เมื่อความรู้สึก มันแค่อยากจะแบกกล้อง ออกไปเดินเล่นชิวๆ ที่ไหนซักแห่ง ไม่มีงาน ไม่มี computer แต่ก็ไม่อยากจะขับรถไกล คำตอบที่ได้คือ "พระนครศรีอยุธยา" . . .
ออกเดินทางสายๆ ไปถึงอยุธยาประมาณ 11 โมงกว่า พุ่งตัวไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือคลองสระบัวเลยจร้า ไม่ได้กินนานแล้วตั้งแต่ไม่ได้ทำงานเขตนี้ ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย
มาเที่ยวครั้งนี้ กะว่าไปถึงจะปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะเมืองเก่าซะโหน่ยยยย...แต่!!! กลับกลายเป็นทริปที่เปียกชุ่มซะงั้น ฝนเทลงมาตั้งแต่ยังกินก๋วยเตี๋ยวไม่เสร็จเลย...ง๊าาาาาา
แต่แค่ฝนเอง ไม่ใช่อุปสรรคในการซ่าส์คร้า ร่มในรถพร้อมจะรออะไร ไปถ่ายรูปเล่นกันขำๆ กับสถานที่แรก "วัดมหาธาตุ"
จุดนี้เห็นใครๆ ถ่ายกันมานานแล้ว เพิ่งจะเคยมาด้วยตัวเองก็วันนี้ กับมุมนี้ ที่นักท่องเที่ยวต้องถ่ายกันแทบทุกคน
ถัดมาอีกหน่อย พระพุทธรูปองค์ใหญ่โดดเด่นสะดุดตา แต่นักท่องเที่ยวเยอะเหลือเกิน ขอแอบมาเก็บมุมแปลกๆ ซักรูปละกันนะคร้า
ฝนตกไม่หนักมาก เดินเที่ยวต่อด้านในกันค่ะ
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย
วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์เคยพังลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ปรางค์ของวัดเดิมสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดังเดิมในรัชกาลนั้น
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา แต่ก็ได้พังทลายลงมาอีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำกำลังทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ด้วยไม้สักและได้สถาปนาให้เป็นพระปรางค์ประจำชาติ
แม้ฝนจะตกหนัก แต่นักท่องเที่ยวก็มากันให้ขวักไขว่
ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย ปั่นจักรยานกันมาเป็นแถวๆ บ้าง เหมารถสามล้อกบกันมาบ้าง น่ารักดี
ภารกิจต่อไป ไปไหว้พระกันที่ . . . "วัดใหญ่ชัยมงคล"
เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท"
จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่ภายในได้มีการค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด
นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544 อีกด้วย
. . . ถ่ายรูปรอบๆ พร้อมชั่งใจอยู่นานว่าจะไต่บันไดไปด้านบนดีมั๊ย
ยืนมองความสูงของบันได ถ้าไม่ขึ้นไปจะหาว่าไปไม่ถึง สะกดจิตตัวเองได้อย่างนั้นก็ลุย!!!!
ไหนๆ ขึ้นมาถึงบนนี้ ก็ขอเก็บภาพจากมุมสูง ได้อีกมุม ดูสงบดีนะ
ชักจะเริ่มเหนื่อย หิวน้ำมากด้วย แถมยังมีอีกจุดหมายที่ต้องไปเก็บภาพ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรือ วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ อยุธยา
ที่นี่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา วัดนี้เป็นวัดต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นั่นเอง
ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์จะมีเจดีย์สำคัญ 3 องค์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกา ตั้งเรียงรายเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงาม
เจดีย์ทางด้านทิศตะวันออก สร้างโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปี พ.ศ. 2035 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระราชบิดา
เจดีย์องค์กลาง สร้างโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปี พ.ศ. 2035 เช่นกัน เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา
เจดีย์ทางด้านทิศตะวันตก สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร) เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
นอกจากเจดีย์ทั้ง 3 องค์แล้ว ภายในวัดก็ยังมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพระวิหาร หอระฆัง พระอุโบสถ ซึ่งล้วนแต่มีความเก่าแก่ สวยงามดีแท้
ค่าเข้าชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่คนละ 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท หรือจะซื้อบัตรรวมสำหรับการเข้าชมวัดต่างๆ โดยรอบอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเลยก็ได้ คนไทยคนละ 40 บาท และชาวต่างชาติ 220 บาท ส่วนเด็ก นักเรียน นักศึกษา ไม่เสียค่าเข้าชม
ตอนที่เรากำลังเดินถ่ายรูปก็มีกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษาที่นี่ บางคนก็กำลังตั้งใจฟังบรรยายของเจ้าหน้าที่ ส่วนบางคนก็กำลังแกล้งเพื่อนอยู่ น่าตีจริงๆ
เพราะอายุมากแล้ว หรือเพราะวันนี้เดินมากไปจริงๆ ก็ไม่รู้ เมื่อยฝ่าเท้าและรู้สึกหมดพลังแล้ว เป้าหมายต่อไปก่อนจะหมดวันคงต้องหาร้านอร่อยๆ เพื่อจัดเต็มมื้อเย็นซะหน่อยแล้วจร้า
สรุปแล้วที่จะมาไหว้พระเก้าวัดที่นี่ สิริรวมแล้วได้เพียง 3 วัดเท่านั้น เพราะมัวแต่เดินซะรอบ เก็บภาพในวันแสนแฉะ ก็สนุกไปอีกแบบ อย่างน้อยก็ไม่ร้อน
ไม่เหนียว แลกกับเปียกๆ ชื้นๆ หน่อย ก็ถือว่าโอเคเลย แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าน้า . . . "อยุธยา"
[CR] ว่างวันเดียวแบกกล้องเที่ยว...Phra Nakorn Sri Ayutthaya
เมื่อความรู้สึก มันแค่อยากจะแบกกล้อง ออกไปเดินเล่นชิวๆ ที่ไหนซักแห่ง ไม่มีงาน ไม่มี computer แต่ก็ไม่อยากจะขับรถไกล คำตอบที่ได้คือ "พระนครศรีอยุธยา" . . .
