ตลอดระยะเวลา 70 ปี บนแผ่นดินไทยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ซึ่งเป็นช่วงที่มีการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน
ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านที่ทรงสร้างคุณูปการให้แก่ปวงชนชาวไทยอย่างมากมายมหาศาล
ด้วยพระราชกรณียชกิจที่ทรงปฏิบัติมาตลอดในฐานะ “พ่อหลวงของชนชาวไทย”
เกิดเป็นโครงการในพระราชดำริถึง 4,000 กว่าโครงการ
นอกจากนี้ประชาชนชาวไทยยังได้ประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพหลากหลายด้าน
ทั้งด้านดนตรี จิตรกรรม การถ่ายภาพ การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร กีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต เป็นแนวทางทั้งในด้านหลักคิด การฝึกฝนปฏิบัติ
รวมถึงความมุ่งมั่นพากเพียรแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯ ขอน้อมนำเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย
ผู้ทรงเป็นดั่งต้นแบบในการใช้ชีวิต และศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ
โดยได้รวบรวมเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงเป็นแบบอย่างให้กับปวงชนชาวไทยในสายอาชีพต่างๆ
อาชีพเกษตรกร
“เมืองไทยต้องพึ่งเกษตรกรเป็นสำคัญ เพราะว่าเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ประเทศหนึ่งประเทศใดจะอยู่ได้ก็เพราะว่ามีกสิกรรม
การประกอบอาชีพ ในด้านผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติ
ทั้งในด้านที่จะเป็นการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกผลไม้ หรือทำมาหากินในด้านปศุสัตว์หรือประมง”
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการทำเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก
จากการเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย
ทำให้พระองค์ทรงพบว่า การทำการเกษตรในไทยนั้นมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเพราะการขาดความรู้ความเข้าใจในการทำการเกษตร ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ไม่เอื้ออำนวย
หรือสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง
เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหาต่างๆ พระองค์จึงทรงศึกษาเรื่องการเกษตรอย่างจริงจัง
สำรวจพื้นที่ชนบทต่างๆ รวมทั้งมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการขึ้นมากมาย
เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพระราชดำริเรื่อง “เกษตรทฤษฎีใหม่”
แนวทางที่ช่วยให้เกษตรกรบริหารที่ดินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด
โครงการ “ฝนหลวง” ที่ช่วยเหลือในเรื่องของการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
ตลอดจนการทำเกษตรกรรม หรือ “โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา”
ที่อยู่ในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น
โดยทรงใช้เป็นที่ค้นคว้า วิจัย และทดลองทำการเกษตรในรูปแบบต่างๆ
เพื่อที่พระองค์จะทรงเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำการเกษตรด้วยพระองค์เองได้ครบทุกด้าน
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อเกษตรกร ไม่ได้มีเพียงด้านกสิกรรมเท่านั้น
หากแต่ยังพระราชทานโครงการและแนวพระราชดำริต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปศุสัตว์ เช่น โครงการธนาคารโคนม และด้านการประมง เช่น การพระราชทานพันธุ์ปลานิล เป็นต้น
ซึ่งพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือเกษตรกรนั้นมีอยู่ล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้
อาชีพนักประดิษฐ์
อย่างที่ทราบกันดีว่าพระอัจฉริยภาพหลายด้านของพระองค์นั้นมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
รวมถึงพระอัจฉริยภาพด้านการประดิษฐ์ก็เช่นกัน
นอกเหนือจากพระปรีชาสามารถด้านการคิดและริเริ่มในแบบที่นักประดิษฐ์ทั่วไปควรมี
พระปรีชาสามารถอีกอย่างหนึ่งของพระองค์คือการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์
หรืองานช่างที่ทรงศึกษามาปรับใช้กับสิ่งที่มีในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี วัตถุดิบ
หรือแม้กระทั่งแรงงานการผลิตมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากพระปรีชาของพระองค์ท่านที่คนไทยและคนทั่วโลกรู้จักกันดีก็คือ
เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ที่ช่วยแก้ปัญหาน้ำเสีย
นอกจากนี้พระปรีชาในด้านประดิษฐ์ของพระองค์ท่านที่เป็นที่ประจักษ์ก็คือการประดิษฐ์เรือใบสากล
โดยเรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกพระราชทานนามว่า ราชประแตน
สิ่งประดิษฐ์ทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหลายสิ่งประดิษฐ์
ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งพระราชหฤทัยทำในสิ่งที่พระองค์ชื่นชอบ
ไม่ใช่เพียงแค่ทำเพื่อให้รู้สึกว่าได้ทำ แต่ทรงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าพระองค์มีความเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้นยังทรงนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาปรับใช้กับการดูแลพสกนิกรและการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดีด้วย
อาชีพนักวิทยาศาสตร์
จุดเริ่มต้นความสนพระราชหฤทัยในด้านวิทยาศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ฉายแววพระอัจฉริยภาพตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ แต่ถึงจะมีความสนพระราชหฤทัยเพียงไร
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะกษัตริย์ย่อมมาก่อน
หลังขึ้นครองราชย์จึงเปลี่ยนพระราชหฤทัยด้านการศึกษาจากที่จะศึกษาต่อในด้านวิศวกรรมศาสตร์
ไปศึกษาด้านรัฐศาสตร์และการปกครองแทน เพื่อให้สามารถนำความรู้ดังกล่าวมาปกครองชาวไทยได้อย่างเต็มที่
แต่ถึงแม้ไม่ได้ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยตรง แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพก็ทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง
และนำมาปรับใช้บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรเสมอมา
ดังพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนไทยและชาวต่างประเทศอย่างมากมาย
อาทิ “โครงการฝนหลวง” ที่ทรงร่วมศึกษาค้นคว้าและวิจัยจากหลักการทำฝนเทียมในต่างประเทศ
แล้วมาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมของประเทศไทย
รวมถึง “ทฤษฎีแกล้งดิน” อีกหนึ่งพระอัจฉริยะภาพด้านวิทยาศาสตร์ ในการแก้ไขดินที่เปรี้ยวจัด
ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้ให้กลับกลายเป็นดินที่ใช้ทำการเกษตรได้
ตลอดจนการวิจัยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนจากน้ำมันปาล์ม
หรือเชื้อเพลิงชีวภาพจากอ้อยสู่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการในพระราชดำริจำนวนมาก
ที่พระองค์ได้นำพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์เข้าไปปรับใช้
โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง
อาชีพวิศวกรสำรวจ
พระปรีชาสามารถที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงนำมาใช้ในการประกอบพระราชกรณีกิจ
ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่ห่างไกลนั้นมีหลากหลายด้าน
แต่พระอัจฉริยภาพด้านหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของงานด้านนี้ คือ พระอัจฉริยภาพด้านวิศวกรรมสำรวจ
ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการจัดการ การควบคุม การใช้และการผลิตแผนที่
เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค
ดังภาพที่คนไทยทุกคนเห็นจนชินตาก็คือ ในการทรงงานของพระองค์ทุกครั้งจะมีอุปกรณ์คู่พระวรกายคือแผนที่
โดยแผนที่แผ่นนั้นมีความพิเศษคือมีข้อมูลของทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่ได้เสด็จไป
ไม่ว่าจะเสด็จลงไปในพื้นที่ใด พระองค์จะทรงสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และราษฎรในท้องถิ่น
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ไปพร้อมๆ กัน
หากพบว่ามีข้อมูลใหม่ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาก็จะทรงบันทึกไว้อย่างละเอียด
หรือหากมีความผิดพลาดก็จะทรงตรวจสอบเพื่อแก้ไขไปในคราวเดียวกัน
จากการทรงงานเช่นนี้ทำให้บ่อยครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
จะทรงพระราชทานข้อมูลที่ถูกต้องแก่กรมแผนที่ทหารเพื่อนำไปแก้ไขให้ถูกต้องอีกด้วย
นอกจากนี้ยังทรงใช้แผนที่ค้นหาว่าในแต่ละพื้นที่มีแหล่งน้ำ หรือเส้นทางน้ำอยู่ที่ใดบ้าง
เพื่อเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ หรือแก้มลิง
ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรและสำรวจพื้นที่เพื่อการจัดการทรัพยากร
โดยไม่กลัวความยากลำบากของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี
ทำให้ทุกพื้นที่ที่พระองค์เสด็จไปมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น
ทั้งยังเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่สร้างการเรียนรู้ให้แก่ราษฎรได้นำไปใช้ประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตได้อย่างยั่งยืน
สร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรอย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น
ขอขอบคุณเนื้อหา : ในหลวงรัชการที่9 โครงการในพระราชดำริ เกษตรทฤษฎีใหม่ ฝนหลวง กังหันน้ำชัยพัฒนา ทฤษฎีแกล้งดิน
