[CR] +++ลุยเดี่ยวเที่ยว Uganda-Rwanda-DR Congo “น่ากลัวจริงมั๊ย? ถ้าไม่ไปก็คงไม่รู้”+++


รีวิวคราวนี้ของเราจะรวมทั้งหมดไว้ในกระทู้เดียวกัน แต่จะแปะลิงก์ไว้ด้านล่าง (ทยอยอัพเดท) จะได้คลิกเข้าไปอ่านหัวข้อที่ต้องการได้เลย

(1)   "Permit & Visa ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้"     https://ppantip.com/topic/36953763
(2)   "จาก Bangkok สู่ Kampala ตามประสาคนงบน้อย"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment1
(3)   "ตามล่าหาน้ำตกใน Uganda (1)"      https://ppantip.com/topic/36978085/comment11
(4)   "ตามล่าหาน้ำตกใน Uganda (2)"      https://ppantip.com/topic/36978085/comment12
(5)   "Game Drive ตะลุยล่าสัตว์ด้วยกล้องถ่ายรูป (1)"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment13
(6)   "Game Drive ตะลุยล่าสัตว์ด้วยกล้องถ่ายรูป (2)"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment14
(7)   "โบกมือลา Uganda แล้วไป Rwanda กันต่อดีกว่า"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment16
(8)   "พิชิตภูเขาไฟ Nyiragongo"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment20
(9)   "Catching my dream – Visit Gorilla Family"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment24
(10)  "อากาศดีๆ ที่ Nyungwe Forest National Park"     https://ppantip.com/topic/36978085/comment26
(11)  Goodbye Rwanda     https://ppantip.com/topic/36978085/comment29

แผนที่เราวางกับเส้นทางที่เราไปจริงๆ มันต่างกันมาก แรกๆ เราจะไปแค่ Uganda กับ Rwanda แต่พอดูแผนที่ อ้าว.... Burundi เป็นประเทศเล็กๆ อยู่ทางใต้ ขอ Transit วีซ่าที่ชายแดนได้ งั้นแวะไปเที่ยวหน่อยละกัน! แล้ว Gorilla Permit คือปวดหัวมาก สรุปว่าจะให้ชัวร์ ไม่ต้องไปกับทัวร์ก็ไปที่ DR Congo ละกัน ไปๆ มาๆ ทริปนี้เลยกลายเป็น 13 วัน 4 ประเทศ! (จิ้มจุ่มทัวร์ชัดๆ)

จากรูปสีชมพูคือ Rwanda และสีม่วงคือ Burundi

วางแผนจบปุ๊บ ไม่หาข้อมูลอะไรต่อ จนอีก 10 วันจะเดินทางกลับมาเช็คดูว่า Burundi จะต้องเตรียมเอกสารอะไรเพื่อขอวีซ่าบ้าง สรุปว่า “ยกเลิกวีซ่าหน้าด่าน” จ้า!!! E-mail ไปถามสถานทูต Burundi ใน Rwanda ว่าขอวีซ่าหน้าด่านไม่ได้แล้วใช่ไหม? แล้วถ้าขอที่ Rwanda ล่ะ? คำตอบที่เจ็บปวดใจคือ ส่งเอกสารมาทาง E-mail นี้ (copy passport + photo) พร้อมกับแบบฟอร์มที่แนบมาให้ ถ้ามีจดหมายเชิญก็แนบไปด้วยกันเลยทีเดียว จากนั้นก็ใจร่มๆ รอไป 15 วัน ค่ะ! นี่อีก 10 วันเดินทาง!Burundi คือต้องพับเก็บสินะ แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่มีแพลนจะไป Burundi ลองส่งเมล์ไปสอบถาม ambabukgl1@yahoo.fr ได้เลยค่ะ

ด้วยเหตุผลด้านบนทำให้ทริปนี้เราไปทั้งหมด 3 ประเทศ โดยการเดินทางและค่าใช้จ่ายตามด้านล่างเลย เราพักโรงแรม 3 คืนทำให้ค่าใช้จ่ายเราค่อนข้างสูง ถ้านอนโรงแรมแค่ 1 คืนแล้วอีก 2 คืนนอน Dorm เหมือนที่ผ่านมา แล้วถ้าไม่เสียค่าโง่ให้กับวีซ่า Rwanda ค่าใช้จ่ายจะถูกลงอีก 5,000 บาทโดยประมาณ แต่ในวันที่กลับมาจาก Gorilla & Volcano บอกเลยว่าการพักผ่อน และซักผ้าเป็นสิ่งจำเป็นมาก วันนั้นเข้าใจถึงคำว่าขี้โคลนสาบควายอย่างแท้จริง ถ้าไม่ได้ซักผ้า ไม่ได้ล้างรองเท้า คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไปอีกนาน
*ขอเปลี่ยนรูปแก้ไขราคารถบัสจาก Kampala-Kigali นะคะ (แก้วันที่ 14/10/17)


