อย่างที่เล่าไปแล้วว่าใน hostel เขาทำบรรยากาศเหมือนเป็นกลางคืนตลอดเวลา ขนาด 11 โมงยังไม่รู้สึกว่าคือกลางวันอะ คนเลยพากันตื่นสายหมด ยกเว้นคนที่ต้องเช็คเอาท์แล้วก็จะเห็นว่าตื่นกันได้เช้าๆ ซึ่งด้วยความที่เมื่อคืนเราดื่มไปหลายขนานมาก แน่นอนว่าตื่นปาไป 10 โมง เรารีบตาเหลือกขึ้นไปกินอาหารเช้า แล้วรีบออกไปขึ้นรถไฟเลย ตามแผนเดิมวันนี้เราตั้งใจจะ cafe hopping ต่อในร้านที่ไกลออกไป อยู่สถานี Hang Tuah ที่ต้องต่อรถ เริ่มจากนั่ง MRT ที่สถานี Pasar Seni ก่อน ด้วยความที่เราเบลอก็ผิดๆถูกๆอยู่เล็กน้อย จนไปถึงสถานีเอาตอน 11 โมงกว่าๆ ดูตามแพลนที่เตรียมมาก็ต้องข้ามถนนใหญ่ไป โหยยย แดดร้อนจนเราถอดใจ ก็ตีตั๋วกลับง่ายๆเลยจ้า
สรุปเรากลับมาที่สถานี Masjid Jamek กะว่าจะเดินหาอะไรกินแถวๆนี้แล้วเดินลากยาวไปต่อที่ Kasturi Walk เพื่อแวะซื้อของฝากใน KL Central Market ด้วย สุดท้ายจบที่ไก่ผู้พันจ้า เลือกสั่งชุด tenderbox มากิน ได้ไก่ไม่มีกระดูกมา 3 ชิ้น จิ้มกับ dipping หัวหอมซาวครีม มีไก่กรอบ 1 ชิ้นกับเฟรนช์ฟรายส์อีกจำนวนนึง เราชอบไก่ไม่มีกระดูกมาก รสอร่อยกว่าของไทยเยอะ ชุ่มฉ่ำกว่าด้วย ส่วนไก่กรอบสู้ไม่ได้เลย จืดกว่าระดับนึง แต่เราว่ารสยังดีกว่าของฝรั่งอะนะ แต่ที่แย่สุดคือซอสมะเขือเทศ หวานจนตกใจ กินไม่ลงเลย ก็เลยแอบเหลือไก่กรอบหน่อยนึง พอดีได้เป็นชิ้นเนื้อแห้งๆมา ไม่ฉ่ำ กินเปล่าๆไม่จิ้มเลยก็กินไม่ลง
ช่วงเดินไป Kasturi Walk กับที่ KL Central Market นี้ไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลยเพราะฝนปรอยๆและมัวแต่สแกนหาของฝาก แต่รวมๆอยู่โซนนั้นถึงราวบ่ายสามกว่าได้เลย จากตรงนั้นสามารถเดินกลับที่พักได้ไม่ไกล เรามีแวะร้านอินเดียร้านนึงเพื่อซื้อเสื้อของฝาก ราคาถูกกว่าตรงโซนของฝากทั่วๆไปซะอีกนะ 6 RM เองละ เลยจัดมาตัวนึง และแวะมินิมาร์ทซื้อคิกคาปู้กินเล่นอีกกระป๋องก่อนขึ้นห้อง
เรากลับขึ้นห้องไปพักราวครึ่งชั่วโมงได้ ก็ลงมาที่คาเฟ่เก๋ๆในซอยข้างๆต่อเลย ชื่อร้าน Cafe etc. ร้านนี้ตกแต่งโปร่งโล่งสบาย ออกโทนขาวสว่างตัดดำเล็กน้อย คนมานั่งเยอะเหมือนกันเทียบจากเวลาบ่ายแก่ๆแบบนั้น
