spread ติดลบ

เนื่องจากนักลงทุนจะเปรียบเทียบ การลงทุนระหว่างในตราสารทุน และ ตราสารหนี้อยู่ตลอดเวลา
ถ้าผลตอบแทนของตราสารหนี้ สูงกว่า Dividend ในหุ้นมากๆ (spread ติดลบ) นักลงทุนก็จะไปลงทุนใน ตราสารหนี้มากขึ้น (Dividend เปรียบเสมือนกระแสเงินสดที่นักลงทุนจะได้รับจริงในหุ้น หากลงทุนในระยะยาว)

วันนี้พอมีเวลาว่าง ผมเลยทำกราฟนี้ขึ้นมาเอง เพื่อติดตามดูว่า ปัจจุบัน เรายืนอยู่จุดไหนแล้ว
Pic1 : Spread Yield
(Source : thaibma, SET)

จากกราฟ ผมได้ข้อสรุปดังนี้
1.ทิศทาง Government Bond Yield 10Y และ SET Dividend Yield จะสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
2.หาก Spread ติดลบต่อเนื่องเกิน 6 เดือน เป็นไปได้ว่า หุ้นจะมีการปรับตัวในเวลาถัดมา (Sep 10 – Jul 11, Sep 12 – Nov 15 )
3.ในปี 2008 และ 2016 ช่วงที่ Spread ขึ้นไปสูงมาก(เกิน 1) คือช่วงเวลาที่น่าลงทุนที่สุด

หากเรานำอีกตัวแปรนึงที่ผมชอบใช้เป็นประจำคือ P/BV ของตลาด เราจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
  
Pic2 : ความสัมพันธ์

นั่นคือถ้า P/BV > 2 หมายถึง มูลค่าตลาดโดยรวมมีแนวโน้มว่า แพงเกินไปแล้ว
(P/BV คือ Price-to-Book Ratio : ราคาหุ้นปัจจุบัน หารด้วย มูลค่าทางบัญชี)

ผมสรุปจากข้อมูลนี้รวมกันได้ว่า ในช่วงที่
1.Spread สูง และ P/BV ตลาดต่ำ คือช่วงเวลาที่ควรเข้าลงทุนที่สุด
2.Spread สูง และ P/BV สูง(ประมาณ 2) น่าลงทุน
3.Spread ติดลบ และ P/BV ต่ำ น่าลงทุน
4.Spread ติดลบ และ P/BV สูง หลีกเลี่ยงการลงทุนในดัชนี

ตอนนี้เราอยู่ใน ช่วงไหนครับ... ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่