Permit
ทวีปแอฟริกาน่าจะร่ำรวยได้จากการขาย Permit เพราะกิจกรรมหลายๆ อย่างในประเทศเหล่านี้ ที่ต้องเข้าป่าขึ้นภูดูเหมือนจะต้องควักกระเป๋าเสียตังค่า Permit ไปซะทั้งหมด สำหรับในทริปนี้ของเรานอกจาก Gorilla ที่เขียนไว้ในกระทู้ด้านบนแล้ว เรายังเสียค่า Permit สำหรับขึ้นภูเขาไฟ Nyiragongo ที่ DR Congo ด้วย สำหรับราคาค่า Permit ก็ไม่ได้น้อยหน้า Gorilla เล๊ยยยยยย ราคา USD300 เท่านั้น! แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ชื่นชอบในการ Trek หรือการตั้งแคมป์จนมีอุปกรณ์เป็นของตัวเอง ที่นี่ก็มีบริการ Gear + อาหารให้ด้วย ราคาเบ็ดเสร็จอยู่ที่ USD100 คนที่ “ไม่ชื่นชอบ” การปีนเขาเป็นชีวิตจิตใจอย่างเรา (แต่ไปปีนมันทุกทริป) ก็ต้องพึ่งพา Option เสริมจากทางอุทยาน ค่าเสียหายเฉพาะที่จ่ายให้อุทยานโดยตรงก็ USD400 โดยในส่วนนี้สามารถจองกับ Website ของ  https://visitvirunga.org  ได้เลย และจ่ายเงิน Online สะดวกสบายมาก

ที่ว่า “จ่ายโดยตรง” เพราะมันยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่าลูกหาบ USD24 ทำไมต้อง 24? ปกติเค้าไม่ค่อยจะมีทอน USD1 สุดท้ายก็เหมือนเราก็ต้องให้เค้า USD25 นั่นแหละ นอกจากนี้ยังต้องมี Tip เป็นสินน้ำใจให้กับ Ranger / พ่อครัว / ลูกหาบ อันนี้แล้วแต่ศรัทธา แต่น้อยๆ รวมๆ กันแล้วก็มี USD30 เป็นอย่างต่ำ

นอกจากนี้ต้องเสียค่าอะไรอีกบ้าง? คำตอบคือ ค่ารถที่จะไปตีนเขา ถ้าจอง online กับทางอุทยานเลย จะเสียเที่ยวละ USD28 ไปกลับก็คูณสองเข้าไป ถ้าเราเพิ่งข้ามแดนในตอนเช้าก่อน 8 โมง เราสามารถบอกให้เค้ามารับเราที่ชายแดนได้เลย แต่ถ้าเราพักที่โรงแรมก็แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าให้มารับที่โรงแรม แล้วเค้าจะนัดเวลาอีกที แต่ถ้าไปหลายๆ คน จ้าง Taxi จะถูกกว่า


สำหรับคนที่จะดูทั้ง Gorilla แล้วก็ดู Volcano เราว่าเหมือนจะมีข่าวดีในอีกไม่นาน เพราะตอนขากลับเราแวะไปที่ออฟฟิศของ Virunga เห็นเค้ากำลังเตรียมแพ็กเกจสำหรับ Volcano/Gorilla อยู่ ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน รวมค่าวีซ่า ที่พักแล้วก็อาหารแล้ว ราคา USD1,200/person (Single) และ USD1,100/person (Double) แล้วถ้าเป็น Low Season ราคาจะถูกลงไปอีกอยู่ที่ USD1,000/person (Single) และ USD900/person (Double) เห็นแล้วแอบเจ็บใจ เพราะแค่ค่า Permit สองอย่างนี้รวมกับวีซ่าก็ USD900 นี่ยังไม่รวมค่ารถมหาโหดอีก แต่พอถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่ายังไม่เริ่มใช้ เค้าแค่แพลน แต่น่าจะเปิดให้ซื้อในไม่ช้านี้ ใครมีแพลนลอง mail หรือโทรไปถามได้นะจ๊ะ เราเอารูปมาแปะไว้ เผื่อเป็น reference ไว้คุยกับเค้า (รูปนี้ถ่ายวันที่ 29 กันยายน 2017)