เมนูที่เราสั่งมาก็มี iced honey lemon (7rm) ที่มาใน Mason jar น่ารักเชียว กับ salted caramel crepe cake (13rm) กินคู่กันอร่อยมาก เครปเค้กดีงามสุดๆ เราเป็นคนชอบ salted caramel มากอยู่แล้วด้วย สลับชั้นกับครีมสดมันๆ โอยยย ดีงามในสามโลก อยากจะกินมันทั้งถาด บ้าไปแล้ว ถ้าคราวหน้ากลับไปละไม่ทำเมนูนี้อีกจะลงไปดิ้นมันหน้าร้านเลย หวังว่าเขาคงทำทุกวันนะ ไอ่เราก็ลืมถาม
จากนั้นเราก็กลับขึ้นห้องอีก เตรียมตัวออกไปห้าง NU Sentral ที่อยู่ติดกับ KL Sentral เลย พอดีมีเพื่อนฝากดูของในช็อปบางอย่าง ส่วนตัวเราตั้งใจจะไปดูของที่ Sephora กับ Cotton On ด้วยเลยตัดสินใจไป สุดท้ายได้ถุงผ้ามา 4 ใบ กับได้ลองรองพื้นที่ Sephora แต่ก็ไม่มีให้ซื้อเพราะของหมดสต็อกทุกสี เสียดายมาก เพราะ Sephora ที่มาเลย์นี้ถูกกว่าที่ไหนๆบนโลกละ ไว้ตอนไปปีนังอีกรอบหวังว่าคงพอมีของให้ซื้อนะ อยู่ที่นี่ราวชั่วโมงครึ่ง ก็นั่งรถไฟกลับที่พัก อ้อ ช่วงเวลาห้าโมงกว่าๆรถไฟที่นี่คนเยอะพอๆกะบ้านเราเลยอะ นั่งไปห้างกันละมั้ง
เข้าที่พักได้ก็นั่งๆนอนๆพักเท้าเล็กน้อย เตรียมออกไปเดินหาของฝากรอบสุดท้ายที่ถนนไชน่าทาวน์ของปลอม เดินๆไปอย่างอ่อนใจ มีแต่ของปลอมทั้งนั้น สุดท้ายเก็บตกของได้ครบหมดตามตั้งใจ กะว่าจะเลี่ยงไปหาของกินในโซนอื่นแทนที่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินตรงไหนดี อาจจะลองเสี่ยงไป Jalan Alors ดีมั้ย แต่คนก็เยอะอีก ไม่ชอบเท่าไหร่ หรือไปตรงไหนยังไม่รู้
พอดีเดินผ่านร้าน Fat Brothers Barbecue-Fried Lok Lok ที่เมื่อวานก็ผ่านแล้วตอนจะไปกิน Ramly เบอร์เกอร์ วันนี้เลยลองกินดู สภาพก็แนวเดียวกับปีนังแหละ มีทาสีไว้ปลายไม้เพื่อบอกราคา แต่ของร้านนี้เขามีทั้งแบบทอดและแบบลวกน้ำร้อน เราชอบแนวทอดมากกว่า เราหยิบมารอบแรกมีไก่สะเต๊ะ 2 ไม้ เห็ดเข็มทองพันเบคอน 1 ไม้ และไก่ปีกเต็มอีก 1 ไม้ ทุกอย่างเราว่าอร่อยหมดเลย มันจะออกเค็มๆผสมบาร์บีคิวอะ เราไม่ได้สั่งน้ำเขาด้วยนะ เพราะพกออกมากินเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร กินจนหมดรอบแรกยังไม่อิ่ม เลยเอาสะเต๊ะไก่มาอีกไม้ เบคอนธรรมดาอีกไม้ ละก็เห็ดเข็มพันเบคอนอีกไม้ กินเสร็จเรียกมาคิดเงิน พนง.