ออกเดินทางสายๆ ไปถึงอยุธยาประมาณ 11 โมงกว่า พุ่งตัวไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือคลองสระบัวเลยจร้า ไม่ได้กินนานแล้วตั้งแต่ไม่ได้ทำงานเขตนี้ ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย
มาเที่ยวครั้งนี้ กะว่าไปถึงจะปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะเมืองเก่าซะโหน่ยยยย...แต่!!! กลับกลายเป็นทริปที่เปียกชุ่มซะงั้น ฝนเทลงมาตั้งแต่ยังกินก๋วยเตี๋ยวไม่เสร็จเลย...ง๊าาาาาา
แต่แค่ฝนเอง ไม่ใช่อุปสรรคในการซ่าส์คร้า ร่มในรถพร้อมจะรออะไร ไปถ่ายรูปเล่นกันขำๆ กับสถานที่แรก "วัดมหาธาตุ"
จุดนี้เห็นใครๆ ถ่ายกันมานานแล้ว เพิ่งจะเคยมาด้วยตัวเองก็วันนี้ กับมุมนี้ ที่นักท่องเที่ยวต้องถ่ายกันแทบทุกคน
ถัดมาอีกหน่อย พระพุทธรูปองค์ใหญ่โดดเด่นสะดุดตา แต่นักท่องเที่ยวเยอะเหลือเกิน ขอแอบมาเก็บมุมแปลกๆ ซักรูปละกันนะคร้า
ฝนตกไม่หนักมาก เดินเที่ยวต่อด้านในกันค่ะ
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย
วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์เคยพังลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ปรางค์ของวัดเดิมสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดังเดิมในรัชกาลนั้น
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา แต่ก็ได้พังทลายลงมาอีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำกำลังทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ด้วยไม้สักและได้สถาปนาให้เป็นพระปรางค์ประจำชาติ
แม้ฝนจะตกหนัก แต่นักท่องเที่ยวก็มากันให้ขวักไขว่
ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย ปั่นจักรยานกันมาเป็นแถวๆ บ้าง เหมารถสามล้อกบกันมาบ้าง น่ารักดี
ภารกิจต่อไป ไปไหว้พระกันที่ . . . "วัดใหญ่ชัยมงคล"
เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท"
จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่ภายในได้มีการค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด
นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544 อีกด้วย
. . . ถ่ายรูปรอบๆ พร้อมชั่งใจอยู่นานว่าจะไต่บันไดไปด้านบนดีมั๊ย
ยืนมองความสูงของบันได ถ้าไม่ขึ้นไปจะหาว่าไปไม่ถึง สะกดจิตตัวเองได้อย่างนั้นก็ลุย!!!!
ไหนๆ ขึ้นมาถึงบนนี้ ก็ขอเก็บภาพจากมุมสูง ได้อีกมุม ดูสงบดีนะ
ชักจะเริ่มเหนื่อย หิวน้ำมากด้วย แถมยังมีอีกจุดหมายที่ต้องไปเก็บภาพ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรือ วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ อยุธยา
ที่นี่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา วัดนี้เป็นวัดต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นั่นเอง
ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์จะมีเจดีย์สำคัญ 3 องค์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกา ตั้งเรียงรายเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงาม
เจดีย์ทางด้านทิศตะวันออก สร้างโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปี พ.ศ. 2035 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระราชบิดา
เจดีย์องค์กลาง สร้างโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปี พ.ศ. 2035 เช่นกัน เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา
เจดีย์ทางด้านทิศตะวันตก สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร) เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
นอกจากเจดีย์ทั้ง 3 องค์แล้ว ภายในวัดก็ยังมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพระวิหาร หอระฆัง พระอุโบสถ ซึ่งล้วนแต่มีความเก่าแก่ สวยงามดีแท้
ค่าเข้าชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่คนละ 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท หรือจะซื้อบัตรรวมสำหรับการเข้าชมวัดต่างๆ โดยรอบอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเลยก็ได้ คนไทยคนละ 40 บาท และชาวต่างชาติ 220 บาท ส่วนเด็ก นักเรียน นักศึกษา ไม่เสียค่าเข้าชม
ตอนที่เรากำลังเดินถ่ายรูปก็มีกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษาที่นี่ บางคนก็กำลังตั้งใจฟังบรรยายของเจ้าหน้าที่ ส่วนบางคนก็กำลังแกล้งเพื่อนอยู่ น่าตีจริงๆ
เพราะอายุมากแล้ว หรือเพราะวันนี้เดินมากไปจริงๆ ก็ไม่รู้ เมื่อยฝ่าเท้าและรู้สึกหมดพลังแล้ว เป้าหมายต่อไปก่อนจะหมดวันคงต้องหาร้านอร่อยๆ เพื่อจัดเต็มมื้อเย็นซะหน่อยแล้วจร้า
สรุปแล้วที่จะมาไหว้พระเก้าวัดที่นี่ สิริรวมแล้วได้เพียง 3 วัดเท่านั้น เพราะมัวแต่เดินซะรอบ เก็บภาพในวันแสนแฉะ ก็สนุกไปอีกแบบ อย่างน้อยก็ไม่ร้อน
ไม่เหนียว แลกกับเปียกๆ ชื้นๆ หน่อย ก็ถือว่าโอเคเลย แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าน้า . . . "อยุธยา"