"ปรัชญา "
ความรัก )
-(อดีต ) คือกาลเวลาที่ผ่านมาจะมีบางช่วงของชีวิต มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเกิดขึ้นและผ่านไปตามช่วงอายุคน ตายวัย บางช่วงบางตอน ของชีวิตล้วนมีนัยยะสำคัญ
- มักมีบางช่วงชีวิตบ้าง ที่มีทั้งความสุขความทุกข์ปะปนกันไป ตามกาลเวลา บางช่วงชีวิตจะมีนัยยะสำคัญทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายๆกัน แบ่งออกเป็น
. อุปสงค์ อุปทาน เมื่ออุปสงค์มากกว่า อุปทานในจิตที่พึงหวัง โหยหา ปราถนา ก็จะเกิดภาพจิตนาการ พยายามหาหรือสร้างโอกาศขึ้นมา จิตนาการ มีความสุข กับสิ่งที่ทำ ล้วนมีความคาดหวัง ว่าปัจจุบันและอนาคตต้องมีโอกาศ หรือแนวโน้มในทางดีขึ้น
.และถ้าอุปทานมากกว่าอุปสงค์ จิตที่พึงหวั่งไว้ ไม่เป็นตามดั้งที่หมาย เกิดแรงลัพย์ทางความคิด ผลตามมาด้วยความผิดหวัง เกิดความผันผวนทันทีส่งผลต่อสภาพจิต มาก น้อยขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทานนั้นเอง
- ( ปัจจุบัน ) คือ Time เวลาที่กำลังเกิดขึ้น ตัวแปรและแรลลัพย์ มากระทบเกิดการอนุมาน อาจอ้างอิงจากอดีต การวิเคราะห์ แต่ก็ไม่ใช่บทสรุป ทุกอย่างตั้งอยู่บนหลักบนหลักความน่าจะเป็น สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
. ข้อดีของปัจจุบัน หากย้อนมองอดีต ที่ผ่านมาเรายังมีความทรงจำอยู่ หากวิเคราะห์ข้อบกพร่อง บนพื้นฐาน "ปรัชญา" ความน่าจะเป็นไม่ว่าจะอุปสงค์หรืออุปทาน ส่วนไหนที่ดีอยู่แล้วก็หมั่นทำให้เสมอต้นเสมอปลาย
. ส่วนที่บกพร่องคอยบั่นทอนจิต ก็หมั่นปรับปรุงแก้ไข บนพื้นฐานความน่าจะเป็น ควรรับรู้สภาวะจิตที่ไม่ปกติอยู่เสมอ อย่ามโน ฟุ้งซานกับสิ่งที่ไม่ สามารถหาตัวอย่างในอดีตมาอนุมานได้ ถ้ายังหลง จะทำให้จิตหลงไปสู่ทาง แห่งความเขลา
-(อนาคต) ไม่มีไครสามารถเดา หรือทำนายอนาคตได้ว่าจะเกิดอะไรจริงๆ ทุกอย่างเป็นการอนุมานจากสถิติเชิงตัวเลขนำมาอ้างอิง วิเคาระห์ หาค่าความน่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่บทสรุป สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
.ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนหลักความน่าจะเป็น ไม่ควรเชื่ออะไรทั้งหมด โดยที่ไม่มีมูลความจริง ไม่มีพื้นฐานที่สมเหตุสมผลมารองรับหาสาเหตุไม่ได้
.หลายอย่างที่ไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้า
อาจจะไม่เกิดซ้ำ อาจผันผวนตามกาลเวลา เมื่อมีแรงลัพย์ที่มากพอมา กระทำจะเกิดความผันผวนทันที มาก น้อย ขึ้นอยู่กับแรงลัพย์ที่มากระทำนั้นเอง "ฉันฑ์ไดย่อมฉันฑ์นั้น"
"ปรัชญา" ความน่าจะเป็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต
-(อดีต ) คือกาลเวลาที่ผ่านมาจะมีบางช่วงของชีวิต มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเกิดขึ้นและผ่านไปตามช่วงอายุคน ตายวัย บางช่วงบางตอน ของชีวิตล้วนมีนัยยะสำคัญ
- มักมีบางช่วงชีวิตบ้าง ที่มีทั้งความสุขความทุกข์ปะปนกันไป ตามกาลเวลา บางช่วงชีวิตจะมีนัยยะสำคัญทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายๆกัน แบ่งออกเป็น
. อุปสงค์ อุปทาน เมื่ออุปสงค์มากกว่า อุปทานในจิตที่พึงหวัง โหยหา ปราถนา ก็จะเกิดภาพจิตนาการ พยายามหาหรือสร้างโอกาศขึ้นมา จิตนาการ มีความสุข กับสิ่งที่ทำ ล้วนมีความคาดหวัง ว่าปัจจุบันและอนาคตต้องมีโอกาศ หรือแนวโน้มในทางดีขึ้น
.และถ้าอุปทานมากกว่าอุปสงค์ จิตที่พึงหวั่งไว้ ไม่เป็นตามดั้งที่หมาย เกิดแรงลัพย์ทางความคิด ผลตามมาด้วยความผิดหวัง เกิดความผันผวนทันทีส่งผลต่อสภาพจิต มาก น้อยขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทานนั้นเอง
- ( ปัจจุบัน ) คือ Time เวลาที่กำลังเกิดขึ้น ตัวแปรและแรลลัพย์ มากระทบเกิดการอนุมาน อาจอ้างอิงจากอดีต การวิเคราะห์ แต่ก็ไม่ใช่บทสรุป ทุกอย่างตั้งอยู่บนหลักบนหลักความน่าจะเป็น สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
. ข้อดีของปัจจุบัน หากย้อนมองอดีต ที่ผ่านมาเรายังมีความทรงจำอยู่ หากวิเคราะห์ข้อบกพร่อง บนพื้นฐาน "ปรัชญา" ความน่าจะเป็นไม่ว่าจะอุปสงค์หรืออุปทาน ส่วนไหนที่ดีอยู่แล้วก็หมั่นทำให้เสมอต้นเสมอปลาย
. ส่วนที่บกพร่องคอยบั่นทอนจิต ก็หมั่นปรับปรุงแก้ไข บนพื้นฐานความน่าจะเป็น ควรรับรู้สภาวะจิตที่ไม่ปกติอยู่เสมอ อย่ามโน ฟุ้งซานกับสิ่งที่ไม่ สามารถหาตัวอย่างในอดีตมาอนุมานได้ ถ้ายังหลง จะทำให้จิตหลงไปสู่ทาง แห่งความเขลา
-(อนาคต) ไม่มีไครสามารถเดา หรือทำนายอนาคตได้ว่าจะเกิดอะไรจริงๆ ทุกอย่างเป็นการอนุมานจากสถิติเชิงตัวเลขนำมาอ้างอิง วิเคาระห์ หาค่าความน่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่บทสรุป สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
.ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนหลักความน่าจะเป็น ไม่ควรเชื่ออะไรทั้งหมด โดยที่ไม่มีมูลความจริง ไม่มีพื้นฐานที่สมเหตุสมผลมารองรับหาสาเหตุไม่ได้
.หลายอย่างที่ไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้า อาจจะไม่เกิดซ้ำ อาจผันผวนตามกาลเวลา เมื่อมีแรงลัพย์ที่มากพอมา กระทำจะเกิดความผันผวนทันที มาก น้อย ขึ้นอยู่กับแรงลัพย์ที่มากระทำนั้นเอง "ฉันฑ์ไดย่อมฉันฑ์นั้น"