หญิงพูดกะเราด้วยภาษามาเลย์ตลอด จนพอนับไม้บอกราคาเราทำหน้าเหวอ เขาเลยขอโทษ แล้วหันมาพูดอังกฤษ เขาคิดว่าเราเป็นอินโดอ่ะสิ แล้วเขาก็ถามว่าเรามาจากไหน พอเราว่ามาจากไทย เขาเลยถามว่าอร่อยไหมคะ เราก็ตอบไปว่าอร่อยมาก แต่เราคาก็แรงอยู่นะร้านนี้ ทั้งหมดที่กินไปอะ 25.50 RM เลยแหละ ซึ่งเรายังกินได้อีกอะ ถ้าให้กะนะ สะเต๊ะไก่เรายังต่อได้อีก 3 ปีกไก่อีก 1 เห็ดเข็มเบคอนอีก 2 ประมาณนี้อีกถึงจะอิ่ม ฮ่าๆ คูณๆไปสิทะลุ 40 แน่ๆ
กินเสร็จก็เดินกลับห้องแบบโง่ๆเลย (จริงๆโง่อยู่แล้ว จะเดินกลับเองหรือเรียก Uber มารับก็โง่ทุกวิธี) กลับมาแล้วก็นั่งเล่นมือถือยุกยิกไม่มีอะไรทำ เลยลงไปเซเว่นกะว่าหาเบียร์มานั่งจิบที่ดาดฟ้าสักกระป๋องแล้วนอน ลงไปก็เจอ Tiger รุ่นผสมเลมอนมีโปรฯ ซื้อกระป๋องสองในราคา 2 ริง ก็จัดไปสิฮะ แล้วซื้อขนมของ Gardenia ที่ทำเลียนแบบ Twinkie ของฝรั่งมาลองกินเล่นด้วย จากนั้นก็เอาขึ้นมานั่งกินบนดาดฟ้า นั่งยาวมากจนตีสามได้ ถึงจะลงไปนอน จบวันที่สามไปแบบเบลอๆ พรุ่งนี้เที่ยงๆก็กลับแล้ว เดี๋ยวมาต่อกระทู้สุดท้ายฮะ
ค่าใช้จ่ายประจำวัน
ค่าเดินทาง 5.10 RM
ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 72.60 RM
[MY Kuala Lumpur #3] กัวลาลัมเปอร์ วันที่สามเราเบลอๆ
อย่างที่เล่าไปแล้วว่าใน hostel เขาทำบรรยากาศเหมือนเป็นกลางคืนตลอดเวลา ขนาด 11 โมงยังไม่รู้สึกว่าคือกลางวันอะ คนเลยพากันตื่นสายหมด ยกเว้นคนที่ต้องเช็คเอาท์แล้วก็จะเห็นว่าตื่นกันได้เช้าๆ ซึ่งด้วยความที่เมื่อคืนเราดื่มไปหลายขนานมาก แน่นอนว่าตื่นปาไป 10 โมง เรารีบตาเหลือกขึ้นไปกินอาหารเช้า แล้วรีบออกไปขึ้นรถไฟเลย ตามแผนเดิมวันนี้เราตั้งใจจะ cafe hopping ต่อในร้านที่ไกลออกไป อยู่สถานี Hang Tuah ที่ต้องต่อรถ เริ่มจากนั่ง MRT ที่สถานี Pasar Seni ก่อน ด้วยความที่เราเบลอก็ผิดๆถูกๆอยู่เล็กน้อย จนไปถึงสถานีเอาตอน 11 โมงกว่าๆ ดูตามแพลนที่เตรียมมาก็ต้องข้ามถนนใหญ่ไป โหยยย แดดร้อนจนเราถอดใจ ก็ตีตั๋วกลับง่ายๆเลยจ้า
สรุปเรากลับมาที่สถานี Masjid Jamek กะว่าจะเดินหาอะไรกินแถวๆนี้แล้วเดินลากยาวไปต่อที่ Kasturi Walk เพื่อแวะซื้อของฝากใน KL Central Market ด้วย สุดท้ายจบที่ไก่ผู้พันจ้า เลือกสั่งชุด tenderbox มากิน ได้ไก่ไม่มีกระดูกมา 3 ชิ้น จิ้มกับ dipping หัวหอมซาวครีม มีไก่กรอบ 1 ชิ้นกับเฟรนช์ฟรายส์อีกจำนวนนึง