นอกจาก Gorilla แล้ว ถ้าใครอยากดูลิง Chimpanzee ก็ต้องซื้อ Permit เช่นกัน แต่ไม่ต้องซื้อล่วงหน้าก็ได้ เพราะมันไม่ Popular เหมือน Gorilla ส่วนจะไปดูที่ไหนดี มันมีให้ดูทั้ง 3 ประเทศ ราคาไม่หนีกันเท่าไหร่ (อันนี้แค่เอาข้อมูลมาฝาก ตัวเราเองไม่ได้ไปดู แต่เห็นฝรั่งที่มาที่นี่เกือบทุกคนต้องไปดู)
DR Congo - USD100 แต่ที่นี่มันจะมีค่ารถอีก ซึ่งแพงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
Uganda (Kibale National Park) – USD150 (Low season USD100)
Rwanda (Nyungwe National Park) – USD90

คราวนี้พอมี Permit ครบ มี Visa พร้อม เราก็แพ็คกระเป๋าเตรียมเที่ยวกันได้เลย!!!!

แพ็คกระเป๋า
ในฐานะคนขี้เกียจแบกเสื้อผ้าไปเยอะ และไม่ใช่คนที่เข้าป่าบ่อยๆ บอกเลยทริปนี้พลาดไปหลายเรื่อง สิ่งที่ต้องมีในทริปนี้คือ

Gorilla Trekking
เสื้อแขนยาว – ไม่ได้เอามากันร้อน หรือกันหนาว แต่เพราะตอนเดินเข้าไปในดงป่าเพื่อดู Gorilla ต้นไม้สองข้างทางมันเสียดสีกับตัวเราตลอดเวลา มันจะคันยุบยิบ แล้วบางทีเราก็โดนต้นไม้บาดอย่างไม่รู้ตัว

ถุงเท้ายาว – เราเอาไป แต่ดันลืมใส่ในวันนั้น เดินดู Gorilla มดที่พื้นยั้วเยี้ยมาก ไม่ใช่ตลอดทางที่มีแต่มันเป็นบางช่วง เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้เราใส่กางเกงไว้ในถุงเท้า เพื่อกันมดไม่ให้ไต่เข้าไปด้านในตัวเรา

Volcano Trekking
เสื้อกันหนาว –  ไม่ว่าจะไปฤดูไหน บนปากปล่องภูเขาไฟมันก็หนาวเสมอ ยิ่งไปฤดูฝนมันจะยิ่งหนาวกว่าฤดูอื่นๆ เพราะมันทั้งหนาวทั้งเปียก

ถุงนอน – ถ้าไม่ได้เช่า Gear กับทานอุทยาน ถุงนอนควรเป็นแบบที่อุ่นมาก (ประมาณ 0 องศา) แต่ถ้าเช่า Gear ก็สบายใจได้เพราะนอกจากถุงนอนยังมีเสื้อหนาวให้อีกสามสี่ตัว
เสื้อกันฝน  – ซื้ออย่างดีที่ใช้สำหรับ Trekking ไปเลย! ด้วยความงกของเราก็ใช้แบบทั่วๆ ไป ปรากฏว่าเราไม่อยู่ จนท ต้องเอาเสื้อกันฝนค้างคาวให้ใส่ ใส่แล้วเกะกะ ลากพื้น (เราเตี้ย) เดินสะดุดเสื้อตัวเองหน้าทิ่มก็หลายรอบ

ไฟฉายแบบคาดหัว –  จริงๆ จะเป็นแบบมือถือก็ได้ แต่ถ้าใช้แบบคาดหัวมันจะสะดวกเวลาเดินไปไหนมาไหน เพราะบนปล่องภูเขาไฟมันมืดมากตอนกลางคืน แล้วห้องน้ำคือต้องเดินทางมาจากเขา 2 สเต็ป ถ้าไม่มีไฟฉายก็อาจใช้ Torch จากมือถือแทน