......อาชีพที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ในหลวง รัชกาลที่ 9”
ซึ่งเป็นช่วงที่มีการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน
ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านที่ทรงสร้างคุณูปการให้แก่ปวงชนชาวไทยอย่างมากมายมหาศาล
ด้วยพระราชกรณียชกิจที่ทรงปฏิบัติมาตลอดในฐานะ “พ่อหลวงของชนชาวไทย”
เกิดเป็นโครงการในพระราชดำริถึง 4,000 กว่าโครงการ
นอกจากนี้ประชาชนชาวไทยยังได้ประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพหลากหลายด้าน
ทั้งด้านดนตรี จิตรกรรม การถ่ายภาพ การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร กีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต เป็นแนวทางทั้งในด้านหลักคิด การฝึกฝนปฏิบัติ
รวมถึงความมุ่งมั่นพากเพียรแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯ ขอน้อมนำเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย
ผู้ทรงเป็นดั่งต้นแบบในการใช้ชีวิต และศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ
โดยได้รวบรวมเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงเป็นแบบอย่างให้กับปวงชนชาวไทยในสายอาชีพต่างๆ
อาชีพเกษตรกร
“เมืองไทยต้องพึ่งเกษตรกรเป็นสำคัญ เพราะว่าเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ประเทศหนึ่งประเทศใดจะอยู่ได้ก็เพราะว่ามีกสิกรรม
การประกอบอาชีพ ในด้านผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติ
ทั้งในด้านที่จะเป็นการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกผลไม้ หรือทำมาหากินในด้านปศุสัตว์หรือประมง”
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการทำเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก
จากการเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย
ทำให้พระองค์ทรงพบว่า การทำการเกษตรในไทยนั้นมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเพราะการขาดความรู้ความเข้าใจในการทำการเกษตร ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ไม่เอื้ออำนวย
หรือสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง
เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหาต่างๆ พระองค์จึงทรงศึกษาเรื่องการเกษตรอย่างจริงจัง
สำรวจพื้นที่ชนบทต่างๆ รวมทั้งมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการขึ้นมากมาย
เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพระราชดำริเรื่อง “เกษตรทฤษฎีใหม่”
แนวทางที่ช่วยให้เกษตรกรบริหารที่ดินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด
โครงการ “ฝนหลวง” ที่ช่วยเหลือในเรื่องของการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
ตลอดจนการทำเกษตรกรรม หรือ “โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา”
ที่อยู่ในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น
โดยทรงใช้เป็นที่ค้นคว้า วิจัย และทดลองทำการเกษตรในรูปแบบต่างๆ
เพื่อที่พระองค์จะทรงเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำการเกษตรด้วยพระองค์เองได้ครบทุกด้าน
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อเกษตรกร ไม่ได้มีเพียงด้านกสิกรรมเท่านั้น
หากแต่ยังพระราชทานโครงการและแนวพระราชดำริต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปศุสัตว์ เช่น โครงการธนาคารโคนม และด้านการประมง เช่น การพระราชทานพันธุ์ปลานิล เป็นต้น
ซึ่งพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือเกษตรกรนั้นมีอยู่ล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้
อาชีพนักประดิษฐ์
อย่างที่ทราบกันดีว่าพระอัจฉริยภาพหลายด้านของพระองค์นั้นมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
รวมถึงพระอัจฉริยภาพด้านการประดิษฐ์ก็เช่นกัน
นอกเหนือจากพระปรีชาสามารถด้านการคิดและริเริ่มในแบบที่นักประดิษฐ์ทั่วไปควรมี
พระปรีชาสามารถอีกอย่างหนึ่งของพระองค์คือการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์
หรืองานช่างที่ทรงศึกษามาปรับใช้กับสิ่งที่มีในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี วัตถุดิบ
หรือแม้กระทั่งแรงงานการผลิตมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากพระปรีชาของพระองค์ท่านที่คนไทยและคนทั่วโลกรู้จักกันดีก็คือ
เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ที่ช่วยแก้ปัญหาน้ำเสีย
นอกจากนี้พระปรีชาในด้านประดิษฐ์ของพระองค์ท่านที่เป็นที่ประจักษ์ก็คือการประดิษฐ์เรือใบสากล
โดยเรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกพระราชทานนามว่า ราชประแตน
สิ่งประดิษฐ์ทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหลายสิ่งประดิษฐ์
ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งพระราชหฤทัยทำในสิ่งที่พระองค์ชื่นชอบ
ไม่ใช่เพียงแค่ทำเพื่อให้รู้สึกว่าได้ทำ แต่ทรงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าพระองค์มีความเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้นยังทรงนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาปรับใช้กับการดูแลพสกนิกรและการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดีด้วย
อาชีพนักวิทยาศาสตร์
จุดเริ่มต้นความสนพระราชหฤทัยในด้านวิทยาศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ฉายแววพระอัจฉริยภาพตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ แต่ถึงจะมีความสนพระราชหฤทัยเพียงไร
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะกษัตริย์ย่อมมาก่อน
หลังขึ้นครองราชย์จึงเปลี่ยนพระราชหฤทัยด้านการศึกษาจากที่จะศึกษาต่อในด้านวิศวกรรมศาสตร์
ไปศึกษาด้านรัฐศาสตร์และการปกครองแทน เพื่อให้สามารถนำความรู้ดังกล่าวมาปกครองชาวไทยได้อย่างเต็มที่
แต่ถึงแม้ไม่ได้ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยตรง แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพก็ทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง
และนำมาปรับใช้บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรเสมอมา
ดังพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนไทยและชาวต่างประเทศอย่างมากมาย
อาทิ “โครงการฝนหลวง” ที่ทรงร่วมศึกษาค้นคว้าและวิจัยจากหลักการทำฝนเทียมในต่างประเทศ
แล้วมาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมของประเทศไทย
รวมถึง “ทฤษฎีแกล้งดิน” อีกหนึ่งพระอัจฉริยะภาพด้านวิทยาศาสตร์ ในการแก้ไขดินที่เปรี้ยวจัด
ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้ให้กลับกลายเป็นดินที่ใช้ทำการเกษตรได้
ตลอดจนการวิจัยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนจากน้ำมันปาล์ม
หรือเชื้อเพลิงชีวภาพจากอ้อยสู่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการในพระราชดำริจำนวนมาก
ที่พระองค์ได้นำพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์เข้าไปปรับใช้
โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง
อาชีพวิศวกรสำรวจ
พระปรีชาสามารถที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงนำมาใช้ในการประกอบพระราชกรณีกิจ
ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่ห่างไกลนั้นมีหลากหลายด้าน
แต่พระอัจฉริยภาพด้านหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของงานด้านนี้ คือ พระอัจฉริยภาพด้านวิศวกรรมสำรวจ
ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการจัดการ การควบคุม การใช้และการผลิตแผนที่
เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค
ดังภาพที่คนไทยทุกคนเห็นจนชินตาก็คือ ในการทรงงานของพระองค์ทุกครั้งจะมีอุปกรณ์คู่พระวรกายคือแผนที่
โดยแผนที่แผ่นนั้นมีความพิเศษคือมีข้อมูลของทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่ได้เสด็จไป
ไม่ว่าจะเสด็จลงไปในพื้นที่ใด พระองค์จะทรงสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และราษฎรในท้องถิ่น
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ไปพร้อมๆ กัน
หากพบว่ามีข้อมูลใหม่ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาก็จะทรงบันทึกไว้อย่างละเอียด
หรือหากมีความผิดพลาดก็จะทรงตรวจสอบเพื่อแก้ไขไปในคราวเดียวกัน
จากการทรงงานเช่นนี้ทำให้บ่อยครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
จะทรงพระราชทานข้อมูลที่ถูกต้องแก่กรมแผนที่ทหารเพื่อนำไปแก้ไขให้ถูกต้องอีกด้วย
นอกจากนี้ยังทรงใช้แผนที่ค้นหาว่าในแต่ละพื้นที่มีแหล่งน้ำ หรือเส้นทางน้ำอยู่ที่ใดบ้าง
เพื่อเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ หรือแก้มลิง
ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรและสำรวจพื้นที่เพื่อการจัดการทรัพยากร
โดยไม่กลัวความยากลำบากของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี
ทำให้ทุกพื้นที่ที่พระองค์เสด็จไปมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น
ทั้งยังเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่สร้างการเรียนรู้ให้แก่ราษฎรได้นำไปใช้ประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตได้อย่างยั่งยืน
สร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรอย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น
ขอขอบคุณเนื้อหา : ในหลวงรัชการที่9 โครงการในพระราชดำริ เกษตรทฤษฎีใหม่ ฝนหลวง กังหันน้ำชัยพัฒนา ทฤษฎีแกล้งดิน