เราชอบไก่ไม่มีกระดูกมาก รสอร่อยกว่าของไทยเยอะ ชุ่มฉ่ำกว่าด้วย ส่วนไก่กรอบสู้ไม่ได้เลย จืดกว่าระดับนึง แต่เราว่ารสยังดีกว่าของฝรั่งอะนะ แต่ที่แย่สุดคือซอสมะเขือเทศ หวานจนตกใจ กินไม่ลงเลย ก็เลยแอบเหลือไก่กรอบหน่อยนึง พอดีได้เป็นชิ้นเนื้อแห้งๆมา ไม่ฉ่ำ กินเปล่าๆไม่จิ้มเลยก็กินไม่ลง
ช่วงเดินไป Kasturi Walk กับที่ KL Central Market นี้ไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลยเพราะฝนปรอยๆและมัวแต่สแกนหาของฝาก แต่รวมๆอยู่โซนนั้นถึงราวบ่ายสามกว่าได้เลย จากตรงนั้นสามารถเดินกลับที่พักได้ไม่ไกล เรามีแวะร้านอินเดียร้านนึงเพื่อซื้อเสื้อของฝาก ราคาถูกกว่าตรงโซนของฝากทั่วๆไปซะอีกนะ 6 RM เองละ เลยจัดมาตัวนึง และแวะมินิมาร์ทซื้อคิกคาปู้กินเล่นอีกกระป๋องก่อนขึ้นห้อง
เรากลับขึ้นห้องไปพักราวครึ่งชั่วโมงได้ ก็ลงมาที่คาเฟ่เก๋ๆในซอยข้างๆต่อเลย ชื่อร้าน Cafe etc. ร้านนี้ตกแต่งโปร่งโล่งสบาย ออกโทนขาวสว่างตัดดำเล็กน้อย คนมานั่งเยอะเหมือนกันเทียบจากเวลาบ่ายแก่ๆแบบนั้น
เมนูที่เราสั่งมาก็มี iced honey lemon (7rm) ที่มาใน Mason jar น่ารักเชียว กับ salted caramel crepe cake (13rm) กินคู่กันอร่อยมาก เครปเค้กดีงามสุดๆ เราเป็นคนชอบ salted caramel มากอยู่แล้วด้วย สลับชั้นกับครีมสดมันๆ โอยยย ดีงามในสามโลก อยากจะกินมันทั้งถาด บ้าไปแล้ว ถ้าคราวหน้ากลับไปละไม่ทำเมนูนี้อีกจะลงไปดิ้นมันหน้าร้านเลย หวังว่าเขาคงทำทุกวันนะ ไอ่เราก็ลืมถาม
จากนั้นเราก็กลับขึ้นห้องอีก เตรียมตัวออกไปห้าง NU Sentral ที่อยู่ติดกับ KL Sentral เลย พอดีมีเพื่อนฝากดูของในช็อปบางอย่าง ส่วนตัวเราตั้งใจจะไปดูของที่ Sephora กับ Cotton On ด้วยเลยตัดสินใจไป สุดท้ายได้ถุงผ้ามา 4 ใบ กับได้ลองรองพื้นที่ Sephora แต่ก็ไม่มีให้ซื้อเพราะของหมดสต็อกทุกสี เสียดายมาก เพราะ Sephora ที่มาเลย์นี้ถูกกว่าที่ไหนๆบนโลกละ ไว้ตอนไปปีนังอีกรอบหวังว่าคงพอมีของให้ซื้อนะ อยู่ที่นี่ราวชั่วโมงครึ่ง ก็นั่งรถไฟกลับที่พัก อ้อ ช่วงเวลาห้าโมงกว่าๆรถไฟที่นี่คนเยอะพอๆกะบ้านเราเลยอะ นั่งไปห้างกันละมั้ง