ถุงเท้า & เสื้อผ้า & รองเท้าสำรอง  – ถ้าไป Trek ฤดูฝนยังไงก็เปียก แล้วด้านบนอย่างที่บอกว่ามันหนาวมาก เพราะเปียกๆ หนาวๆ คราวนี้มันยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นเราจะต้องเปลี่ยนเสื้อ เปลี่ยนถุงเท้าเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น แต่ต่อให้เปลี่ยนสองอย่างนี้แล้ว แต่ถ้ารองเท้าแฉะมันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ามีรองเท้าอีกคู่มันจะช่วยให้เราอบอุ่นขึ้นได้มาก

Cover กันฝนสำหรับกระเป๋า – จริงๆ เราว่าของทุกอย่างที่ใส่ในกระเป๋าใส่ถุงพลาสติกไว้อีกชั้นสองสั้นจะดีมาก เพราะต่อให้มี Cover กันฝน มันก็ยังซึมเข้าไปในกระเป๋าอยู่ดี แต่ถ้ามี Cover มันก็ดีกว่าไม่มี

Silica gel – เราว่าคนเล่นกล้องจริงๆ คงมีตรงนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแบบเราคือไม่ได้เล่นกล้องเป็นอาชีพ มีกล้องประดับคอ Silica gel จำเป็นมาก เพราะบนเขาอากาศชื้น ถ้ายิ่งไปหน้าฝน ตลอดทางที่เดินกระเป๋าก็เปียกก็ชื้นมากอยู่แล้ว ถ้าใส่กล้องในกระเป๋าตื่นเช้ามากล้องอาจจะเข้าสู่ภาวะนิพพานได้ (อย่างกล้องเรา) ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเอา Silica gel ไปดูความชื้นก็น่าจะดีกว่า

Gorilla Trekking & Volcano Trekking
Trekking Pole – อันนี้เราเตรียมมา (นานๆ จะเป็นคนมีความพร้อมเหมือนคนอื่น) มันจำเป็นมากสำหรับตอนปีนภูเขาไฟ เพราะตอนสุดท้ายมันชัน แล้วเราไปช่วงฤดูฝนระหว่างทางมันก็ค่อนข้างลื่น ยิ่งตอนลงมีไม้วิเศษอันนี้ช่วยให้ไถลลงมาได้มากๆ ส่วนตอนดู Gorilla มันไม่ลำบากเท่ากับภูเขาไฟ แต่ดินมันลื่น เราเห็นคนที่ไม่เอาไม้เท้าลื่นล้มก็หลายรอบ ส่วนเรามีไม้เท้าแล้วก็ยังล้มไปสองรอบ ถ้าไม่มี Trekking Pole ทำยังไง? อุทยานมีให้เช่าอันละ USD5 แต่มันเป็นแค่ไม้ไผ่ยาวๆ ไม่ใช่ Trekking Pole แบบที่เค้าขายกัน

นอกจากอุปกรณ์สำหรับการไป Trekking แล้ว ของอย่างอื่นมันก็แล้วแต่แต่ละคน คนที่ไม่เคยพกสเปรย์ฉีดกันยุงอย่างเรา ทริปนี้ก็เตรียมไปด้วย เพราะคราวก่อนที่เอธิโอเปีย บางคืนไม่ได้นอน เพราะยุงบินว่อนอยู่ข้างหู คราวนี้เลยต้องพร้อมรบกับยุงเต็มที่!!! แต่ทั้งนี้ตอนไปดู Gorilla กับ Volcano ก็เลี่ยงที่จะฉีดสเปรย์กันยุงเพราะมันจะทำลายระบบนิเวศ (อันนี้คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้)

กล้องถ่ายรูป – คราวนี้ก็เตรียมไปเหมือนทุกครั้งคือ Canon 750D กับเลนส์อีก 2 ตัว (จำไม่ได้ว่าเลนส์อะไรบ้าง ตอนนี้อยู่พม่า ไว้กลับไทยไปจะไปดูแล้วมาอัพเดท) กับกล้องมือถือ Samsung Note 5 แต่กล้อง DSLR เราสิ้นชีพหลังจากลงจาก Volcano แล้ว ดังนั้นรูปตั้งแต่ Gorilla เป็นต้นไปถ่ายด้วยมือถือทั้งหมด มันก็จะสั่นๆ บ้าง เบลอๆ บ้างก็ขออภัยมา ณ ที่นี้

ถึงตรงนี้ตั๋วก็มี Permit ก็พร้อม Visa ก็ผ่าน ของก็จัดเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกไปตามล่าหาความฝันเราได้แล้ว!!!

ติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/ladylonelyplanet
ชื่อสินค้า:   Gorilla Trekking
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่