เข้าที่พักได้ก็นั่งๆนอนๆพักเท้าเล็กน้อย เตรียมออกไปเดินหาของฝากรอบสุดท้ายที่ถนนไชน่าทาวน์ของปลอม เดินๆไปอย่างอ่อนใจ มีแต่ของปลอมทั้งนั้น สุดท้ายเก็บตกของได้ครบหมดตามตั้งใจ กะว่าจะเลี่ยงไปหาของกินในโซนอื่นแทนที่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินตรงไหนดี อาจจะลองเสี่ยงไป Jalan Alors ดีมั้ย แต่คนก็เยอะอีก ไม่ชอบเท่าไหร่ หรือไปตรงไหนยังไม่รู้
พอดีเดินผ่านร้าน Fat Brothers Barbecue-Fried Lok Lok ที่เมื่อวานก็ผ่านแล้วตอนจะไปกิน Ramly เบอร์เกอร์ วันนี้เลยลองกินดู สภาพก็แนวเดียวกับปีนังแหละ มีทาสีไว้ปลายไม้เพื่อบอกราคา แต่ของร้านนี้เขามีทั้งแบบทอดและแบบลวกน้ำร้อน เราชอบแนวทอดมากกว่า เราหยิบมารอบแรกมีไก่สะเต๊ะ 2 ไม้ เห็ดเข็มทองพันเบคอน 1 ไม้ และไก่ปีกเต็มอีก 1 ไม้ ทุกอย่างเราว่าอร่อยหมดเลย มันจะออกเค็มๆผสมบาร์บีคิวอะ เราไม่ได้สั่งน้ำเขาด้วยนะ เพราะพกออกมากินเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร กินจนหมดรอบแรกยังไม่อิ่ม เลยเอาสะเต๊ะไก่มาอีกไม้ เบคอนธรรมดาอีกไม้ ละก็เห็ดเข็มพันเบคอนอีกไม้ กินเสร็จเรียกมาคิดเงิน พนง.หญิงพูดกะเราด้วยภาษามาเลย์ตลอด จนพอนับไม้บอกราคาเราทำหน้าเหวอ เขาเลยขอโทษ แล้วหันมาพูดอังกฤษ เขาคิดว่าเราเป็นอินโดอ่ะสิ แล้วเขาก็ถามว่าเรามาจากไหน พอเราว่ามาจากไทย เขาเลยถามว่าอร่อยไหมคะ เราก็ตอบไปว่าอร่อยมาก แต่เราคาก็แรงอยู่นะร้านนี้ ทั้งหมดที่กินไปอะ 25.50 RM เลยแหละ ซึ่งเรายังกินได้อีกอะ ถ้าให้กะนะ สะเต๊ะไก่เรายังต่อได้อีก 3 ปีกไก่อีก 1 เห็ดเข็มเบคอนอีก 2 ประมาณนี้อีกถึงจะอิ่ม ฮ่าๆ คูณๆไปสิทะลุ 40 แน่ๆ
กินเสร็จก็เดินกลับห้องแบบโง่ๆเลย (จริงๆโง่อยู่แล้ว จะเดินกลับเองหรือเรียก Uber มารับก็โง่ทุกวิธี) กลับมาแล้วก็นั่งเล่นมือถือยุกยิกไม่มีอะไรทำ เลยลงไปเซเว่นกะว่าหาเบียร์มานั่งจิบที่ดาดฟ้าสักกระป๋องแล้วนอน ลงไปก็เจอ Tiger รุ่นผสมเลมอนมีโปรฯ ซื้อกระป๋องสองในราคา 2 ริง ก็จัดไปสิฮะ แล้วซื้อขนมของ Gardenia ที่ทำเลียนแบบ Twinkie ของฝรั่งมาลองกินเล่นด้วย จากนั้นก็เอาขึ้นมานั่งกินบนดาดฟ้า นั่งยาวมากจนตีสามได้ ถึงจะลงไปนอน จบวันที่สามไปแบบเบลอๆ พรุ่งนี้เที่ยงๆก็กลับแล้ว เดี๋ยวมาต่อกระทู้สุดท้ายฮะ
ค่าใช้จ่ายประจำวัน
ค่าเดินทาง 5.10 RM
ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 72.60 RM